BMW 2 Series Coupe ใหม่ รหัส G42 สนุกแบบขับหลังได้เช่นเดิม

วันที่ 7 กรกฏาคม ในขณะที่ใครหลายคนกำลังเพลินกับการช้อปปิ้งออนไลน์ 7.07 ทาง BMW Group ก็ได้เผยภาพคันจริงของ BMW 2 Series Coupe รุ่นใหม่ออกมา ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฏาคมที่ Goodwood เสียอีก รูปโฉมของรถยืนยันในสิ่งที่เราทราบมาก่อนหน้านี้ ว่าในขณะที่ BMW 1 Series และ 2 Series Gran Coupe จะผันตัวไปเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า 2 Series ที่เป็นบอดี้คูเป้ 2 ประตู จะยังเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนรุ่นเดิม นับเป็นความแปลกอย่างหนึ่งที่รถในอนุกรมเดียวกันแท้ๆ แต่กลับมีโครงสร้างทางวิศวกรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าสัดส่วนของตัวรถ จะยังยึดติดกับแนวทาง หน้ายาวท้ายสั้นอย่างเหนียวแน่น แต่ก็มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างแรกคือขนาดตัวรถ ซึ่งยาว 4,537 มม. กว้าง 1,838 มม. สูง 1,390 มม. BMW 2 Series ใหม่ ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 105 มม. กว้างขึ้น 64 มม. แต่เตี้ยลง 28 มม. ฐานล้อก็เพิ่มความยาวอีก 51 มม. เป็น 2,741 มม. ซึ่งถือว่ายาวสำหรับตัวรถที่สั้นมากขนาดนี้ ซึ่งจะส่งผลในการขยายพื้นที่ห้องโดยสารตามแนวยาวมากขึ้น BMW ยังได้ปรับเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระใต้กระโปรงหลังอีก 20 ลิตร กลายเป็น 390 ลิตร

โครงสร้างพื้นฐานของรถ เป็นแพลทฟอร์ม CLAR และใช้วิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ BMW 3 และ 4 Series

สิ่งที่ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์มากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับดีไซน์ของ 2 Series Coupe ก็คือด้านหน้าของรถ โดยปกติแล้วตามธรรมเนียมของ BMW จะใช้ไฟหน้าแบบวงกลมข้างละสองดวง ครอบไว้ด้วยเลนส์พลาสติก แต่ใน 2 Series Coupe ใหม่ กลับแหวกแนวไปใช้ไฟหน้า Bi-LED แบบข้างละดวง มีแถบ Daytime Running Light ล้อมกรอบด้านล่างแทน ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ ดีไซน์เนอร์ของ BMW บอกว่า ต้องการให้ 2 Series Coupe มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดเจนขึ้น และที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BMW ทำไฟหน้าแบบข้างละดวง เพราะรถคูเป้ขนาดเล็กรุ่นคลาสสิคอย่าง 02 Series (1502 หรือ 2002) ก็เคยใช้ไฟหน้าแบบข้างละดวงมาก่อนแล้ว การที่ทั้ง 2 Series และ 02 Series ต่างก็เป็นคูเป้ขับหลังตัวเล็กสุดของค่ายในช่วงเวลาของมันเหมือนกัน ก็เหมาะที่จะมีเอกลักษณ์บางอย่างที่สืบทอดกันมา

อย่างไรก็ตาม BMW เลือกที่จะไม่ใช้กระจังหนังไตยักษ์ลากพื้นแบบของ 4 Series แต่กลับเลือกกระจังทรงปกติ มีการลากเส้นเชื่อมระหว่างไตซ้ายและขวา รายละเอียดส่วนที่แตกต่างออกมาคือซี่กระจังหน้า ซึ่ง BMW โดยทั่วไปจะเป็นซี่ธรรมดา แต่คราวนี้เล่นเป็นซี่โค้งมีหยัก และยังทำหน้าที่เป็น Flap เปิด/ปิดเพื่อระบายความร้อนได้เมื่อจำเป็น Flap ที่กระจังหน้าและช่องรับลมด้านล่าง สามารถเปิดเป็นจังหวะได้ 10 ระดับเพื่อการปรับสมดุลย์ระหว่างความลู่ลม และการเรียกลมมาระบายความร้อนให้หม้อน้ำ

