BMW Sustainability – 5 นวัตกรรมรักษ์โลก

100 ปี ของ BMW ที่ผ่านมา ไม่ได้มีแค่ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี และ สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ความยั่งยืน หรือ Sustainability ก็เป็นอีกเรื่องราวที่ BMW ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

งาน Sustainability Through Innovation 2022 ที่มิวนิค, เยอรมนี BMW ได้นำเสนอ 5 นวัตกรรมรักษ์โลกที่น่าสนใจ เพื่อนำไปสู่การทำธุรกิจที่ใช้พลังงานและทรัพยากรลดลง แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

  1. แบตเตอรี่สำหรับแพลตฟอร์มรถไฟฟ้า100% ใหม่ “ Neue Klasse “

แพลตฟอร์มรถไฟฟ้า100% ที่มีชื่อว่า Neue Klasse หรือ NE จะมีการใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ เซลล์แบตเตอรี่ Lithium-ion 6th Generation ที่เตรียมใช้กับรถไฟฟ้า100% ของ BMW ภายในปี 2025

โดยแบตเตอรี่ที่มีลักษณะทรงกลมใหม่นี้ จะมีความจุพลังงานที่มากขึ้นกว่าเดิม 20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ทำให้ระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง เพิ่มขึ้นมากถึง 30% (มาตรฐาน WLTP) และ รองรับการชาร์จเร็ว DC Fast Charging เร็วกว่าเดิมอีก 30% ภายในสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันสูง 800V จาก 10-80% ภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที

นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบเดิม ลดลง 50% ที่สำคัญที่สุด คือ การช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับการผลิตแบตเตอรี่แบบเดิมอีกด้วย

  • Vegen Leather เครื่องหนังวีแกน

BMW ร่วมกับ Adriano di Marti บริษัท Start Up สัญชาติเม็กซิกัน เพื่อผลิตหนังทางเลือกวัตถุดิบชีวภาพ ที่ผลิตจากเส้นใยพืชที่สามารถทำการรีไซเคิลได้ 100% และ DeserttexTM   ซึ่งได้จากใยของต้นกระบองเพชร และ Polyurethane มาใช้หุ้มพวงมาลัยรถยนต์ BMW บางรุ่น

โดยวัสดุหนังวีแกนนี้ มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับหนังแท้ มีความนุ่มนวล แต่กลับกันยังแข็งแรง และ ยืดหยุ่น ให้ผิวสัมผัส และ ความรู้สึกพรีเมียมไม่ต่างจากหนังเดิมปกติทั่วไป BMW เลือกใช้วัสดุทดแทนแบบนี้จะทำให้รถยนต์หนึ่งคันมีชิ้นส่วนจากสัตว์ไม่ถึง 1% และ เทียบกันแล้ว ฟาร์มกระบองเพชรรักษ์โลกกว่าฟาร์มปศุสัตว์หลายเท่า อีกทั้งกระบองเพชรยังมีส่วนช่วยในการดูดก๊าซ CO2 และ ไม่ปล่อยมีเทนเหมือนสัตว์ รวมไปถึงกระบวนการผลิตหนังก็ไม่ต้องผ่านการฟอก ไม่เกิดน้ำเสียให้ต้องบำบัด ทำให้ภาพรวมลดการปล่อยก๊าซ CO2 น้อยลงกว่าการผลิตหนังแบบเดิมมากถึง 85%

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Carbon Neutral ที่ BMW ตั้งเป้าไว้ในปี 2050 ที่จะลดการปล่อย CO2 ให้เป็นศูนย์

  • พลาสติกจากซากอวน Fishing nets

นอกจากจะใช้วัสดุทดแทนแล้ว การลดปริมาณขยะก็เป็นอีกพันธกิจที่ BMW ต้องการจะทำเพื่อรักษ์โลก โดยการวิจัยสร้างวัสดุใหม่จากสิ่งที่เคยเป็นขยะ ลดขยะไมโครพลาสติกด้วยการนำอวนหาปลาเก่า และ ขยะไนลอนจากอุตสาหกรรมการเดินเรือ มาทำการรีไซเคิลเป็นวัสดุใหม่ ในชื่อ “ ECONYL “ ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปผลิตเป็นพรมปูพื้นของ BMW iX และ BMW X1 ใหม่

