ในปัจจุบัน การจูนเพิ่มพลังเครื่องยนต์แบบ Reflash (รีแฟลช) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกวี่ทุกวัน
สิ่งที่ทำให้คนที่รักความแรงชื่นชอบการ Reflash มากกว่าการติดตั้งกล่องจูน ก็เพราะสามารถปรับกำลัง และปรับเปลี่ยนโปรแกรมต่างๆโดยเขียนทับซ้ำลงไปในโปรแกรมเดิมใน ECU ได้เลย ทำให้ไม่ต้องมีการพ่วงกล่องจูนเพิ่มเติมภายนอก
และแน่นอนว่าไม่ต้องมีการตัดต่อสายไฟใดๆของรถ ทำให้เหมาะสำหรับการแรงแบบซ่อนรูป ไม่เน้นโชว์ของแต่งในรถ เวลาขับไปเข้าศูนย์บริการก็ไม่มีอะไรผิดปกติให้เป็นที่สังเกต (แม้ว่าถ้าเอาช่างเทคนิคระดับอาจารย์มาวิเคราะห์ เขาก็ยังทราบได้อยู่ดีล่ะครับ ว่าคุณทำอะไรมา)
การ Reflash กล่องนั้น โดยปกติถ้าเราไปทำกับรถบ้านทั่วไปที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อเน้นซิ่ง และไม่ได้มีเทอร์โบชาร์จ ผลลัพธ์ของมันอาจไม่สาแก่ใจหลายต่อหลายท่าน แล้วก็พาลไปโทษจูนเนอร์ว่าจูนไม่เก่ง ทั้งๆที่ความจริง ถ้าคุณเอารถญี่ปุ่นไม่มีเทอร์โบ หรือแม้แต่ BMW 6 สูบรุ่นดั้งเดิมที่ไม่มีเทอร์โบ (และไม่ใช่เครื่องพวก M3, M5) มาทำการจูนกล่องหรือ Reflash โดยไม่ได้โมดิฟายส่วนอื่นใดเพิ่มเติมไปจากโรงงานและไม่ได้เปลี่ยนชนิดของเชื้อเพลิงเป็น E85 บอกตรงๆว่าได้ 20 แรงม้านี่ก็เก่งแล้วครับ
แต่ในปัจจุบัน BMW เลิกทำเครื่อง NA (หายใจเอง ไม่มีเทอร์โบ) ไปเรียบร้อยแล้ว ในตลาดอย่างของประเทศไทยปัจจุบันนี้เรามีแต่ BMW เครื่องยนต์เทอร์โบเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดีเซล หรือเบนซิน 3 สูบ, 4 สูบ หรือ 6 สูบ
และเครื่องยนต์เทอร์โบนี่ล่ะครับ ตอบสนองต่อการจูนแบบ Reflash ได้ดีนักเชียว เพราะบางโปรแกรมสามารถสั่งเพิ่มบูสท์แรงอัดของเทอร์โบได้ด้วยการ Re-program คำสั่งของกล่อง หรือแม้กระทั่งการจูนแบบเน้นปรับเนียนเฉยๆ แรงม้าแรงบิดที่ได้ก็เพิ่มมาในอัตราส่วนที่น่าพึงพอใจโคตรๆ เมื่อเทียบกับเครื่อง 4 และ 6 สูบไม่มีเทอร์โบจากยุคก่อน
ในวันนี้ ผมจะลองนำรถที่ได้รับการ Reflash จากสำนัก Gettuned แถวร่มเกล้า ซึ่งได้ทำการจูนรถ BMW รุ่นใหม่ไปแล้วหลายคัน เพื่อนำมาให้ดูเป็นแนวทางว่าเครื่องยนต์ใด สามารถทำพลังเพิ่มได้เท่าไหร่ คุ้มกับเงินที่ลงไปหรือไม่ ทั้งนี้ ผมขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับทาง Gettuned นะครับ ผมกับจอร์จ เจ้าของสำนักนั้นเป็นเพื่อนรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนปี 1 แล้ว และการนำมาเสนอในส่วนนี้ก็ไม่ได้ต้องการเชียร์ หรือต้องการดิสเครดิตอู่อื่น เพียงแต่มันง่ายที่จะคุย ล้วง เกา และเอาข้อมูลมานำเสนอโดยมั่นใจได้ว่าเราใช้สภาพแวดล้อมเดียวกัน และแท่นวัดม้าตัวเดียวกันมาพูดครับ