ส่วนด้านท้ายนั้น ดีไซนเนอร์เลือกไฟท้ายที่มีขนาดเล็ก และวางตำแหน่งซ้าย/ขวาห่างกันมาก เพื่อให้หลอกตาเหมือนตัวรถนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของไฟท้ายเป็นการผสมผสานระหว่างแรงบันดาลใจจากรถยุคคลาสสิคอย่าง 02 Series ซึ่งก็มีไฟท้ายดวงกลมขนาดเล็ก บวกกับเส้นสายของ BMW รุ่นพี่ผ่านมา เส้นกรอบนอกของไฟชวนให้นึกถึง 3 Series E90 ในขณะที่การเล่นแสงจาก LED Tube และกราฟฟิคของไฟคืองานออกแบบที่ใช้อยู่ใน BMW ยุคใหม่ แต่ปรับให้ดูล้ำอนาคตขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ เส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสันด้านท้ายรถ มากขึ้นกว่ารุ่นเก่าอย่างชัดเจน ก็เพื่อให้ตัวรถมีภาพลักษณ์ที่ดูกำยำ ถึงจะเป็นรถเล็ก แต่ก็ต้องดูดุ โหด ไม่แพ้พวกรุ่นพี่

โครงสร้างตัวถังของ 2 Series Coupe ยังถูกออกแบบให้มีความทนต่อแรงบิดเค้นตัวถัง (Rigidity) เพิ่มจากรุ่นเดิมถึง 40% ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกอะลูมิเนียม รวมถึงส่วนประกอบของโครงสร้างด้านหน้ารถบางส่วนที่เป็นอะลูมิเนียม ก็เป็นเทคโนโลยีที่เอามาจาก 4 Series ฝากระโปรงหน้าเป็นแบบที่สามารถให้ตัวได้เพื่อลดอาการบาดเจ็บเมื่อชนคนเดินถนน ส่วนแก้มหน้ารถ เปลี่ยนจากเหล็ก เป็นอะลูมิเนียม ซึ่งทำให้สามารถลดน้ำหนักสองชิ้นรวมกันได้ 9.6 กิโลกรัม

ช่วงล่าง เป็นไปตามรูปแบบของรุ่นพี่ ด้านหน้าเป็นแบบ Double Joint Spring Strut พร้อมเบ้าโช้คแบบสอดอัดน้ำมันไฮดรอลิก ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบ 5 Link อิสระ มีทั้งโช้คอัพแบบธรรมดา และแบบปรับความหนืดได้ แล้วแต่รุ่นย่อย/ออพชั่นสั่งเพิ่ม

ในช่วงเปิดตัว 2 Series ใหม่จะมี 3 รุ่นให้เลือก กับ 3 ขุมพลัง ซึ่งในช่วงนี้ จะยังไม่มีรุ่นใดเลยที่สามารถเลือกเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะได้ เหลือแต่เพียงเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF เท่านั้นในทุกรุ่น

  • 220i Coupe – เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เบนซิน เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้พลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,350-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100kmh ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 236kmh
  • 220d Coupe – เครื่องยนต์ 4 สูบ ดีเซล เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ให้พลัง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 kmh ภายใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 237kmh
  • M240i xDrive Coupe – เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร จูนกำลังไว้ 374 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 kmh

รุ่น M240i ซึ่งถือเป็น Top of the line จะได้ของดีสำหรับการขับขี่อีกหลายอย่าง เช่นล้ออัลลอย 19 นิ้ว (รุ่นอื่นจะเริ่มต้นด้วยล้อ 17 นิ้ว) ช่วงล่าง M Sport เบรก M Sport คาลิเปอร์หน้า 4 Pot หลัง 1 Pot เฟืองท้าย M Differential ท่อไอเสียทรงเหลี่ยม (รุ่นอื่นเป็นทรงกลม) กระจังหน้าสีเทา Cerium สปอยเลอร์หลัง เบาะสปอร์ต เข็มขัดนิรภัยลาย M เบาะนั่งหุ้มด้วย Alcantara หรือ Vernasca

สำหรับรุ่นที่ธรรมดาหน่อยอย่าง 220i ตัวเริ่มต้น สามารถสั่งออพชั่นล้ออัลลอย M Light Alloy ขนาด 18 นิ้วเพิ่มได้ และสามารถสั่งช่วงล่าง M Sport และ Package M Sport ใส่ได้ เพียงแต่จะยังไม่มีเฟืองท้าย M Differential และช่วงล่างปรับความหนืดอัตโนมัติแบบ M Adaptive ให้เลือก (อย่างน้อยก็ในช่วงเปิดตัวนี้)

อุปกรณ์มาตรฐานของ G42 2 Series เริ่มต้นด้วยภายในหุ้มวัสดุ Sensatec บนแดชบอร์ด เบาะผ้าสีดำ และพวงมาลัยหุ้มหนัง สามารถเลือกหนังแบบมีรูได้ สำหรับคนที่ชอบเบาะหนัง ในรุ่น 220i และ 220d จะมีออพชั่นพิเศษให้เลือกใส่เบาะหนัง Vernasca โดยสามารถเลือกได้ 4 สี แต่ต้องติ๊กเลือกออพชั่นเบาะ Sport Seat ก่อน และถ้าเอาให้สุดจริง ก็ยังมีเบาะ M Sport ให้เลือกอีก 2 สี