เม็ดพลาสติกรีไซเคิล ECONYL จะถูกนำไปฉีดขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสารของ BMW ที่ใช้แพลตฟอร์มรถไฟฟ้า100% ที่มีชื่อว่า Neue Klasse หรือ NE ในอนาคตอีกด้วย ในสัดส่วน 20% ของทั้งหมด ในปี 2025 และ เพิ่มเป็น 40% ในปี 2030 ในภาพรวมของ ECONYL จะช่วยลดปริมาณขยะ และ ลดการปล่อย CO2 ลงอีก 25% เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตแบบเดิม

Plastix i Lemvig
Plastix i Lemvig
  • เบาะนั่งจากวัสดุรีไซเคิล

BMW ได้สร้างต้นแบบเบาะนั่งออกมาด้วยกัน 3 รูปแบบ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมอบสุนทรียภาพด้านรูปทรงที่เป็นส่วนสำคัญในการรับรู้บรรยากาศของการนั่งโดยสารและขับขี่ได้อยู่ โดยใช้ประโยชน์จากวัสดุรีไซเคิล

3D Knit Seat Concept เบาะนั่งที่สร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล 100% ที่ทอจากเส้นใยด้วยวิธีการถักแบบ 3 มิติ ซึ่งจะไม่มีของเสียจากการผลิต และ ใช้เวลาน้อยกว่ากระบวนการผลิตทั่วไป ด้วยการถักแบบ 3 มิติ จะทำให้เบาะนั่งไร้ตะเข็บ และ ให้ความนุ่มสบาย รวมไปถึงลวดลายที่สวยงาม

Infinite Loop Seat Concept เบาะนั่งที่ใช้วัสดุที่แปรรูปจากเส้นด้ายสังเคราะห์ ที่กระบวนการผลิตใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าการปั่นฝ้ายถึง 98% และ ลดการปล่อย CO2 ได้ประมาณ 80% เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตเส้นใย Polyester แบบเดิม

นอกจากวัสดุรีไซเคิลแล้ว ส่วนโครงแข็งของพนักพิงยังทำจากวัสดุที่เหลือจากอุตสาหกรรมพลาสติก หรือ โฟมที่นั่งรถเก่าที่หมดอายุการใช้งานแล้ว รวมไปถึงวัสดุ Composite ที่ทำจากฝุ่น และ ขยะ Polystyrene ในการผลิตพนักพิงเบาะ

Grown Innovation Seat Concept เบาะนั่งที่ผสานการใช้วัสดุรีไซเคิลที่ทำจากสิ่งทอสังเคราะห์ กับ เส้นใยธรรมชาติที่ได้จากแบคทีเรียนาโน Cellulose และ ส่วนประกอบอื่นๆของพื้นผิวเบาะ จะมาจากวัสดุสิ่งทอสังเคราะห์ที่ผลิตโดยใช้กระบวนการพิมพ์แบบ 3 มิติ ส่วนพนักพิงลายไม้จะผลิตจากเส้นใยพืชโตเร็วที่ปล่อย CO2 ต่ำ

  • Efficiency Dynamics Technology

Efficiency Dynamics คือ นวัตกรรมประหยัดพลังงาน และ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ที่ BMW เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 มีเป้าหมายในการลดการใช้เชื้อเพลิง แต่ก็ยังคงสมรรถนะ และ สุนทรียภาพในการขับขี่อยู่เหมือนเดิม ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ

  • BMW TwinPower Turbo เครื่องยนต์เทอร์โบ
  • Electronic Power Steering พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า
  • Efficient Lightweight โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา
  • Auto Start / Stop ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ

แม้ว่า Efficiency Dynamics จะถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2007 แต่ปัจจุบันก็ยังมีการนำมาใช้ และ ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสร้างสถิติใหม่สำหรับรถไฟฟ้าอย่าง iX xDrive50 ที่ทดสอบโดย Edmunds ทำอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 21.1 – 20.7 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร รวมไปถึง i4 M50 ทำอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 22.5 – 18.0 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร

Comments

comments