การจูนมีหลายระดับ ความเสี่ยงที่แต่ละท่านรับได้ มีไม่เหมือนกัน ดังนั้นแต่ละสำนักก็ไม่จำเป็นต้องเค้นแรงม้าได้เท่ากัน ท่านเสพย์ข้อมูลเสร็จ ก็เลือกทำกับอู่ที่ท่านชอบได้ทั้งนั้นขอเพียงให้ศึกษาให้ดีก่อน ลองถามคนที่เคยไปทำมาแล้วว่าพอใจหรือไม่ จากนั้นค่อยไปลงเงินในที่ที่เราเลือกครับ
คันที่ 1 – BMW 420d เครื่องยนต์ N47D20
เครื่องยนต์ N47 นี่คือเครื่องที่ใช้ในบอดี้นี้ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวมาจนถึงปี 2015 เมื่อมีการไมเนอร์เชนจ์ เครื่องยนต์บล็อคนี้จึงถูกปลดประจำการแล้วแทนที่ด้วย B47 รุ่นใหม่ รถคันนี้สภาพมาแบบไม่ได้แตะอะไรข้างในเครื่องเลย กรองอากาศเดิม และท่อไอเสียก็เป็นชุดเดิมครับ
ผลที่ได้จากการจูน ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียวครับ แรงม้า/แรงบิด ก่อนทำการจูน ทางจอร์จได้วัดเอาไว้ก่อนแล้ว อยู่ที่ 180.599 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 39.188 กิโลกรัม-เมตร นี่คือม้าที่วัดจากดุมล้อนะครับ ดังนั้นตัวเลขจึงอาจจะสูงกว่าแท่นวัดม้าประเภทที่วัดจากยาง เพราะมันไม่มีการสลิป(ลื่น)ของยางเข้ามาเป็นตัวแปร ถือว่าม้าในโบรชัวร์ของ BMW ช่วงหลังๆมานี้ค่อนข้างจะถ่อมตัวมาก ต่างจากตัวเลขอัตราเร่งที่ค่อนข้างจะทำได้ยากในชีวิตจริงไปนิด
หลังจาก Reflash ไปแล้ว แรงม้าเพิ่มเป็น 234.171 แรงม้า (เพิ่มขึ้นประมาณ 53 แรงม้า) แรงบิดเพิ่มเป็น 50.128 กิโลกรัม-เมตร (เพิ่มขึ้น 10.9 กิโลกรัม-เมตร) พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ตอนนี้ 420d เครื่องดีเซล 4 สูบตัวล่างของตลาดประเทศไทยมีพละกำลังน้องๆ เครื่อง 8 สูบเบนซินจากยุคก่อน แต่แรงบิดระดับนี้มากกว่าเครื่อง 6 สูบเทอร์โบสเป็คโรงงานเสียอีก
คันที่ 2 – 420d เครื่องยนต์ B47D20A
เป็นเครื่องยอดนิยม แชร์ใช้ในหลายรุ่นตั้งแต่ 320d, 320d GT, 420d, 520d ซึ่งเป็นรถใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา B47 เป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบตามวิธีการดีไซน์แบบ Modular ที่แชร์ขนาดปากกระบอกสูบและช่วงชักรวมถึงชิ้นส่วนต่างๆภายในกับเครื่องดีเซล 3 สูบ B37D15 และเครื่องดีเซล 6 สูบ B57D30
บนกระดาษบอกสเป็ค..เครื่องรุ่นใหม่นี้มีพละกำลังแทบไม่ต่างจากเครื่อง N47D20 รุ่นเดิม (แรงม้าเพิ่มแค่ 6 ตัว) แล้วความจริงบนแท่นวัดแรงม้าจะเป็นอย่างไร?
รถคันนี้ อุปกรณ์และเครื่องยนต์ “เดิมทุกชิ้น” แรงม้าที่วัดจากดุมล้อ อยู่ที่ 182.5 แรงม้า (ต่างจาก 420d N47) แค่ 2 แรงม้า แต่แรงบิดจากเครื่องเดิมๆโรงงานพุ่งไปถึง 45.9 กิโลกรัม-เมตร ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่บอกเอาไว้บนโบรชัวร์ของ BMW เองเสียอีก
หลัง Reflash กล่องเสร็จ ผลที่ได้คือ 231.3 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 48.8 แรงม้า) แรงบิด 57.2 กิโลกรัม-เมตร (เพิ่มขึ้น 11.3 กิโลกรัม-เมตร) สรุปคือ เมื่อมาผ่านคนจูนคนเดียวกัน ไดโน่ที่เดียวกัน พละกำลังที่เพิ่มมาระหว่างเครื่อง N47 กับ B47 นั้นต่างกันไม่มาก เพียงแต่ว่า B47 มีแรงบิดตั้งต้นจากโรงงานมาสูงกว่ามาก แต่ในชีวิตจริงเราอาจไม่รู้สึกเพราะแรงบิดจำนวนนี้มากองอยู่ในช่วงรอบต้นและกลางเสียมากกว่า ลองดูกราฟก็ได้ครับว่าหลัง 3,500 รอบต่อนาทีเป็นต้นไป พละกำลังทั้ง 2 เครื่องใกล้เคียงกันมากกว่าช่วง 2,500 รอบต่อนาที
คันที่ 3- 320i เครื่องยนต์ N20B20B
หลายคนเมิน 320i เพราะประหยัดน้ำมันก็ไม่ได้มากเท่า 320d และแรงเครื่องยนต์ก็สู้ 328i ไม่ได้ สมัยที่มันออกจำหน่ายช่วงปี 2012 นั้นผมเคยบอกไว้ว่า “ถ้าโมฯได้เมื่อไหร่” 320i จะกลายเป็นรุ่นที่คุ้มค่าเงินขึ้นมาทันทีเพราะราคารถไม่ได้แพงเลยถ้าเทียบกับรุ่นอื่น และเครื่องยนต์ N20 ในรุ่นนี้ ก็เหมือนกับ 328i (N20B20A) ต่างกันแค่ลูกสูบ/กำลังอัด และรายละเอียดปลีกย่อยอีกหน่อยเท่านั้น
ขอบอกไว้ก่อนว่า รถคันนี้ไม่ได้เดิม 100% นะครับ มีกรองเปลือย และท่อไอเสียแต่งเพิ่มเข้ามา ดังนั้นเราจะวัดม้าใน Step ที่มีท่อ+กรอง แล้วเทียบกับ ท่อ+กรอง+ Reflash โดยไม่ไปเทียบกับม้าโบรชัวร์จากโรงงาน แรงม้าในการวัด Step แรก อยู่ที่ 186.9 แรงม้า และแรงบิดอยู่ที่ 29.5 กิโลกรัม-เมตร
หลังจาก Reflash เสร็จ ได้แรงม้าเพิ่มเป็น 260.8 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 73.9 แรงม้า) แรงบิด 42.3 กิโลกรัม-เมตร (เพิ่มขึ้น 12.8 กิโลกรัม-เมตร)
เป็นยังไงล่ะครับ? แรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้น เทียบอัตราส่วนแล้ว มากกว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ความจุเท่ากันเสียอีก เพียงแค่ Reflash กล่องไป จาก 320i ที่เดิมๆก็ไม่ได้อืดอาดอะไรเลย ก็สามารถสร้างพลังได้สูงกว่า 330i E90 ชนะ 328i F30 เดิมๆโรงงานแบบคนละเรื่อง โดยเฉพาะแรงบิดนี่ล่ะ มากกว่าเครื่อง 6 สูบเทอร์โบของญี่ปุ่นหลายตัวทีเดียว
ขออย่างเดียว..คืออย่าให้ไอ้เครื่องพวกนั้นถูกโมฯบ้าง ไม่งั้นก็โดนเอาคืนได้นะจ๊ะ
คันที่ 4- 525d F10 รุ่น 4 สูบ (2012- ปัจจุบัน) เครื่องยนต์ N47D20D
มาลองดูพี่ใหญ่อย่างซีรีส์ 5 กันบ้าง เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้พื้นฐานเดียวกับเครื่องยนต์ N47 ของ 520d F10 รุ่นก่อนปี 2015 นั่นเอง แต่เปลี่ยนเป็นแบบทวินเทอร์โบ ทำให้มีแรงม้ามาจากโรงงาน 218 แรงม้า สาเหตุที่ต้องมีพลังระดับนี้ ก็เพราะในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น BMW ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร 204 แรงม้าในรุ่น 525d อยู่ก่อนแล้ว หากลดลงเหลือแค่ 4 สูบแล้วแรงม้าเท่าเดิมก็คงไม่มีจุดขาย
รถคันนี้เป็นรถเดิม 100% แรงม้าจากการวัดที่ดุมล้อได้ 211.277 แรงม้า เมื่อมองว่าม้าจากโบรชัวร์ที่แจ้งไว้ 218 ตัว เป็นการวัดแรงม้าที่เครื่อง ไม่ใช่ดุมล้อ ทำให้พิสูจน์ได้ว่าแรงม้าโบรชัวร์ของ BMW ทุกวันนี้ไม่ขี้โม้ มีความน่าเชื่อถือพอสมควร ส่วนแรงบิด 48.914 กิโลกรัม-เมตรนั้นกลับเยอะทะลุตัวเลขของโบรชัวร์ไปเสียอีก ซึ่งเท่าที่เห็นมากับ BMW ยุคใหม่ที่เป็นเกียร์ 8 จังหวะ มักจะมีตัวเลข “ถ่อมตัว” ในลักษณะเดียวกันนี่ล่ะครับ
หลังจากการ Reflash ไป แรงม้าเพิ่มเป็น 277.3 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 66 แรงม้าโดยประมาณ) แรงบิด 62.995 กิโลกรัม-เมตร (เพิ่มขึ้น 14 กิโลกรัม-เมตร โดยประมาณ) ที่ตัวเลขแรงม้าเพิ่มขึ้นสวยกว่าเครื่องยนต์ใน 320d, 420d ก็เพราะเทอร์โบคู่ที่สามารถรับ Flow ของไอเสียได้มากขึ้น อั้นน้อยกว่า ทำให้สร้างแรงบิดที่รอบสูงได้ดีกว่านั่นเองครับ
จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์ TwinPower Turbo รุ่นใหม่ๆของ BMW สามารถตอบสนองต่อการ Reflash ได้ในระดับที่ดี สามารถเพิ่มแรงม้าได้ 50 ตัวในรุ่นดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร และในรุ่นเบนซินสามารถเพิ่มได้ถึง 70 ตัว แรงที่เพิ่มมากขนาดนี้ การขับขี่ย่อมเปลี่ยนไป เพิ่มความสนุกในการขับได้มากขึ้น
แต่สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากไว้ด้วยว่า เมื่อรถเราแรงแล้ว ก็ต้องเข้าใจโลก ว่าเมื่อมีการเค้นพลังมาก มันก็ย่อมมีข้อเสียเรื่องการสึกหรอของเครื่องยนต์และเกียร์เป็นข้อแลกเปลี่ยน นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นยุคที่รถใช้คาร์บิวเรเตอร์ ยุคที่ใช้กล่อง Piggyback ต่อสายไฟจูน หรือยุคที่ Reflash ก็ตาม การจูนรถนั้น เราควรทำข้อตกลงกับจูนเนอร์ไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ว่าจะเน้นแรงเพิ่มพอรู้สึกได้โดยที่ไม่ทำให้เครื่องถึงฆาตเร็วเกินไป หรือต้องการเค้นความแรงแบบสุดๆเท่าที่เครื่องจะไม่พังคาไดโน่ (แต่อาจเสื่อมได้เร็วกว่าปกติในระยะยาว)
ขอให้มีความสุขกับการแต่งรถ BMW ของท่านครับ
ขอขอบคุณรูปภาพ และข้อมูลจาก
คุณจอร์จ ทสร กสิณธร แห่ง
Gettuned Tuner Service

Pan Paitoonpong

Latest posts by Pan Paitoonpong (see all)
- BMW 2 Series Coupe ใหม่ รหัส G42 สนุกแบบขับหลังได้เช่นเดิม - July 9, 2021
- 6 Application ที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักรถ - June 8, 2021
- BMW i4: เจาะรายละเอียด EV สปอร์ต Gran Coupe ที่มีโอกาสมาไทย - June 7, 2021