การออกแบบภายในของ 2 Series ใหม่ มีแดชบอร์ดแบบ Driver-focused คล้าย 2 Series Gran Coupe แต่มีแผงประตูแบบลายเฉพาะของตัวเอง และยังเพิ่มการปั๊มลายสามเหลี่ยมที่ส่วนหลังของประตูเพื่อเพิ่มความสปอร์ต ซึ่งนับว่า 2 Series Coupe เป็น BMW รุ่นแรกที่มีการปั๊มลายแบบนี้บนแผงประตู ส่วนการจัดวางตำแหน่งจอทัชสกรีน สวิตช์ควบคุมโหมดต่างๆ ก็เป็นไปตามรูปแบบมาตรฐานของ BMW ยุคใหม่ ระบบ Infotainment ในรถก็เป็น BMW Operating System 7 กับจอกลางขนาด 8.8 นิ้ว มาตรวัดเป็นแบบเข็มบวกกับจอขนาด 5.1 นิ้วตรงกลาง นี่คือสเป็คมาตรฐาน แต่แน่นอนว่าคุณสามารถสั่ง BMW Live Cockpit Professional เพิ่มขนาดจอกลางเป็น 10.25 นิ้ว และหน้าปัดจอสีเต็มพื้นที่ 12.3 นิ้วได้

2 Series Coupe ใหม่ ยังมีฟังก์ชั่น BMW TeleServices ซึ่งสามารถรายงานสภาพการจราจรแบบ Real-time และเตือนเมื่อมีเหตุฉุกเฉินในระหว่างเส้นทาง ไม่ต้องนับถึงการฟังเพลงสตรีม และฟังก์ชั่นสร้างกุญแจสำรองใส่สมาร์ทโฟน BMW Digital Key ส่วนระบบรองรับ Apple CarPlay/Android Auto และระบบ Wi-Fi ในรถนั้น ต้องสั่งเพิ่มเอง (สำหรับลูกค้าในยุโรป)

สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ก็มีระบบเตือนก่อนชนด้านหน้า, ระบบแจ้งข้อมูลการจำกัดความเร็ว, ระบบเตือนรถเป๋ออกนอกเลน และ Cruise Control แบบปกติ สิ่งเหล่านี้จะมีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถสเป็คยุโรปทุกคัน และสามารถสั่งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมได้ เช่น BMW Driving Assistant ที่สามารถช่วยคุมรถให้อยู่ในเลน มีฟังก์ชั่นเข้าช่วยควบคุมพวงมาลัย ระบบเตือนรถวิ่งตัดด้านหลังเวลาถอยออกจากซองพร้อมเบรกอัตโนมัติ ระบบ Active Cruise Control with Stop & Go, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, กล้องรอบคัน, Remote 3D View ตรวจสอบสภาพรอบรถจากโทรศัพท์มือถือ จอ Head-Up Display และ BMW Drive Recorder เป็นต้น

และนี่ก็คือ BMW 2 Series Coupe ใหม่ ซึ่งจะเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าในยุโรปตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นไป โดยประกอบจากโรงงาน San Luis Potosi ในเม็กซิโก และส่งไปขายตลาดพวงมาลัยซ้ายรอบโลก โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะขึ้นไลน์ผลิตพวงมาลัยขวา ณ โรงงานเดียวกันหรือไม่ และหลังจากเริ่มส่งมอบรถล็อตแรก BMW จะเปิดตัวรุ่น 230i ที่คาดว่าจะมีพลัง 258 แรงม้า สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถแรงกว่าปกติ แต่ยังไม่โหดถึงขั้น M240i และมีราคาเป็นมิตรกว่า โดยเฉพาะในประเทศที่มีการบังคับเก็บภาษีในอัตราสูงสำหรับรถเครื่องยนต์ความจุเกิน 2.0 ลิตร

สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะได้ซื้อ 2 Series Coupe กัน เพราะ BMW ประเทศไทยก็พยายามนำตัวเลือกรถรุ่นแปลกใหม่ที่มีในยุโรปมาให้คนไทยใช้กันได้ครบรุ่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว แต่ว่าจะมาเป็นรุ่นย่อยใด? อาจจะเป็น 220i M Sport แล้วอีกทีก็ข้ามไป M2 เลยเหมือนเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า ก็เป็นได้ครับ

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments