BMW 330e F30 นาทีนี้น่าซื้อ! 1.5 ล้าน แรงสะใจ รถยังใหม่ BSI ยังเหลือ

หากคุณกำลังอยู่ในช่วงที่อยากลองสัมผัสสมรรถนะของรถเยอรมันสักคัน แต่รู้สึกมีความต้องการอยากได้รถขับหลัง โดยที่มีงบประมาณอยู่ล้านห้าบนหน้าตัก ผมอยากแนะให้คุณลองเช็คตลาดรถมือสองดีๆ เพราะวินาทีนี้ รถอย่าง 330e บอดี้ F30 นั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และรถหลายคันที่ประกาศขายกันนั้น ก็ยังมี BSI เหลืออยู่ 1-2 ปีให้เจ้าของใหม่อุ่นใจไปได้สักพัก มันจะมีโอกาสไหนอีกหรือที่คุณจะได้เป็นเจ้าของซาลูนขับหลัง พลังแรงสูง เสียบปลั๊กชาร์จวิ่งโดยไม่ใช้น้ำมันได้ อีกทั้งยังมีมาดดูดี ไม่ว่าคุณจะขับไปติดต่อธุรกิจ Hang out กับเพื่อน หรือขับเล่นในแทร็คขำขำ

ถ้าอยากรู้ว่า 330e ในการควบคุมของมืออาชีพสามารถทำอะไรได้บ้าง ให้คลิปนี้ตอบคำถามแทนผม

หลังจากได้ดูคลิปข้างบนนี้ คุณจะเห็นได้เลยว่า ต่อให้เป็นรถสายเขียว แต่ BMW 330e ยังมีความสนุกแบบรถขับหลังอย่างที่คุณต้องการถ้าคุณว่างพอจะเอามันไปลงแทร็คจริงๆ นอกจากนี้ ข้อดีของรถอย่าง 330e ที่ผมพอจะร่ายได้สั้นๆก่อน ก็มีหลายประการ ยกตัวอย่างคร่าวๆก่อนนะครับ

  • เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งขับสนุกโดยพื้นฐานของรถ เหมาะสำหรับคนที่สนุกกับการแก้ท้ายปัดของรถ นิสัย “BMW DNA” ยังอยู่ครบ
  • ลักษณะการออกแบบภายใน ยังไม่เป็นดิจิตอลมากเกินไป ทำให้ใช้งานได้ง่าย เข้าใจง่าย แม้จะขาดความน่าตื่นตาแบบรถรุ่นใหม่ไปบ้าง
  • มีวิทยาการรองรับการขับขี่ที่ก้าวหน้า เช่นระบบรักษาการทรงตัวและการยึดเกาะที่ตอบสนองเร็ว ทำงานไว สร้างความปลอดภัยให้นักขับมือสมัครเล่นได้สนุกเท่ามืออาชีพ
  • มีเครื่องยนต์ที่ตอบสนองต่อการโมดิฟายได้ดี 330e สามารถเพิ่มแรงม้าเป็น 300-310 แรงม้าได้โดยไม่มีการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใดๆ แค่ Remap กล่องเดิมหรือใส่กล่องพ่วง
  • ขนาดตัวเหมาะสม สามารถใช้งานได้หลากหลาย พาพ่อแม่นั่งเบาะหลังแล้วท่านไม่รู้สึกเหมือนเรากำลังลงโทษท่าน
  • และยังสามารถใช้พลังไฟฟ้าวิ่งได้ไกล 18-25 กิโลเมตร (แปรผันตามวิธีการขับ) ต่อให้ออกไปแฮ่นนอกบ้านมา กลับดึก กดปุ่มใช้โหมดไฟฟ้า ย่องเงียบเข้าโรงรถในบ้าน บ้านไม่ลั่น ลูกน้อยไม่ตื่น เมียไม่ด่า

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ 330e F30 จำหน่ายมาเป็นเวลานานพอสมควร ทำให้ได้เห็นว่าสิ่งที่หลายคนกลัวเกี่ยวกับระบบไฮบริด โดยเฉพาะการเป็นรถไฮบริดจากฝั่งยุโรปด้วยนั้น อาจไม่ได้ดูแย่เสมอไป หากเทียบกับรถไฮบริดแบรนด์ยุโรปด้วยกัน 330e ถือว่าเป็นรถ Plug-in Hybrid สายยุโรปที่มีปัญหาน้อยกว่าที่คิด รถส่วนมากอยู่มานาน 3-4 ปี วิ่งใช้งานอย่างปกติโดยไม่มีปัญหาใหญ่ประเภทชวนให้เจ้าของจูงรถไปทิ้งเหว

แต่ทั้งนี้ ด้วยความเป็นรถยุโรปแบรนด์พรีเมียมบวกกับองค์ประกอบทางไฮบริดของมัน ก็อย่าชะล่าใจว่ามันจะทนทานใช้ไป 10 ปีแบบสบายๆ ผมแนะนำว่าเรามองราคาที่คุณซื้อ กับสิ่งที่คุณได้ แล้วเผื่อค่าดูแลรักษาเอาไว้บ้าง เพราะเมื่อจับมาแล้ว คุณน่าจะใช้มันต่อไปอีก 3-5 ปี ระหว่างนั้นหาก BSI หมดลง ก็ควรเผื่อใจไว้บ้าง ความไม่ประมาท คือสิ่งที่ดีที่สุด

330e เผยโฉมครั้งแรกที่งาน Frankfurt Motorshow เดือนกันยายน ปี 2015 นับเป็นรถยนต์เวอร์ชั่นผลิตขายจริงรุ่นแรกของ BMW ที่ใช้ขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid โดยก่อนหน้านั้นในบอดี้ F30 ทาง BMW ได้สร้างรุ่น ActiveHybrid3 ซึ่งเป็นระบบไฮบริดแบบไม่มีปลั๊กเสียบ ด้วยพลัง 340 แรงม้าที่เสริมด้วยมอเตอร์ ทำให้คนเล่นรถประทับใจจากเสียงเครื่องและความดุดันเหมือนรถสปอร์ต แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ActiveHybrid3 ขายได้เป็นจำนวนไม่มากเพราะราคาเริ่มต้นก็ปาเข้าไป 4.199 ล้านบาทแล้ว

ทาง BMW Thailand เมื่อเห็นว่าทางเมืองนอกมีดำริจะขาย 330e ก็เลยสบโอกาสนำรถรุ่นนี้มาเสริมทางเลือกให้กับ 3 Series ที่ขายอยู่ เพราะนอกจากจะได้แรงม้าเท่ารุ่น 330i แล้ว ยังได้ประโยชน์จากการคิดภาษีสรรพสามิตอัตรารถไฮบริดที่ถูกลง ทำให้รถที่สเป็คดูเท่าๆกับรุ่นเบนซินธรรมดา สามารถขายได้ในราคาถูกลง หรือขายในราคาเดิมแต่เพิ่มเติมอุปกรณ์ได้มากขึ้น

POWERTRAIN

330e ใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่พัฒนาให้มีพลังกำลังมากขึ้นและแบตเตอรี่เก็บไฟขนาดโตขึ้นกว่า ActiveHybrid3

โดยเครื่องยนต์จะเป็นแบบ B48B20A ที่ยกมาจากรุ่น 320i เป็นเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบเดี่ยวให้กำลัง 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,350-4,250 รอบ/นาที ขนาดกระบอกสูบโต 82.0 มิลลิเมตร ระยะช่วงชัก 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0:1

มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Synchronous Electric Motor มีกำลังสูงสุด 88 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร (มอเตอร์ของ ActiveHybrid3 จะมี 55 แรงม้า กับ 210 นิวตันเมตร…แต่ที่มันวิ่งระเบิดกว่า 330e ได้เพราะเครื่องยนต์สันดาปมันเป็นเครื่อง 6 สูบ 3.0 ลิตรเทอร์โบ 306 แรงม้า) โดยมอเตอร์นี้จะติดตั้งเหมือนแฮมแผ่นแซนด์วิชอยู่ระหว่างท้ายเครื่องยนต์กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ

ส่วนแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion นั้นมีความจุ 7.6 kWh แต่ส่วนที่ใช้จริง (จาก 100-0% บนหน้าปัด) จะมี 5.7 kWh ซึ่งจุมากกว่าแบตเตอรี่ 1.35 kWh ของ ActiveHybrid3 ด้วยจุดประสงค์ของ 330e นั้นชัดเจนว่าต้องสามารถวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าเพียวๆได้ไกลจนเพียงพอสำหรับคนส่วนมากในการเดินทางไปทำงาน และกลับมาชาร์จไฟที่บ้าน

เมื่อรวมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว จะได้ตัวเลขเท่ากับ 252 แรงม้าและ 420 นิวตันเมตร และถ้าพูดถึงคำว่า “ม้า BMW” คุณจะยิ่งชอบถ้าได้รู้ว่า BMW สมัยใหม่นั้น แจ้งม้าในโบรชัวร์ว่ามีกี่ตัว พอขึ้นแท่นวัดแรงม้าจริงก็ได้เกือบตามนั้น ก็ไม่แปลกที่เมื่อลองวิ่งจับเวลาในสนาม 330e จะทำเวลาได้เท่ากับรถที่มีแรงม้าสูงกว่า

แค่ใส่ Sport Mode BMW 330e สภาพเดิมสนิทก็สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 kmh ได้ภายใน 6.7 วินาที และเร่งแซงจาก 80-120 kmh จบภายใน 4.7 วินาที สมรรถนะที่ได้นั้นเทียบเท่า Hot Hatch เครื่องเทอร์โบตัวเบาหลายรุ่นทั้งๆที่ตัวมันเองคือซาลูนหนัก 1.7 ตัน อย่างไรก็ตาม ความเร็วสูงสุดของ 330e จะล็อคไว้ที่ประมาณ 238 kmh ซึ่งคุณต้องลองพิจารณาดูว่ามีโอกาสได้ใช้ในชีวิตจริงแค่ไหน

แม้ในโหมด Max eDrive (ใช้ไฟฟ้าล้วน) คุณก็ยังได้อัตราเร่งออกตัวและใช้งานในเมืองที่คล่องทันใจ อย่างไรก็ตาม ยิ่งความเร็วเพิ่มสูงขึ้น อัตราเร่งก็จะเริ่มไต่ช้าลง คุณจะจบ 0-100 ภายในเวลาเท่ากันกับรถอีโคคาร์ไม่มีเทอร์โบที่นั่งเต็มลำ ตามในคลิปข้างล่างนี้ แต่นั่นก็น่าจะพอแล้วเมื่อแลกกับความประหยัดเชื้อเพลิงที่คุณได้เป็นการตอบแทน

ที่พูดมาเหมือนเชียร์กันแบบยกกอง แต่ผมต้องขอเรียนตามตรงว่า สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มาแบบโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ตัวเครื่องยนต์อย่างเดียวนั้นค่าบำรุงรักษาไม่แพงเท่า 320d เครื่องยนต์ดีเซล แต่เมื่อคิดถึงภาพรวมของระบบขับเคลื่อนไฮบริด หม้อแปลง แบตเตอรี่ รวมกับราคาขายต่อเวลาคิดจะหาคนมาซื้อ สิ่งต่างๆเหล่านี้ 320d ดูจะมีภาษีดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องคิดเผื่อ ในกรณีที่คุณวางแผนจะใช้งานรถคันนี้ไปอีก 10 ปี

นอกจากนี้ แม้รุ่นดีเซลจะเสียเปรียบเรื่องการใช้งานในเมือง เพราะไม่มีโหมดไฟฟ้าให้ใช้แบบ 330e แต่เมื่อต้องขับออกต่างจังหวัดไกลๆ 320d สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองภายใต้การขับปกติได้ดีกว่า สำหรับ 330e นั้น คุณชาร์จไฟให้เต็มหม้อแล้วใช้โหมด Hybrid วิ่ง มันจะประหยัดน้ำมันได้มาก แต่เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย คุณจะต้องหาที่ชาร์จไฟ หรือไม่ก็ใช้เทคนิคการเบรกหรือปล่อยไหลเพื่อให้ระบบ Regenerative Braking สร้างพลังไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด

ดังนั้น หากคุณเป็นคนมีธุรกิจอยู่ต่างจังหวัด เช่นต้องห้อจากกรุงเทพลงใต้ วิ่งยาว 300-500 กิโลเมตรบ่อยๆ และชอบขับแบบเร็วๆ ผมมองว่า 320d จะมีภาษีดีกว่า จากประสบการณ์ที่เคยขับ 320d F30 (Lot 1) และ 330e ทางไกลมา

330e มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง? เล่นรุ่นไหนดี?

ตลอดเวลาเกือบ 4 ปีที่ 330e F30 รับใช้คนไทยมานั้น ได้ออกรุ่นย่อยมาให้เลือกหลายรุ่น เพื่อจับลูกค้าในกลุ่มต่างๆได้ถนัด ซึ่งในการเลือกซื้อจากตลาดมือสอง การที่คุณรู้สเป็คคร่าวๆของรถ จะช่วยให้เลือกรถได้ตรงความต้องการโดยเสียเงินน้อยที่สุด รถทั้งหมดมีขุมพลัง ระบบขับเคลื่อน ความเร็ว ระบบบังคับเลี้ยวเหมือนกัน แต่จะมีบางรุ่นที่มีออพชั่นปลีกย่อยประเภทซ่อน ไม่บอกไม่รู้

เริ่มแรก ผมลองสำรวจรายการอุปกรณ์มาตรฐานใน 330e ทุกรุ่นย่อย พบว่าสิ่งที่ทุกรุ่นมีเหมือนกันหมดนอกจากเรื่องระบบขับเคลื่อน ก็คืออุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • ไฟหน้า LED เปิด/ปิดอัตโนมัติ + ไฟตัดหมอก LED
  • ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
  • เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อม Memory ด้านคนขับ
  • แอร์แบบอัตโนมัติ แยกปรับอุณหภูมิซ้าย/ขวาได้
  • Cruise Control+Speed Limiter
  • ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ถุงลมนิรภัยคู่หน้า+ด้านข้าง+ม่านถุงลมนิรภัย/เบรก ABS/ระบบช่วยรักษาเสถียรภาพรถ DSC

นอกเหนือจากนี้ไป แต่ละรุ่นย่อยจะมีความแตกต่างในรายละเอียดดังต่อไปนี้

330e M Sport ประกอบนอก ( 3,099,000 บาท ณ วันเปิดตัว)

  • ชุดแต่งภายนอก M Sport
  • กรอบกระจกประตูดำ
  • ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วสี Ferric Grey ยางหน้า 225/45R18 หลัง 255/40R18
  • ระบบกุญแจ Comfort Access
  • กล้องส่องหลัง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต ปรับปีกเบาะกระชับได้
  • พวงมาลัยสปอร์ต M พร้อม Paddle Shift
  • ตกแต่งภายในด้วยวัสดุสีดำเงาและลาย Aluminium Hexagon
  • ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า
  • จอกลาง 8.8 นิ้ว
  • ระบบนำทางแบบ Professional
  • เครื่องเสียงแบบ Hi-Fi
  • โหมดการขับขี่แบบ Sport +

330e M Sport รุ่นแรกๆ เปิดตัวขายในไทยโดยการนำเข้าทั้งคัน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016 หากพูดเรื่องความหล่อแบบวัยรุ่นในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย รถประกอบนอก M Sport ตัวแรกๆดูน่าสนใจ บางคันมีมาตั้งขายในราคาแค่ 1.35 ล้านบาทก็เคยเห็นมาแล้ว คุณได้ชุดแต่งภายนอกแบบ M Sport ครบ ปริมาณออพชั่นที่อัดมาให้จัดว่าเยอะ เป็นรองก็แค่รถ M Sport ล็อตประกอบในประเทศที่มาในภายหลัง เช่น ไม่มีซันรูฟ และไฟหน้าไม่ใช่แบบ Adaptive

รุ่นย่อยนี้ ยังมีความเหมาะสมกับคนที่ชอบรถทรงสวย มาดดี แต่ขับใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วไม่สะเทือน เพราะ 330e M Sport ตัวนำเข้า จะได้ช่วงล่างแบบธรรมดา ซึ่งสบายเวลาใช้ในเมือง ออกทางไกลก็ทรงตัวดี แต่สำหรับคนที่เท้าหนักชอบเข้าโค้งจนยางร้อง คุณอาจต้องไปเสียเงินหาช่วงล่างสปอร์ตดีๆใส่ นอกจากนี้ ก่อนซื้อควรเช็คด้วยว่า BSI เหลืออีกกี่ปี เพราะรถบางคันที่จำหน่ายไปในปี 2016 นั้น BSI 5 ปีจะหมดอายุแล้ว

330e Luxury ประกอบใน ( 2,599,000 บาท ณ วันเปิดตัว)

  • การตกแต่งภายนอกแบบ Luxury Line
  • กรอบกระจกประตูดำตัดโครเมียม
  • ล้ออัลลอย Multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว ยาง 225/45R18 ทั้งหน้าและหลัง
  • ระบบกุญแจ Comfort Access
  • ไม่มีกล้องส่องหลัง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Comfort (ปีกข้างเตี้ย)
  • พวงมาลัย 3 ก้านสปอร์ตมาตรฐาน ไม่มี Paddle Shift
  • ตกแต่งภายในด้วยลายไม้ Fineline และโครเมียม
  • ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า
  • เพิ่ม ม่านบังแดดประตูหลังแบบดึงด้วยมือ
  • จอกลาง 8.8 นิ้ว
  • ระบบนำทางแบบ Professional
  • เครื่องเสียงแบบ Hi-Fi

ทางเลือกสำหรับคนที่ชอบประหยัดแต่ดูจากภายนอกไม่ประหยัด สลัดคราบอารมณ์สปอร์ต แปลงร่างเป็นรถผู้ใหญ่เต็มตัว รุ่น Luxury เปิดตัวตามหลัง M Sport เมื่อพฤศจิกายน 2016 และเป็นรถประกอบในประเทศ ทำให้ราคาถูกลงครึ่งล้าน และในตลาดรถใช้แล้ว 330e Luxury ก็มักจะมีราคาถูกกว่าเช่นกัน คุณได้พละกำลังอัตราเร่งเหมือน 330e M Sport เด๊ะ สิ่งที่ขาดไปก็คือ Paddle Shift และกล้องมองหลัง และยางหลังขนาดใหญ่ ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะเน้นวิ่งแบบสนุก ชิฟท์เกียร์เองบ่อยๆ มองรุ่น M Sport ไปเลยจะคุ้มกว่า

บรรยากาศในห้องโดยสารดูโปร่งด้วยหลังคาสีอ่อน เหมาะสำหรับคนที่บ้านมีผู้ใหญ่ หรือต้องรับผู้เฒ่าไปไหนมาไหนด้วยประจำ เรียกได้ว่า สำหรับคนที่ซื้อไปใช้แบบไม่เน้นโมดิฟาย 330e Luxury จะเป็นรถซ่อนรูป เรียบร้อย ไม่เน้นซิ่ง แต่เอาจริงก็ดุได้ จ่ายเงินถูกแต่ได้สิ่งต่างๆเกือบครบ นอกจากนี้ พวกรถรุ่นที่กรอบกระจกบานข้างเป็นโครเมียมนี่ มักจะไม่มีเสียงฟ่อบแฟ่บดังแบบรถที่กรอบกระจกสีดำ Gloss 330e Luxury มีขายปีสุดท้ายคือปี 2018 อายุรถจึงยังไม่มาก มีโอกาสได้รถที่มี BSI เหลือสองปีไว้ให้อุ่นใจ

330e M Sport ประกอบในประเทศ (2,799,000 บาท ณ วันเปิดตัว)

  • ชุดแต่งภายนอก M Sport
  • กรอบกระจกประตูดำ
  • ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วสี Ferric Grey ยางหน้า 225/45R18 หลัง 255/40R18
  • ระบบกุญแจ Comfort Access
  • กล้องส่องหลัง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต ปรับปีกเบาะกระชับได้
  • พวงมาลัยสปอร์ต M พร้อม Paddle Shift
  • ตกแต่งภายในด้วยวัสดุสีดำเงาและลาย Aluminium Hexagon
  • ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า
  • จอกลาง 8.8 นิ้ว
  • ระบบนำทางแบบ Professional
  • เครื่องเสียงแบบ Hi-Fi
  • โหมดการขับขี่แบบ Sport +

รุ่นประกอบในประเทศ มีการเพิ่มอุปกรณ์จากรุ่นประกอบนอก ดังนี้

  • ไฟหน้าแบบปรับส่องตามการหมุนพวงมาลัย (Adaptive LED) พร้อมระบบไฟสูงแบบปรับลำแสงหลบรถข้างหน้าอัตโนมัติ
  • ช่วงล่าง M Sport Suspension
  • หลังคาซันรูฟ
  • เบาะคู่หน้าเพิ่มสวิต์ปรับดุนหลังไฟฟ้า (คู่หน้า)
  • พนักพิงเบาะหลังสามารถพับลงได้
  • ม่านบังแดดที่ประตูหลังแบบดึงด้วยมือ
  • **เครื่องเสียง Harman Kardon มาเพิ่มภายหลังมีนาคม 2018

นับว่าเป็น BEST CHOICE สำหรับคนที่ต้องการเน้นสมรรถนะการขับขี่สูงสุด เพราะ M Sport ประกอบในประเทศ (เริ่มขาย พ.ค. 2017) นั้น เป็นรุ่นเดียวในบรรดา 330e ที่คุณจะได้ช่วงล่างแบบ M Sport Suspension ซึ่งมีทั้งคุณและโทษ ถ้าคุณต้องการรถที่โยกอย่างมั่นคง ลงสนามเล่นขำขำวันเสาร์กับเพื่อนที่พีระได้โดยไม่ต้องโมดิฟายเพิ่ม นี่คือช่วงล่างแบบที่คุณต้องการ แต่บนถนนขรุขระ มันจะมีความกระด้างชัดเจนจนผู้ใหญ่อาจนั่งแล้วไม่สบายตัว และมันปรับความแข็งไม่ได้นะครับ ก่อนซื้อรถต่อจากใครลองให้เจ้าของพานั่งวนถนนสักรอบว่าคุณรับมันได้หรือไม่

ส่วนเรื่องอุปกรณ์ ก็เป็นรุ่นที่มีมาให้อย่างครบครันที่สุดเช่นกัน ดูแค่รายการของที่เพิ่มมาจากรุ่นประกอบนอกก็เสียดายแทนคนที่ชิงออกตัว CBU ไปก่อนแล้ว ซันรูฟ ไฟหน้า Adaptive LED ยิ่งปีหลังๆก่อนเลิกขาย มีเครื่องเสียง Harman Kardon มาให้อีกต่างหาก แต่ความครบนี่ล่ะ ทำให้ราคาของมันออกจะสูงกว่ารุ่นอื่น ในตลาดมือสองคุณอาจต้องเตรียมไว้ประมาณ 1.6-1.7 ล้านบาท แล้วแต่สภาพรถครับ

สิ่งที่ต้องเช็คคือ BSI – เพราะในเดือน พฤศจิกายน 2017 BMW ประเทศไทยปรับวิธีการคิดราคารถใหม่ และปรับแพ็คเกจ BSI มาตรฐานเหลือ 3 ปี ดังนั้นถ้าคุณซื้อรถปี 2017 มันจะมีโอกาสที่รถบางคันอาจจะหมด BSI แล้ว

330e Iconic ประกอบในประเทศ (2,259,000 บาท ณ วันเปิดตัว)

  • การตกแต่งภายนอกแบบ..เหมือนจะ Luxury แต่ได้ขอบประตูดำ
  • ล้ออัลลอย Double-spoke ขนาด 17 นิ้ว ยาง 225/50R17 ทั้งหน้าและหลัง
  • ไม่มีระบบกุญแจ Comfort Access
  • ไม่มีกล้องส่องหลัง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต
  • พวงมาลัย 3 ก้านสปอร์ตมาตรฐาน ไม่มี Paddle Shift
  • ตกแต่งภายในด้วยลาย Finely brushed lengthwise และโครเมียม
  • ไม่มีม่านบังแดดหลังไฟฟ้า
  • ไม่มีม่านบังแดดประตูหลังแบบดึงด้วยมือ
  • จอกลาง ลดขนาดจาก 8.8 เหลือ 6.5 นิ้ว
  • ไม่มีระบบนำทาง

ในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการประกาศลด BSI Standard เหลือ 3 ปีและปรับราคาใหม่ BMW ก็เผยโฉม 330e Iconic ออกมา มันคือรถที่ถอดอุปกรณ์ออกไปมาก เรียกได้ว่าต้องเป็นลูกค้า BMW เก่าๆจากยุค 90s เท่านั้นล่ะถึงจะรู้สึกว่าของใน Iconic ให้มาพอ เป็นรุ่นเดียวที่ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ไม่มีกล้องหลัง ได้จอกลางขนาดเล็ก ไม่มีแม้กระทั่ง Comfort Access (Smart Key) แต่ที่น่างงที่สุดคือ มันกลับได้เบาะแบบสปอร์ตมานี่สิ

ถ้าคุณเป็นคนที่ซื้อรถไม่ดูออพชั่น สนแค่เรื่องการใช้งานและการขับขี่ Iconic คือรถที่ทำมาสนองต่อคนอย่างคุณเลย ราคาตอนเปิดตัวใหม่นั้นถูกมากจนคนที่มอง Camry หรือ Accord อยู่ต้องชะงัก แต่ในตลาดมือสองนั้น ราคาของ Iconic ไม่ได้ต่างจากรุ่น Luxury หรือ M Sport มากอย่างที่คิด ดังนั้น ผมจะแนะนำให้คุณเลือก ก็ต่อเมื่อคุณได้ดีลราคาที่คุณมองว่าคุ้ม และคุณไม่ได้ต้องการอุปกรณ์มากมายในชีวิต หรืออาจเป็นวัยรุ่นที่ไม่แคร์ Paddle shift แค่อยากได้รถตั้งต้นนำมาแต่งเพิ่ม โดยสตาร์ทกับราคาที่ไม่แรงเกินไป

แต่ถ้าอยากได้ Paddle Shift และของเพิ่มอีกเล็กน้อย ดูตัวเลือกถัดไป จะโดนใจกว่า

330e Sport ประกอบในประเทศ (2,359,000 บาท ณ วันเปิดตัว)

  • ชุดแต่งภายนอก Sport Line
  • กรอบกระจกประตูดำ
  • ล้ออัลลอย Double Spoke ขนาด 18 นิ้วสี ยางหน้า 225/45R18 หลัง 255/40R18
  • ระบบกุญแจ Comfort Access
  • กล้องส่องหลัง
  • เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต
  • พวงมาลัย 3 ก้านสปอร์ตมาตรฐานเหมือน Iconic แต่มี Paddle Shift
  • ตกแต่งภายในด้วยลาย Finely brushed lengthwise และโครเมียม
  • ไม่มีม่านบังแดดหลังไฟฟ้า
  • ไม่มีม่านบังแดดประตูหลังแบบดึงด้วยมือ
  • จอกลาง ลดขนาดจาก 8.8 เหลือ 6.5 นิ้ว
  • ไม่มีระบบนำทาง

330e Sport คือรุ่นย่อยสุดท้าย เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2018 มาแบบเงียบเชียบจนหลายคนไม่รู้ว่ามีรุ่นนี้ด้วยเหรอวะ แม้แต่รูปถ่ายทางการจากบริษัทแม่ยังหาไม่ได้ (รูปนี้ผมถ่ายเองจากงานข้างนอก) รุ่น Sport นี้ ก็คือรุ่น Iconic ที่ใส่ของเพิ่มเพื่อเอาใจวัยรุ่น แต่เพดานราคายังไม่ไปแตะรุ่น M Sport คุณได้ Paddle Shift และล้ออัลลอย 18 นิ้วพร้อมยางหลังขนาดใหญ่กว่ายางหน้า ไซส์เดียวกับรุ่น M Sport แต่ช่วงล่างจะเป็นแบบมาตรฐาน

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ถูกเติมกลับเข้าไปจนสมราคามากขึ้น และมาดของรถโดยรวมก็ดูวัยรุ่นขึ้นด้วย เป็นทางเลือกที่เหมาะทั้งสำหรับคนใช้งานทั่วไป และวัยรุ่นที่ต้องการนำไปเปลี่ยนชุดแต่ง เปลี่ยนล้อเพิ่มต่อเอง (เพราะอย่างน้อยก็มี Paddle shift และ Comfort Access ให้) แต่ลองคิดให้รอบคอบว่าจะทำอะไรเพิ่มบ้าง เพราะราคามือสองขณะนี้ รุ่น Sport กับ M Sport นั้น ต่างกันประมาณ 200,000 บาท

การใช้ชีวิตกับรถปลั๊ก

ในการใช้งานรถ Plug-in Hybrid อย่าง 330e นั้น คุณอาจต้องมีการปรับตัว หรือมีสิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบอยู่บ้าง ซึ่งอาจมีความยากง่ายแตกต่างกันสำหรับแต่ละท่าน

อย่างแรกคือ บ้าน/คอนโดมิเนียมที่คุณอยู่ สามารถติดตั้ง/หรือมีปลั๊กชาร์จหรือไม่ หากคุณอยู่ในบ้านของตัวเอง ไอเดียที่ดีก่อนจะคว้า 330e คือให้สำรวจระบบไฟฟ้าของบ้านคุณว่ารองรับสำหรับการชาร์จรถไฟฟ้าหรือไม่ มีปลั๊ก 3 ตา เดินสายกราวนด์ หรือไม่ และถ้าระบบไฟฟ้าพร้อม ต้องการติดตั้งที่ชาร์จแบบปลอดภัย มีคุณภาพ สมัยนี้จ่ายเงินประมาณ 7-80,000 บาท ก็สามารถเรียกช่างไปดูตำแหน่งติดตั้ง และตรวจความพร้อมระบบไฟฟ้าในบ้านได้ไปพร้อมๆกัน

ส่วนที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม กรุณาเลือกที่ซึ่งจัดให้มีจุดชาร์จไฟโดยเฉพาะนะครับ อย่าไปต่อสายพ่วงแบบมั่วๆ ไอ้สายพ่วงเนี่ยล่ะครับ มันไม่ได้ทำมาเผื่อการชาร์จไฟรถ Plug-in ความร้อนจะสูงและทำให้ไฟไหม้ตัวปลั๊กพ่วงได้ ไอ้ปลั๊กน่ะถูกครับ แต่รถที่จอดอยู่แถวๆนั้นจะโดนย่างไปด้วยน่ะสิ

ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสไฟที่บ้านคุณมี หากติดตั้งแท่นชาร์จ หรือใช้ BMW i Wallbox ที่มีกำลังชาร์จ 3.7 kWh คุณจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มได้ภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

ปัจจัยเรื่องการชาร์จไฟ คือจุดสำคัญในการบ่งชี้ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่คุณพึงเรียกหาได้จากรถ Plug-in ถ้าคุณคิดจะอยู่แบบไม่เสียบปลั๊กชาร์จ คุณจะลงเอยจ่ายค่าน้ำมันเยอะกว่า 320i เบนซินเสียอีก เพราะเมื่อสั่งเครื่องยนต์ให้ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 330e จะบริโภคน้ำมันดุเหมือนรถหกสูบสมัยก่อนเลยนะครับ

นอกจากนี้ พฤติกรรมการขับของคุณอาจจะเปลี่ยนไปด้วย เพราะรถอย่าง 330e สามารถสร้างไฟฟ้าป้อนกลับแบตเตอรี่ได้เมื่อคุณถอนคันเร่งปล่อยให้รถไหล หรือเมื่อคุณเหยียบเบรก บางคนที่ขับได้ไกลกว่าคนอื่นเพราะอาศัยเทคนิคเลียเบรกบางๆทุกเมื่อที่ทำได้ ได้ไฟกลับเยอะ แต่ต้องระวังรถคันหลังเขางง ว่าคุณจะเบรก looking for your father หรือเปล่า

อีกเทคนิคหนึ่งที่เจ้าของ 330e ตัวจริงแนะนำมาสำหรับการขับแบบประหยัดก็คือ เมื่อวิ่งทางไกลและต้องการสร้างความเร็ว สมมติว่าต้องการวิ่ง 110 เขาก็จะเร่งไป 120 หรือ 125 จากนั้นถอนคันเร่งมาแตะเพียงบางๆ ให้ความเร็วร่วงแบบช้าถึงช้ามาก แบบนี้จะได้ระยะวิ่งไกล ผมเองก็ยังไม่เคยลองเช่นกัน

สำหรับคนที่เท้าไม่ละเมียด หรือขี้เกียจคิดมาก ให้เลือกโหมดของระบบไฮบริดเป็น AUTO eDRIVE สำหรับการขับขี่ในเมือง ให้ระบบมันจัดการเอาเอง และเมื่อวิ่งทางไกล ก็ใช้แบตเตอรี่จนเหลือ 50% จากนั้นก็กดโหมดของระบบไฮบริดเป็น SAVE BATTERY ในโหมดนี้ การชาร์จไฟกลับโดยเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นเท่าที่จำเป็น มันอาจไม่ใช่วิธีที่ประหยัดน้ำมันที่สุด แต่เข้าใจได้ง่าย และทำได้ง่ายที่สุดครับ

สำหรับการวิ่งด้วยโหมด MAX eDRIVE (ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน)นั้น หากวิ่งปกติ มักได้ 21-22 กิโลเมตร แต่ถ้าอยากประหยัดจริง ให้ใช้ควบคู่กับโหมด Eco Pro จะได้ประมาณ 25 กิโลเมตร นี่คือคนทั่วไปขับ แต่ก็มีหลายท่านที่สามารถขับได้ มากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับและความบ่อยในการออกตัว หากสามารถใช้ความเร็วนิ่งๆ 60-70 หรือเปิดแอร์ไม่เย็นเกินไป บวกกับใช้การแตะเลียเบรก ให้ Regenerative Braking System ช่วยสร้างไฟกลับป้อนแบตเตอรี่ ก็มีโอกาสที่จะได้เลขดี แต่ถ้าคุณขับแบบเดียวกับการขับรถยนต์เครื่องเบนซินทั่วไป ผมคิดว่าตัวเลข 25 กิโลเมตรบวกลบนั้นเป็นไปได้ครับ

สิ่งที่คุณอาจเจอเมื่อใช้ 330e

  • Unplug CAREFULLY!

ความซวยมหาศาลที่พบเจอได้ง่ายที่สุดคือ กล่องควบคุมระบบการชาร์จไฟพัง

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่รถของคนรู้จักในทีมเรา เกิดปัญหาขึ้น เขานำรถไปประจุไฟที่สถานีชาร์จแล้วเกิดปัญหาถอดสายชาร์จไม่ออก เจ้าหน้าที่ประจำสถานีชาร์จเลยหวังดี ช่วยด้วยการไปปลดสายชาร์จจากฝั่งของตู้ชาร์จไฟก่อน ซึ่งผลที่ตามมาก็คือกล่องควบคุมระบบชาร์จช็อค แล้วก็หลับสนิท ซึ่งถ้าหากคุณต้องเสียค่าเปลี่ยนกล่องตัวนี้ ก็จะต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 50,000 บาท ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาที่พบได้น้อย (กะประมาณได้ว่า ในรถ 100 คันจะมีโอกาสเจอ 5 คัน) แต่คุณก็คงไม่อยากได้รับเกียรติเป็นผู้โชคซวยในวันนั้น

  • Fuel flap problem

ประการที่สอง ฝาถังน้ำมันเปิดไม่ได้ กดเท่าไหร่ก็เงียบ มันมีเหตุผลอยู่ครับ เนื่องจากถังน้ำมันของ 330e เป็นโลหะ ที่มีระบบไล่แรงดันในถัง ป้องกันละอองน้ำมันฟุ้งกระจายไปเจอกับไฟฟ้าสถิตย์ บางครั้งมันจะใช้เวลานานมาก ทำให้เมื่อเรากดเปิดแล้วฝาถังน้ำมันไม่ยอมเด้งออก แต่คุณสามารถใช้วิธีเปิดแบบฉุกเฉินจากข้างในฝากระโปรงท้ายได้ วิธีการก็ง่ายมาก ทำตามคลิปของคุณอู๋ครับ ง่ายมาก แม่คุณก็เปิดได้

  • เลี้ยวแล้วดัง

อาการประจำตัว ไม่ใช่เฉพาะของ 330e นะครับ แต่รวมถึง F30 ทุกรุ่น เมื่อรถจอดนิ่งแล้วเลี้ยว จะมีเสียงกุกกักดังมากเวลาที่รถเลี้ยว เวลาจะไปซื้อรถ ลองขอเจ้าของรถหมุนพวงมาลัยดูหน่อยว่ามันดังมากไหม ถ้าดังแบบกักๆๆๆ ได้ยินเต็มสองรูหู ก็รู้ไว้ด้วยว่าแร็คพวงมาลัยน่าจะใกล้กลับบ้านเก่าแล้ว ให้เผื่อเงินเอาไว้ซ่อมแซมด้วยครับ

นอกเหนือจากนี้ไป หากไม่ดวงซวยจริง คุณไม่น่าจะพบปัญหาอะไรมากกว่านี้ แจ็คพอตที่โตที่สุดน่าจะเป็นเรื่องเกียร์ ซึ่งมีบางคันที่เกียร์พังก่อนวัยอันควร แต่เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับรถที่ขาย อย่างไรก็ตาม ความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อวันที่ BSI หมดลง คุณควรมีเงินสำรองไว้ 200,000-300,000 บาท เอาไว้รอซ่อม ซึ่งตรงนี้ คนไม่เคยใช้ BMW อาจจะหัวเราะ แต่คนที่เคยใช้ BMW เก่าอายุเกิน 10 ปีจะรู้กันว่าไม่ได้ล้อเล่น มันคือสิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อม ถ้าคิดจะเล่นรถยุโรปสมัยใหม่ครับ

คุยกับคนใช้จริง คุณอู๋ spin9

คุณอติชาญ เชิงชวโน หรือที่รู้จักกันในชื่อ อู๋ Spin9 พิธีกรรายการ IT และรีวิวเที่ยวบินไฮคลาสคืออีกคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของรถ BMW 330e F30 รุ่น Luxury และยังขับรถคันนี้อยู่ในปัจจุบัน

  • ทำไมอู๋ถึงเลือก 330e และเป็นรุ่น Luxury?

spin9: โดยส่วนตัว ผมต้องทำหน้าที่พิธีกรเกี่ยวกับ IT และเทคโนโลยีอยู่แล้ว เมื่อ BMW ประเทศไทยเปิดตัว 330e ครั้งแรก..ตอนนั้นก็เป็นรุ่น M Sport ซึ่งราคามันทะลุ 3 ล้าน ซึ่งผมมองว่าเกินฐานะผมไปนิด ต่อมาเมื่อมีรุ่น Luxury ตามมาภายหลัง ในราคาที่ผมพอเอื้อมถึง ผมมองว่า มันเป็นรถที่เข้ากับเรานะ คืองานของเราเป็นด้านเทคโนโลยี และ i-Performance นี่ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ Bridge gap ระหว่างยุคของรถยนต์ไฟฟ้ากับรถทั่วไปที่ยังใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ผมเองก็ต้องใช้งานในเมือง ขับรถในที่ที่มีรถติดมาก และที่บ้านมีแท่นชาร์จ ผมจึงมองว่ารถอย่าง 330e เหมาะสม ไม่ใช่เพราะแค่เรื่องความประหยัด กับเทคโนโลยี แต่เรื่องสมรรถนะด้วย เพราะรถคันก่อนผมคือ MINI ซึ่งเป็นเครื่องเทอร์โบ ทำให้ผมต้องการรถที่มีอัตราเร่งดีด้วยเช่นกัน

  • เวลาคุณอู๋ขับในเมือง วิ่งโดยใช้พลังไฟฟ้าจริงๆ ได้กี่กิโลเมตร

ถ้าขับแบบปกติ จากบ้าน ไปที่ทำงาน ผมได้ 15-17 กิโลเมตรครับ ที่มันได้เท่านี้เพราะรถติดมาก และเจอสี่แยกไฟแดงตลอด แต่ถ้าได้วิ่งบนทางโล่งบ้าง ก็เคยทำได้ 20 กิโลเมตรครับ ซึ่งเมื่อนำมาคิดเป็นค่าน้ำมันที่เราประหยัดไปได้ ผมว่าก็คุ้มแล้ว เพราะส่วนมากขับเป็นระยะทางสั้นๆแต่รถติดทั้งนั้น

  • การบำรุงรักษาของอู๋ มีอะไรที่เน้นมากกว่าปกติหรือไม่ รถมีปัญหาในการใช้งานบ้างหรือเปล่า

ไม่เลยครับ ทุกอย่าง ทำตามคู่มือหมดถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก เมื่อถึงเวลาก็นำรถไปเข้าศูนย์ ไม่ปล่อยให้ช้าจนเกินระยะ สิ่งที่ทำมากกว่าคนทั่วไป อาจจะเป็นเรื่องของความสะอาด มันก็ไม่กึ่งโรคจิตหรอกครับแต่ผมชอบให้รถดูสะอาดอยู่เสมอ ภรรยาผมยังแซวว่า เนี่ย พอเรารับประทานขนมอะไรในรถปั๊บ อู๋จะถือเครื่องดูดฝุ่น มาเลย ทำความสะอาดแบบทันที (หัวเราะ)

ส่วนปัญหาในการใช้งาน เรียกได้ว่าแทบไม่มีเลยดีกว่าครับ นอกจากเรื่องการเปิดฝาถังน้ำมันไม่ได้ ก็นำรถเข้าไปที่ศูนย์ให้ทำการแก้ไข ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเปลี่ยนอะไหล่อะไรหรือเปล่า แต่นับจากนั้นมาไม่เคยเจอปัญหาอีกเลยครับ

  • มีแผนสำหรับรถคันต่อไปหรือยัง คันนี้จะใช้อีกนานไหม

ถ้าต้องซื้อรถคันต่อไปจริง..ก็ไม่แน่ครับ มันอาจจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้ แต่ระหว่างนี้ มันเป็นช่วงที่เสถียรภาพทางการเงินเรายังไม่แน่นอน สภาพเศรษฐกิจไม่แน่นอน และรถเราก็ยังตอบโจทย์ชีวิตได้ดี ก็คงยังใช้ไปก่อน แต่ยังไงก็ลองหลังไมค์มาเพจ spin9 ก็ได้ครับ เผื่อจะใจอ่อน ฮ่าๆ

SUMMARY

330e เป็นรถที่มีความน่าเล่นมาก เมื่อพิจารณาจากสิ่งต่างๆที่รถมีให้ทั้งในด้านพละกำลัง การออกแบบตัวรถ การใช้งาน และยังมีความประหยัดเชื้อเพลิงสำหรับคนที่ต้องการใช้งานในเมือง หรือวิ่งระยะสั้นและมีโอกาสชาร์จไฟที่บ้าน/คอนโดมิเนียมได้ หน้าตาของรถ ยังดูดีและสามารถแต่งให้สวยตามใจคุณได้ มีผู้ผลิตสินค้า Aftermarket รองรับมาก หรือถ้าอยากตรงรุ่นแบบสวยๆ ก็สามารถสั่ง M Performance Parts มาใส่ได้ตามใจชอบ (และตามกำลังทรัพย์) สำหรับคนที่อยากได้รถเยอรมันราคาดี ลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม จะพบว่า ณ วันนี้ 330e ที่อายุแค่ 2-3 ปี ยังเหลือความสดอยู่อีกมาก แต่ราคาแพงกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดง C-Segment เพียงไม่กี่แสนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกว่าจะเล่นรุ่นย่อยใด ควรพิจารณาจากจุดประสงค์ปลายทางของรถ บางครั้งการซื้อรุ่นย่อยที่ราคาถูก มาเติมออพชั่นในภายหลัง อาจจะเสียเงินมากกว่าการยอมกัดฟัน เล่นรุ่นที่ตรงใจเราตั้งแต่แรก แต่ถ้าหากคุณรู้นิสัยของตัวเองว่าไม่ต้องการอะไรมาก บางครั้งรุ่นย่อยที่ถูกกว่าก็เป็นทางออกที่เซฟเงินได้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อรถ

อย่างไรก็ตาม ก่อนตกลงใจรับ 330e เข้าบ้าน คุณควรศึกษาข้อดีและข้อด้อยของการเป็นรถ Plug-in Hybrid ตลอดจนการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการชาร์จที่บ้าน การปรับพฤติกรรมการขับเพื่อให้ใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า นี่คือสิ่งที่ 330e จะแตกต่างจาก BMW รุ่นอื่นๆ และสำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลเป็นประจำ อยู่ไม่ติดบ้าน หรือมีที่อยู่อาศัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเสียบชาร์จไฟ อย่าลืมว่า F30 ก็ยังมีอีกหลายรุ่นให้เลือก ทั้ง 320d และ 320i

โปรยหัวเหมือนผมจะเชียร์ 330e แต่ท้ายที่สุด ผมสนับสนุนให้ทุกคนได้รถที่ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้น อย่าเพิ่งรีบร้อน พิจารณาให้รอบด้าน เลือกรถที่เหมาะกับตัวคุณเอง แล้วก็ JOY! ไปกับรถคันเก่งของคุณ ไม่ว่าจะเป็น F30 รุ่นไหน คุณก็ได้ขับรถซาลูนเยอรมันชั้นดีที่มี BMW DNA อยู่อย่างครบถ้วน เป็นความภูมิใจและความพอใจที่จะทำให้คุณยิ้มได้กว้างเท่ากันนั่นล่ะครับ

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments