รีวิว BMW 220i Gran Coupe M Sport ร่างสวยแรงดี แบบนี้วัยรุ่นชอบ

หลายคนที่ผมรู้จัก จะมีความคิดยึดติดว่า “ถ้าจะเล่น BMW ต้องเล่น 3 Series ขึ้นไป และต้องเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น” ซึ่งในความเห็นผม การคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่ประการแรกที่ผมอยากบอกก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องเล่นรถตัวถังใหญ่เพื่อให้ได้ความเป็น BMW เสมอไป อย่าลืมนะครับว่าในสมัยก่อน รถอย่าง 02 Series ไม่ว่าจะเป็น 1602, 2002 หรือแม้กระทั่ง 3 Series เจนเนอเรชั่นแรกๆ ก็เป็นรถที่มีตัวถังขนาดเล็กในยุคของมัน มีใครบอกไหมครับว่าขับแล้วไม่ประทับใจ?

แต่ถ้าพูดถึง BMW พิกัดเล็กกว่า 3 Series ในตลาดประเทศไทยนั้น มันจะมีความขาดๆเกินๆมาตลอด หลายปีก่อนหน้านี้ ผมได้ขับ BMW 116i F20 ซึ่งเป็นรถที่ขับสนุกมากบนถนนเลียบภูเขา และถ้าฝนตกแล้วคุณมีพื้นที่กว้างๆ โอ้โหคุณเอ้ย ปิดระบบช่วยเหลือให้หมดแล้วกวาดท้ายเล่นสนุกสนาน แต่เมื่อทางเปิดโล่งแล้วต้องการอัตราเร่ง พลัง 1.6 ลิตรยังไม่แรงสะใจเท่าบรรดารุ่นพี่ และรูปทรงของรถก็ไม่ได้ถูกใจทุกคน ต่อมาเมื่อ 116i ไมเนอร์เชนจ์เป็น 118i หน้ากับท้ายรถก็สวยขึ้น แต่พอ 118i เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.5 ลิตร ความบันเทิงในการขับดูจะน้อยลงไปอีก จากเครื่องยนต์ที่เน้นความประหยัดเชื้อเพลิงและมลภาวะต่ำมากกว่าพละกำลัง ไม่ใช่แค่ 118i แต่ยังรวมถึง 218i Coupe F22 เช่นกัน..สนุกเวลาซนในโค้ง แต่พอทางโล่งแล้วมันก็จะเหงาหน่อยๆ ดังนั้นกลุ่มลูกค้าจึงอยู่ในวงวัยรุ่นที่เน้นการใช้งานในเมือง เท้าไม่หนัก

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 BMW Thailand เผยโฉม 218i Gran Coupe F44 ชนกับช่วงเริ่มต้นการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เราต้องอยู่ในสภาพ Locked Down นานหลายเดือน กิจกรรมต่างๆของบริษัทรถยนต์หยุดชะงักไปนาน จนกระทั่งผมได้มีโอกาสลองขับในเดือนมิถุนายน เจ้า 218i นั้นเป็น Little sexy young thing ที่ขับสนุกในโค้ง พวงมาลัยหนัก แต่คมและไวจนกลัวจะบาดมือเอา ถ้าไม่นับเรื่องเสา A Pillar ที่ค่อนข้างบังตา กับการที่ไม่สามารถกระแทกคันเร่งกวาดท้ายออกเอามันส์แบบรถขับหลังได้ ก็ยังเหลือเรื่องพลังของมัน

ก็อาจจะจริงว่า 0-100 ประมาณ 10 วินาที และ 80-120 ภายใน 6.5 วินาที มันพอสำหรับการวิ่งรอบประเทศ แต่การที่ 218i เป็นรถนำเข้า มีราคา 2,399,000 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับ 320d M Sport ประกอบในประเทศ ที่คันโตกว่า แรงกว่า รองรับการใช้งานได้รอบด้านโดยจ่ายหนักกว่ากันแค่แสนกว่าบาท เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกค้าที่ซื้อ 218i จึงเป็นกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นที่ไม่ได้บ้าพลัง แต่ชอบรถดีไซน์เฉียบ คันเล็ก ขับคล่อง ประหยัดเชื้อเพลิง มีหลังคา Panoramic ซึ่งทั้งหมดนี้ 218i ส่งมอบความพอใจได้ครบ

เมื่อผมขับ 218i เสร็จ ก็เขียนลง Facebook ตัวเองว่าที่จริง ช่วงล่างของรถรุ่นนี้สามารถรองรับม้า 240 ตัวได้สบาย เมื่อมาเจอม้า 140 ตัวมันเลยดูขาดไปนิด ถ้าอัปพลังเป็น 220i ได้ น่าจะพอเหมาะ สนุกแบบยิ้มได้และไม่พยศจนเกินไป ลองทายสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น? พอย่างเข้าช่วงปลายปี BMW Thailand ก็เผยโฉม 220i Gran Coupe M Sport ราวกับรู้ว่าผมต้องการอะไร..ทั้งๆที่ความจริง มันอาจจะเป็นแผนที่เขาคิดไว้ก่อนแล้วก็ได้ เพราะ BMW ไทยช่วงหลังๆมานี้ เหมือนคนเกิดใหม่ ปรับตัวไว ใจกล้า ทั้งเรื่องพลัง ออพชั่น และการตั้งราคา จนเราลืมภาพจาก 5-10 ปีก่อนไปเลย

ความน่ารักของ 220i ไม่ได้มีเพียงแค่พลังที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีการปรับปรุงจุดอื่นที่ได้รับคำตำหนิจากเมื่อครั้งยังเป็น 218i อีกหลายประการ คนที่ไม่ได้เท้าหนัก ก็ยังเอ็นจอยไปกับออพชั่นที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Cruise Control, หน้าปัดและชุดจอกลางที่อัปเกรดจากมาตรวัดแบบเข็ม เป็นจอสี Full Digital BMW Live Cockpit Professional, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่เพิ่มจาก 1 เป็น 2 Zone รวมถึงแท่นวางชาร์จสมาร์ทโฟนแบบ Wireless ทั้งหมดนี้ บวกกับการย้ายมาประกอบในประเทศที่ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ทำให้ราคาของ 220i กลับถูกลงกว่า 218i ถึง 230,000 บาท ทำให้ 2 Series Gran Coupe มีตลาดที่แยกออกจาก 3 Series ชัดเจนขึ้น

สี่เดือนหลังจากเปิดตัว ผมก็ได้มีโอกาสถือกุญแจไขสู่เสน่ห์ของสาววัยรุ่นร่างทะมัดทะแมง ใส่เสื้อสีฟ้า Snapper Rocks คันที่คุณเห็นในบทความนี้ น่าจะบังเอิญดีแท้ เพราะตอนขับ 218i นั้นก็ต้องรอสี่เดือนหลังจากรถเปิดตัวเช่นเดียวกัน แต่เมื่อลองขับเสร็จและส่งรถให้กับคุณเนยและคุณโมในทีมของเราต่อ ผมสรุปได้ว่า แม้มันจะไม่ได้ไร้ที่ติ แต่ในภาพรวม นี่คือรถพิกัดเล็กราคาแบบเพื่อนให้เพื่อนของ BMW ที่ลงตัวที่สุดเท่าที่เคยมีขายบนแผ่นดินนี้มา …ถ้าอยากรู้คำอธิบายแบบลงลึกว่านี้ อ่านต่อนะครับ

รูปโฉมภายนอก สวยแบบสาววัยรุ่นแต่งตัวแต่งหน้าเป็น มีเสน่ห์กำลังดี

ความยาวตัวรถ 4,526 มิลลิเมตร กับความกว้าง 1,800 มิลลิเมตร และความสูง 1,420 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร บอดี้สั้น แต่กว้างและเตี้ย ถือว่าเป็นรถพิกัดเล็กในปัจจุบัน แต่ถ้าคุณกำลังกลัวว่ามันจะเล็กเกินไป ผมก็จะบอกว่า เจ้านี่ก็ขนาดตัวพอๆกับ 3 Series E46 จากช่วงปลายยุค 90s แหละครับ ถ้าพ่อของคุณขับ E46 ไปรอบประเทศได้ แต่กลัวว่า 2 Series จะเล็กจนขับทางไกลแล้วเครียด กางสเป็คให้คุณพ่อดูได้เลยครับว่า BMW รุ่นเล็กสมัยนี้โตกว่า 3 Series สมัยก่อนเกือบทุกมิติแล้ว

น้ำหนักตัว ตามมาตรฐาน EU อยู่ที่ 1,505 กิโลกรัม…ไม่ได้ถือว่าเบาเท่าไหร่เพราะเบากว่า 330i G20 แค่ 40 กิโลกรัมเท่านั้น และเมื่อเทียบกับ 218i ที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ 220i ก็หนักกว่าอยู่ 55 กิโลกรัม ซึ่งในเมื่อตัวรถแทบไม่มีอะไรต่างกันนอกจากเครื่องยนต์ แปลว่าน้ำหนักที่เพิ่มมา ก็มาจากด้านหน้า ชวนให้คิดว่าจะส่งผลต่อการเล่นโค้งแค่ไหน ส่วนถังน้ำมันที่ติดตั้งให้มา ก็มีขนาด 50 ลิตร เพิ่มจาก 218i อีก 8 ลิตร

BMW 220i Gran Coupe มีการตกแต่งเพียงแบบเดียวคือ M Sport ซึ่งมีชุดแต่งรอบคัน M Aerodynamics และกรอบกระจกเป็นสีดำเงา เมืองนอกจะมีตัวเลือกที่กรอบกระจกโครเมียม แต่น่าจะไม่ถูกใจวัยรุ่นไทยเท่าไหร่ ไฟหน้าเป็นแบบ BMW LED ธรรมดา ไม่ได้กระดิกไปกระดิกมาแบบไฟของรุ่นพี่ แต่ยังมีไฟตัดหมอก LED และ Daytime Running Light ทรงหกเหลี่ยมมาให้ ไฟท้ายแบบ LED Tube เล่นลำแสงเป็นรูปตัว L ดูสวยในยามราตรี ตบท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ห่อด้วยยาง Run-flat ขนาด 225/40 เท่ากันทั้งสี่เส้น อาจจะไม่เท่แบบพวกขับหลังที่ยางหน้า/หลังไม่เท่ากัน แต่ก็สามารถสลับยางหน้า/หลัง ใช้อายุยางได้คุ้มกว่า

แนวทางในการออกแบบของรถอย่าง 220i นี้ เมื่อคุณเห็นคำว่า Gran Coupe ลงท้าย BMW รุ่นใดก็ตาม โปรดจำไว้ว่า นั่นคือรถที่ออกแบบรูปทรงโดยเอาความสวยเพรียวไว้เหนือความกว้างขวางของพื้นที่เหนือศีรษะ ไม่เหมือนรถตัวถัง Sedan ที่ต้องพยายามบาลานซ์สองสิ่งนี้อย่างยากเย็น ความสปอร์ตที่ได้จากหลังคาเตี้ยลาด ทำให้รถดูเด่นได้โดยไม่ต้องแต่งอย่างอื่นเพิ่มจนเลอะ

ถ้าไม่นับเรื่องระยะโอเวอร์แฮงหน้าที่ยาวตามความจำเป็นในเชิงวิศวกรรรถขับหน้า คุณลองจินตภาพว่าถ้าเลื่อนล้อหน้าไปทางหน้ารถอีกหน่อย ปรับดีไซน์ไฟหน้าเล็กลงอีกนิด..นี่คือสัดส่วนแบบรถขับหลังชัดๆ หน้ายาว ท้ายสั้น หลังคาลาด มีไฟหน้าที่ใหญ่หลอกตาให้ดูเหมือนหน้าสั้น และกระจังหน้าที่ขนาดโตกำลังเหมาะ ไม่ได้ใหญ่โตจนเหมือนนักร้องนำวง Aerosmith ตอนกำลังว้ากแบบ 4 Series ทั้งหมดนี้ ก็ไม่แปลกเลยที่เวลามีงานมอเตอร์โชว์ คุณจะสังเกตได้ว่าพวกรุ่นลูกของเราจะรวมตัวกันอยู่รอบๆ 220i มากกว่ารถ 4 ประตูรุ่นอื่นของค่าย

ภายใน ด้านหน้ากว้างกว่าที่คิด ข้างหลังแคบหน่อย ของเล่นไม่เยอะเท่ารุ่นพี่ แต่ได้จอสีและหลังคากระจก

จุดหนึ่งที่นับว่าเป็นองค์ประกอบเก๋ ก็คือการที่ 220i ใช้ประตูแบบไร้กรอบบน (Frameless Door) เวลาเอากระจกลงหมดแล้วเปิดประตูจะคล้ายพวกรถสปอร์ตคูเป้ (เว้นแต่กระจกบานหลัง เอาลงสุดได้แค่นั้น) กระจกประตูแบบไร้กรอบนี้ มีข้อเสียคือเรื่องการเก็บเสียงรบกวนเมื่อเทียบกับประตูมีกรอบที่ใช้วัสดุซีลเสียงดีเท่ากัน รถของ BMW หลายรุ่นที่มี 4 ประตูแต่ใช้ Frameless Door ก็รวมถึง 4 Series Gran Coupe รุ่นเก่า และ BMW 320d GT และ 6 Series GT

เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบสปอร์ตหุ้มหนัง ถ้าคุณสั่งรถสีฟ้า จะได้เบาะและแผงประตูสีดำ เดินตะเข็บด้ายน้ำเงิน ส่วนรถสีดำ เทาและขาว จะได้เบาะสีแดง (ซึ่งทำให้ภายในดูว้าวขึ้นมาก แต่พอนึกภาพเบาะแดงในรถสีฟ้า ก็ดูขัดตา) เบาะปรับด้วยไฟฟ้าทั้งสองตัว ฝั่งคนขับจะมี Memory มาให้สองตำแหน่ง พร้อมสวิตช์ปรับหุบ/กางปีกเบาะ ขนาดตัวถือว่าเล็กหากเทียบกับเบาะของรุ่นพี่ แต่ยังดีว่าส่วนรองนั่งสามารถปรับยืดออกมาได้ ช่วยลดความเมื่อยน่องยามขับทางไกลสำหรับคนตัวใหญ่ขายาว พวงมาลัยปรับด้วยมือ 4 ทิศ สูง/ต่ำ/เข้า/ออก ได้ เพื่อให้ได้ตำแหน่งการขับขี่ที่สบายและหมุนพวงมาลัยถนัดสำหรับคนหลายไซส์

การนั่งขับ 220i นั้น ไม่ได้แคบอย่างที่คิด ก็อย่างที่เรียนให้ทราบตอนต้นว่าตัวรถใหญ่พอๆกับ 3 Series E46 เนื้อที่ให้ขยับตัวช่วงขานั้นแทบไม่ต่างจาก 3 Series ตัวปัจจุบัน จะมีก็แต่แผงประตูที่เบียดไหล่มากกว่าเล็กน้อย เมื่อปรับเบาะในตำแหน่งที่ผมขับถนัด ทัศนวิสัยด้านหน้าจะค่อนข้างบีบเหมือนรถสปอร์ต จากเสาหน้าที่มีขนาดใหญ่ กระจกลาด แดชบอร์ดสูงและที่นั่งค่อนข้างเตี้ย

มาดูที่เบาะหลังกันบ้าง นี่คือส่วนที่ผมแนะนำว่า ให้คนตัวผอมเล็กนั่งเถอะครับ เพราะแม้เนื้อที่วางขาจะไม่แย่นัก แต่ความลาดของหลังคาทำให้คนตัวสูงนั่งแล้วมีสิทธิ์หัวติดเพดานก่อนถึงพนักศีรษะ ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนโอเวอร์ไซส์อย่างผมแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพื่อนลูกสาว ที่ตัวสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร ก็จะสามารถนั่งได้สบาย บรรยากาศโปร่งด้วยดีไซน์กระจกที่เสาแบบโอเปร่า ที่ช่วยให้สามารถออกแบบประตูส่วนบนให้เป็นทรงใกล้เคียงสี่เหลี่ยม ขึ้นลงจากรถไม่ต้องก้มหัวมาก มีที่เท้าแขนมาให้ มีช่องเป่าลมแอร์ตรงกลางที่สามารถปรับขนาดช่องเป่าลมเพื่อเบาแรงเป่าได้ มีช่องเสียบ USB มาให้ 2 ตำแหน่ง ทว่าเป็น USB Type C นะครับ

หลังคา Panoramic คือจุดเด่นของรถ 2 Series Gran Coupe ในไทย เพราะรุ่นพี่ก็ไม่ได้มีหลังคาแบบนี้ให้กันครบทุกรุ่น ถ้าว่ากันเฉพาะรถเก๋งเตี้ยราคาไม่เกิน 3.8 ล้าน ถัดจาก 220i ไป ก็มีแต่ 330Li เท่านั้นที่ได้ออพชั่นนี้ หลังคากระจกมีแผ่นบังแดด ซึ่งสไลด์เปิดด้วยไฟฟ้า ได้พื้นที่ใส่โปร่งตายาวไปถึงเบาะหลัง และถ้าต้องการเปิดรับลมข้างนอก กระจกส่วนหน้าสามารถยกตัวสไลด์ขึ้นไปซ้อนบนบานหลังได้ ไฟส่องสว่างห้องโดยสาร มีให้ทั้งด้านหน้า และสำหรับผู้โดยสารหลัง

บรรยากาศภายใน ไม่หรูหราเท่า 3 Series แต่ยังเห็นได้ถึงความพยายามในการออกแบบให้ดูดีตามประเพณี BMW ด้วยแผงคอนโซลกลางที่หันเข้าหาคนขับ มีการใช้วัสดุสีเงินแต่งแซมตามจุดต่างๆในห้องโดยสารอยู่บ้างเพื่อไม่ให้ดูดำทะมึนจนเกินไป ตำแหน่งการวางสวิตช์ต่างๆ CTRL+C มาจาก BMW รุ่นพี่ทั้งหมด ถ้าคุณจำวิธีการใช้สวิตช์ต่างๆในรถคันนี้ได้ ก็จะไม่มีปัญหากับ 3 และ 5 Series สวิตช์ปรับไฟหน้าอยู่ใต้ช่องแอร์ขวาเหมือนกัน ลักษณะการวางตำแหน่งคันเกียร์ และสวิตช์รอบข้าง ปุ่มสตาร์ท ปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ และปุ่มคุม iDrive ที่ทำได้ทั้งหมุน กด เขียนนิ้วเป็นตัวอักษร ได้เหมือนรุ่นพี่ รวมถึงพวงมาลัย M Sport ที่ดูเหมือนกับ 3 และ 4 Series เพียงแต่ว่าไม่มี Paddle Shift มาให้

220i มีอุปกรณ์ที่เพิ่มมาให้จาก 218i อีกอย่างคือ Wireless Charger แต่แทนที่จะเป็นช่องวางแล้วมีฝาปิดมาให้เรียบร้อย BMW กลับเลือกออกแบบให้เป็นแท่นวางแบบง่ายๆ มีขอบตั้งขึ้นมากันไม่ให้มือถือกระเด็นเวลาเบรกหรือเร่งแรงๆเท่านั้น ส่วนที่วางแก้วก็โชว์ตัวอย่างเปิดเผย ตรงกลางมีจุดเสียบ USB ที่เป็นพอร์ท USB แบบเก่าเหลืออยู่ เอาไว้สำหรับคนยุคเก่าที่ยังชินกับการโหลด mp3 ใส่ Thumbdrive มาเสียบ (เช่นผม) ในขณะที่วัยรุ่นส่วนมากจะใช้มือถือกับ Bluetooth กันจนชินมือแล้ว

บรรยากาศหลังตะวันลับขอบฟ้า จะถูกแต่งเติมให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ด้วยแสงไฟ Ambient Light ที่สามารถเลือกปรับสีสันได้ แล้วยังมีลูกเล่นด้วยการฉลุลายให้แสงส่องผ่านวัสดุสีเงิน เป็นแถบริ้วกากบาท นี่คือเสน่ห์แบบวัยรุ่นชอบอย่างหนึ่งที่คุณจะหาไม่ได้จาก BMW ที่แพงกว่า เป็นเทคนิคในเชิงแฟชั่นที่ทำให้วัสดุที่ดูทึบๆแข็งๆในยามกลางวันกลับมีแสงส่องสวยได้ในยามค่ำคืน เหมือนหน้าปัดของนาฬิกา TIMEX Fairfield Supernova

สิ่งหนึ่งที่ไม่น้อยหน้าพวกรุ่นพี่ๆ คือจอกลางขนาดใหญ่ เป็นทัชสกรีน ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบ Multimedia BMW OS เวอร์ชั่น 7.0 รองรับ Apple CarPlay/Android Auto พร้อมระบบนำทางบนจอ ระบบ BMW Connected ที่เชื่อมการทำงานกับสมาร์ทโฟนได้ และยังมีกล้องมองหลัง พร้อมระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant และระบบช่วยถอยหลังแบบหักพวงมาลัยเพื่อถอยกลับไลน์เดิมอัตโนมัติ (Reversing Assist) ก็มีมาให้ แต่ระบบมันจะจำแค่ระยะ 50 เมตรสุดท้ายที่วิ่ง และ 50 เมตรนั้นคุณต้องไม่มีการล้อฟรี หรือใช้ความเร็วเกิน 35 กม./ชม. นะครับ มันถึงจะได้ผล นอกจากนี้ ในตอนที่ถอยกลับ คุณยังต้องใช้เบรกคุมความเร็วของรถด้วยตัวเองอยู่ เพื่อไม่ให้มันเกิน 9 กม./ชม. ไม่งั้นระบบจะถอนการทำงานครับ

ส่วนฟังก์ชั่น Sport Display ก็จะเหมือนกับรถ BMW เครื่องที่มีออพชั่น Live Cockpit Professional รุ่นอื่นๆ สามารถโชว์ G-meter เ แรงดันบูสท์เทอร์โบ และอุณหภูมิน้ำมันเครื่องได้

จุดที่ 220i ยังไม่มี ก็คือกล้องรอบคัน แต่มีกล้องหลัง+เซนเซอร์รอบคันมาให้ ระบบ Gesture Control สั่งรถด้วยการตวัดมือก็ยังขาดอยู่ แต่..เอาเข้าจริงผมไม่เคยชอบระบบนี้ เพราะหลายฟังก์ชั่นสามารถใช้ปุ่มบนพวงมาลัยแทน มันก็ปลอดภัยกว่าและสะดวกกว่าอยู่แล้ว ใช้ง่ายกว่าด้วยเหอะ ส่วนเครื่องเสียง เป็นแบบ Hi-Fi ธรรมดา ไม่ใช่ Harman Kardon ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาของรถ สิ่งเหล่านี้ก็นับว่าสมเหตุผลที่จะขาดไปบ้าง

ชุดมาตรวัด เป็นหนึ่งองค์ประกอบของ BMW Live Cockpit Professional (ร่วมกับจอกลาง) เป็นจอสียกแผงขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว ซึ่งหน้าตา ตัวอักษร ทุกอย่างเหมือนกับรถรุ่นพี่ เปลี่ยนรูปแบบสีสันตามโหมดการขับขี่เหมือนกัน ตัวเลขความเร็วฝั่งซ้ายเว้นระยะแบบไม่สมมาตรโดยเน้น 0-100 ชัดเจน แต่ 100-260 จะแบ่งแบบไม่ค่อยละเอียดนัก ส่วนมาตรวัดรอบอยู่ทางขวา และมีส่วนแสดงข้อมูลเพิ่มเติมที่กลางมาตรวัดรอบ ซึ่งเลือกได้ว่าจะให้แสดงตำแหน่งเกียร์ ข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง Media ที่เล่น โชว์ G-Meter หรือมาตรวัดพลัง (hp & nm)

ดังนั้นความเห็นผมก็คงจะเหมือนเดิมล่ะครับว่า มันเป็นชุดมาตรวัดที่เมื่อรวมกับ Ambient Light แบบปรับสีได้ในรถแล้ว ทำให้บรรยากาศค่ำคืนดูล้ำอนาคตยิ่งนัก แต่ก็แลกกับเรื่องความชัดเจนในการอ่านค่าเวลาขับเร็วๆ ซึ่งในประเด็นนี้ มาตรวัดแบบเข็มจริงบวกกับจอ MID ตรงกลางอย่างใน BMW Live Cockpit Plus ของรุ่น 218i จะทำได้ดีกว่า..มันเป็นการแลกความหรูแพรวพราวกับการใช้งานจริง ซึ่ง BMW อาจยังปรับปรุง หรือออกแบบให้สามารถ Customize ตามความต้องการของผู้ขับได้มากกว่านี้ในอนาคต

สิ่งที่ผมอาจจะมองคนละมุมกับลูกค้าตัวจริงก็คือเรื่องการจัดออพชั่น เพราะลูกค้าวัยรุ่นจะชอบหน้าปัดแพรวพราว แต่พอพูดถึงระบบความปลอดภัยอย่าง BMW Assistant ซึ่งเป็นพวกระบบเตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้าง ระบบสั่นเตือนที่พวงมาลัยเวลารถเป๋ออกนอกเลน ระบบเบรกอัตโนมัติทั้งเวลาเดินหน้าและถอยหลัง…ลูกค้าตัวจริงอาจไม่สนมากเท่า แต่ผมสน เพราะมันกันไม่ให้เราเสียเงิน เสียเวลา จากอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ และ BMW ก็ยังไม่ได้ใส่มาให้ใน 220i ผมยินดีแลกเอาหน้าปัดสวยๆคืนไปเพื่อให้ได้ระบบเหล่านี้มา แต่ลูกค้าจะอยากได้ทั้งสองระบบ ซึ่งถ้าใส่มาให้ทั้งหมด ราคาของรถก็จะแพงขึ้นไปอีกจนใกล้ 3 Series มากขึ้น นี่คือความลำบากใจของคนวางแผนผลิตภัณฑ์ ซึ่งต้องคุมต้นทุนให้ได้ตามฝ่ายบัญชีบอก แล้วก็ต้องเลือกอุปกรณ์โดยเดิมพันเอาว่าจะถูกใจลูกค้าแค่ไหน

ฝากระโปรงท้าย แน่นอนว่า BMW ยุคใหม่ที่มาพร้อมระบบ Comfort Access จะมีระบบเอาเท้าแกว่งใต้กันชนเพื่อเปิดฝาท้ายได้ แต่ตัวฝากระโปรงไม่ได้ขับด้วยระบบมอเตอร์นะครับ เวลาคุณเตะเปิด กลอนจะคลายล็อคและฝากระโปรงจะเด้งเปิดด้วยแรงสปริง ดังนั้นตอนปิด ต้องใช้แรงมือดึงปิดเอาเองครับ

เนื้อที่ใต้ฝากระโปรงท้ายมีความจุ 430 ลิตร ลึก แต่ไม่ได้กว้างมากนัก ดูแล้วไม่แน่ใจว่าถุงกอล์ฟขนาด Full-size จะยัดเข้าไปได้หรือไม่ แต่ถ้ายัดไม่ได้ ก็ยังสามารถพับเบาะหลังแยกส่วน 40:20:40 เพื่อวางถุงกอล์ฟได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องตะแบงยัดจนถุงเสียทรง นอกจากนี้พื้นห้องเก็บสัมภาระยังมีฝาปิดแบบพับทบ เปิดให้เห็นช่องเก็บของด้านล่าง สำหรับการออกเดทแบบวัยรุ่นเที่ยวทะเล ตอนจะกลับบ้านก็เอาถุงเสื้อผ้าเปียกยัดเข้าตรงนี้แล้วปิดไว้ หรือจะเป็นทุเรียนแกะ สินค้าที่รสอร่อยแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ เอามาใส่ตรงนี้ ช่วยป้องกันกลิ่นเฉาเฉ่าเข้าห้องโดยสาร แต่อย่าลืมว่าพอถึงที่หมายคุณก็ต้องเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ พ่นน้ำยาดับกลิ่นด้วย ไม่งั้นกลิ่นจะอยู่คู่รถไปอีกนาน

ขุมพลัง 2.0 ลิตรเทอร์โบ 192 แรงม้า บาลานซ์ลงตัวระหว่างการใช้งานและบทบู๊

BMW 220i Gran Coupe ใช้เครื่องยนต์ B48A20A ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. ใช้เทอร์โบชาร์จเดี่ยวแบบ Twin-scroll ใช้อินเตอร์คูลเลอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันระยะยกวาล์ว Valvetronic และแปรผันองศาแคมชาฟท์ VANOS กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000 – 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,600 รอบ/นาที ถ้าดูตัวเลขพลังแล้วมันคุ้นๆ ก็ถูกละครับ เครื่องยนต์นี้ก็เป็นแบบเดียวกับที่อยู่ใต้ฝากระโปรง MINI Cooper S 2.0 เทอร์โบนั่นเอง บ้านเรากับออสเตรเลียนั้นโชคดีที่ได้เวอร์ชั่น 192 แรงม้า ในขณะที่รถสเป็คเยอรมนี และอังกฤษจะมี 178 แรงม้า แต่แรงบิดเท่ากัน

เครื่องยนต์ B48 นี้ อยู่บนโลกมาได้ 7 ปีแล้ว เริ่มใช้ก่อนใน MINI แล้วค่อยขยายผลมา BMW มีแรงม้าตั้งแต่ 178 ไปจนถึง 302 แรงม้า Step ที่อยู่ใน 220i นี้ถือเป็นระดับต้นๆซึ่งใช้เทอร์โบบูสท์สูงสุดประมาณ 0.8-0.9 บาร์ แต่ใช้อัตราส่วนกำลังอัดสูง เน้นแรงบิดดีในช่วงคันเร่งบาง ยังไม่มีบูสท์ ช่วงพลังกว้างและประหยัดเชื้อเพลิง

ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ คลัตช์คู่ Steptronic with Double Clutch 7 จังหวะ พร้อมระบบปรับพฤติกรรมการตอบสนองรถ 3 แบบ ได้แก่ Eco Pro, Comfort และ Sport ไม่มีโหมด Sport + มาให้ เกียร์แบบคลัตช์คู่นี้ จะอยู่ใน 218i และ 220i โดยมีการปรับอัตราทดบางเกียร์ไม่เท่ากัน ส่วนที่เมืองนอก จะใช้ใน 216d, 218i และ 220i ที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น ไม่แน่ชัดถึงสาเหตุที่ว่าทำไม BMW ซึ่งมีความสามารถในการพัฒนาเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ดั้งเดิมให้ทำงานได้ดีจน M3, M4 และ M5 ก็เลิกใช้เกียร์คลัตช์คู่กันไปแล้ว กลับยังอยากใช้เกียร์คลัตช์คู่ และใช้กับรถขับหน้าเฉพาะบางรุ่นด้วย เพราะถ้าเป็น 220i xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ, 218d, 220d และ M235i จะใช้เกียร์อัตโนมัติปกติ แบบ 8 จังหวะ

ระบบบังคับเลี้ยวของ 220i Gran Coupe เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับการหน่วงน้ำหนักพวงมาลัยตามความเร็วแบบมาตรฐานของ BMW โดยอัตราทดเฟืองพวงมาลัยจะอยู่ที่ 15.0:1

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Single-joint spring strut ปีกนกทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Multi-link ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาผสมกับเหล็กกล้า แยกสปริงกับโช้คอัพอยู่คนละเบ้ากัน สปริง มาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport Suspension ที่เน้นความหนึบมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ส่วนระบบเบรก เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมาตรฐาน คาลิเปอร์ 1 Pot และจานเบรกแบบมีช่องระบายความร้อนกลางจาน ทั้งด้านหน้าและหลัง

ทดลองขับ…ขอบคุณที่ 2 Series ได้พลังที่มันคู่ควรเสียที

เมื่อสตาร์ทเครื่องและขับในเมืองช่วงแรก ถ้าไม่นับเรื่องเสียงเครื่องยนต์ 4 สูบที่แตกต่างจาก 218i นิสัยการขับในเมืองเกือบจะเหมือนเดิมเด๊ะ เส้นทางการขับของผมก็เริ่มจากสำนักงาน BMW Thailand ที่ถนนวิทยุ ซึ่งเป็นการขับที่ความเร็วต่ำแบบขับในเมือง และบนถนนที่มีการซ่อมปะหลายจุด 220i ใช้เกียร์คลัตช์คู่ ซึ่งจะมีอาการยึกยัก ถอนคันเร่งแล้วรถหน่วง แต่ไม่ได้กระตุกมากจนเสียเกรดรถ เพียงแต่ว่า คนที่เคยขับรถยุค E46 มาก่อนอาจจะไม่ชินในตอนแรก พวงมาลัยมีน้ำหนักหน่วงมือกำลังดี เลี้ยว กลับรถ หรือถอยจอดไม่เปลืองแรงแขนมากนัก ส่วนช่วงล่างต้องทำใจบ้างถ้าจะเรียกหาความนุ่มนวล BMW เซ็ตสเป็ครถคันนี้มาโดยที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยที่ยังไม่รู้จักโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท วัยที่นอนท่าแปลกๆแล้วตื่นได้โดยไม่ปวดหลัง ถ้าคุณเป็นชาว Bimmer วัยดึก อยากได้รถสวยแต่ช่วงล่างนุ่มนวลชวนฝัน คุณอาจจะอยากขอเซลส์ลองขับก่อนสักรอบ เพื่อความแน่ใจ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เคยชินกับช่วงล่างแต่งซิ่งมาก่อน 220i กับยางแก้มบางๆก็อาจจะนุ่มในสายตาของคุณ

ลองกดคันเร่งลงไปครึ่งนึง..จุดนี้ความต่างจาก 218i จะโผล่มาให้เห็น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สามารถเรียกกำลังได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ ลืมอาการรอรอบของรถเทอร์โบยุคคุณพ่อไปเถอะครับ ด้วยเทคโนโลยีมากมายในรถสมัยใหม่ กดคันเร่ง 50% มาตรวัดบูสท์ดีดไป 0.5 บาร์อย่างรวดเร็ว เกียร์คลัตช์คู่ก็รู้งานของมันดีและปรับพฤติกรรมตามความลึกในการกดคันเร่งได้ ทำให้เป็นรถที่ขับในเมืองแล้วสบายจิต สั่งเท่าไหร่ ทำมาพอดี ไม่ขาดหรือเกิน

เมื่อทางโล่ง ผมลองจับตัวเลขสมรรถนะเมื่อกดคันเร่งเต็มพิกัด ผมกดโหมด Sport 220i สามารถดีดตัวจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.2 วินาที และหากต้องแซงรถช้า ช่วงการเร่ง 80-120 ก็สามารถจบได้ภายใน 5.1 วินาที โดยไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรพิเศษ และไม่ได้ปิดแอร์เพื่อสร้างตัวเลขสวยๆ เป็นอัตราเร่งที่ไม่ว่าใครมาขับคุณก็ทำได้ แล้วถ้าบ้าพอ คุณก็จะเห็นตัวเลขความเร็วขึ้นต้นด้วยเลข “2” ได้ไม่ยาก ถ้าคุณเคยดูการ์ตูนกะลาสีป๊อปอาย ก็เทียบได้ง่ายเลยว่า 220i ก็คือ 218i ที่กินผัก Spinach เข้าไปทั้งกระป๋อง ความแรงของมันอยู่ในระดับที่รุ่นพี่อย่าง 320d ยังต้องเกรงใจ กดตรงไหนก็มีแรงดึง ทะยานอย่างต่อเนื่อง เวลาเจอถนนแคบแล้วต้องแซงเร็ว ขอแค่ให้ใจกล้ากระแทกคันเร่งลงไป เพียงไม่กี่วิ ก็แซงพ้นแล้ว ถ้านี่ยังแรงไม่พออีก ผมว่าคุณต้องไปคบกับ BMW รุ่นอื่นที่มีม้า 250 ตัวเป็นอย่างต่ำแล้วล่ะครับ

บางคนอาจสงสัยว่า…แล้วถ้าเทียบกับ MINI Cooper S 2.0 ที่ใช้เครื่องตัวเดียวกันล่ะ? ต่างกันแค่ไหน? ตอบได้ว่า MINI ไวกว่าอยู่ดีครับ เพราะน้ำหนักตัวสาวลูกครึ่งอังกฤษเยอรมันรายนั้นเขาเบากว่ากันอยู่ 130-150 กิโลกรัม แล้วยังมีคาแร็คเตอร์ของการส่งพลัง MINI นั้นเวลากดคิกดาวน์จะมีแรงกระชากนำก่อนแล้วค่อยๆแผ่วลงนิดๆ ส่วน BMW เมื่อกดแล้วจะออกนุ่มก่อนแล้วทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆในตอนหลัง MINI จึงออกไปในแนวมุทะลุสะใจ ส่วน BMW จะมาในแนวแรงแบบผู้ดี…ที่คำว่าผู้ดีไม่ได้แปลว่าช้า

ช่วงล่าง M Sport อาจจะไม่ได้ทำมาเพื่อความนุ่มสบายในเมือง แต่ถ้าเป็นความสนุก คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ การจูนช่วงล่างของ 220i นั้นมีนิสัยที่คล้ายสปอร์ตคูเป้อย่าง 430i อย่างน่าประหลาดตรงที่ เมื่อเราเล่นโค้งหรืออยู่บนถนนที่ไม่เรียบ ตัวรถโดยเฉพาะด้านท้ายจะมีอาการดิ้นดุ๊กดิ๊กได้ มันไม่ใช่การดิ้นแบบที่ทำให้รถเสียการทรงตัว แต่เป็นการดิ้นที่วิศวกรจงใจทำใส่มา เพื่อให้ขับแล้วรู้สึกมีความตื่นเต้นบ้าง ลองนึกถึงช่วงล่างที่มีการยุบตัว 2 ขั้นดูครับ ช่วงยุบ 1 นิ้วแรกนุ่มเป็นสำลี แต่หลังจากนั้นไป หนึบ หนืดแบบ M Sport Suspension เป๊ะ และน้ำหนักตกบนคานหน้าที่เพิ่มมาจากรุ่น 218i ก็ไม่ได้ทำให้ 220i เสียอรรถรสในโค้งไปอย่างที่คาด ถ้าเป็นการขับบนถนน หาจุดต่างได้ยากมาก ผมต้องหาถนนว่าง ตั้งใจอัดเข้าโค้งแรงๆ กระแทกเบรกพร้อมหักเลี้ยว จึงจะรู้สึกได้ว่า 218i หน้าไวกว่ากันเพียงเล็กน้อย

บนทางมอเตอร์เวย์ยิงยาวกลับเข้าเมืองหลังถ่ายภาพเสร็จ..220i ตอบโจทย์ได้ในลักษณะที่ผมพอใจ มันมีความเป็นเสือเอาโต้บาห์นที่สามารถขับด้วยความเร็วระดับหาพระแสงแช่นานๆข้ามจังหวัดได้ โดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อย กระโดดสะพานมอเตอร์เวย์ได้โดยไม่เสียอาการ เป็นรถที่ทั้งเครื่องยนต์ พวงมาลัย และช่วงล่าง ทำงานเข้าขากันอย่างลงตัวเหมือนวัยรุ่นที่สมอง แขน ขา ยังมีพลังและสั่งได้

แต่ถ้าให้บอกว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ..นั่นคงไม่ใช่ผมรีวิวละครับ

สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกว่ามันกวนใจมากที่สุด คือเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะในรถคันนี้ 90% ของการขับ มันจะทำงานได้ดีน่าพอใจ แต่เวลาขับแบบรีบๆ จะพบบางช่วงความเร็ว เช่นแถวๆ 80 หรือแถวๆ 100 กม./ชม. เมื่อกระแทกคันเร่งจม รถจะมีอาการคิดนานก่อนพุ่ง ชวนให้นึกถึงเวลาคุณถามแฟนว่า เย็นนี้จะกินร้านไหนกันดี บางครั้งคุณได้คำตอบเร็วมาก แต่บางครั้ง คุณเธอก็คิดอยู่นาน ที่เทียบอย่างนี้ เพื่อให้เห็นว่า มันไม่แน่นอน ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่กดคันเร่ง ไม่มี Pattern ใดๆให้บันทึกได้ แล้วรถมันช่างแสนรู้เสียด้วย เพราะทุกครั้งที่ผมถือนาฬิกาจะจับเวลาอัตราเร่ง มันกลับไม่มีอาการเลย พอเก็บนาฬิกาไป อาการค่อยมา น่าตีชะมัดเด็กคนนี้

ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้ ไม่เคยพบเจอในรถที่เป็นเกียร์ ZF 8 จังหวะ ผมจึงได้แต่หวังว่าถ้า LCI เมื่อไหร่ ขอให้อาการนี้หายไป หรือไม่ก็เอาเกียร์ 8 จังหวะของดีประจำตำบลมาใช้ดีกว่า แต่ระหว่างนั้น ผมใช้โหมด +/- เล่นเกียร์เอาเองไปก่อน…ซึ่งก็นำมาสู่สิ่งที่ 220i ขาดไปอีกอย่าง นั่นคือ Paddle Shift สำหรับผม ที่ปกติก็ขับรถเกียร์ธรรมดาประจำ การเอื้อมมือไปผลักเกียร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับบางท่านอาจจะอยากให้เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยมากกว่า

อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมบอก ว่าเราจะเจออาการนี้ไม่บ่อยนัก ดังนั้นในภาพรวม BMW 220i Gran Coupe ในวันนี้ ก็ยังถือว่าเป็นรถพิกัดเล็ก Entry level ของทางค่ายที่แรงสั่งได้ ขับสนุกได้ทุกที่ โดยไม่ต้องอ้างประสิทธิภาพช่วงล่างในโค้งมาเพื่อแก้ตัวเรื่องความแรงทางตรง

สรุป: เหมือนออกเที่ยวกับรุ่นลูก สนุก เต็มที่กับทุกอย่าง แต่ถามตัวเองว่าสังขารเราไปกับชีวิตเขาได้แค่ไหน

BMW 220i Gran Coupe M Sport คือรถระดับ Entry Level ของค่าย ที่ทำให้ผมเอ็นจอยกับการขับมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับคนอายุหลักสี่ที่สังขารเริ่มเข้าสู่ขาลง การได้ขับรถแบบนี้ ดึงความรู้สึกตัวเองสมัยเป็นวัยรุ่นกลับมาได้มาก ถ้าไม่นับเรื่องการเป็นรถขับหน้าที่ไม่สามารถกวาดท้ายเล่นได้ สิ่งอื่นๆในรถคันนี้ ก็สมกับที่มีโลโก้ BMW แปะอยู่ข้างหน้ารถ ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย มันคือรถที่ลบจุดอ่อนของ 218i เรื่องพละกำลังออกไปได้อย่างสิ้นเชิง และผมยืนยันอีกครั้งว่าถ้าคุณไม่ใช่คนที่เคยชินกับรถสปอร์ต 300 ม้าอัพ พลัง 192 แรงม้านี่ล่ะ ลงตัวแล้วกับบอดี้ของ 2 Series แค่นี้ก็พอให้คุณไล่กวด 320d G20 สบายๆและอาจจะแซงบางช่วงได้ด้วยซ้ำ จะมีก็แค่เรื่องเกียร์ที่เวลาคิกดาวน์บางจังหวะคิดนานก่อนปล่อยพุ่ง

สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องอัตราเร่งหรือพลังใดๆ 220i ก็ยังมีจุดที่น่าใช้ แม้หน้าตารถจะเหมือน 218i มาก แต่ก็มีการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเข้าไป หน้าปัด Full Digital รวมถึง Cruise Control และ Wireless Charger โดยที่ราคาค่าตัวรถก็อยู่ที่แค่ 2,169,000 บาท หรือถูกลงกว่า 218i CBU ถึง 230,000 บาท ถูกล่ะว่าอุปกรณ์ติดรถ ถ้าไม่นับหลังคา Panoramic ที่เป็นจุดเด่น อุปกรณ์ด้านอื่นถือว่ายังขาด เช่นระบบความปลอดภัย BMW Driving Assistant หรือ Paddle Shift แต่ถ้าคุณมองหารถ BMW ในงบประมาณเท่านี้ ก็ไม่มีคันไหนที่หรูกว่า ครบกว่า 220i แล้วราคาเท่ากันหรือถูกกว่า

แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณต้องตระหนักตัวเองก่อนว่า นอกเหนือจากความสวยงาม ดีไซน์ และราคา 220i เป็นรถที่เข้าขากันกับชีวิตของคุณได้แค่ไหน มันคือรถที่ดีไซน์มาเพื่อคนวัยเยาว์ ที่มีแนวโน้มจะเท้าหนัก การจูนช่วงล่าง จึงออกไปในแนวแข็งแบบวัยรุ่นชอบ แต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เราอาจจะไม่ยินดีที่จะนั่งเท่าไหร่..ทำนองเดียวกันกับ 320d M Sport และ 330e M Sport ซึ่งทำช่วงล่างแบบไม่เอาใจคนแก่ ส่วนเรื่องพื้นที่ภายในนั้น ก็อย่างที่บอกว่ารถตระกูล Gran Coupe คือรถที่ให้ความสำคัญเรื่องความสวยมากกว่าพื้นที่ภายใน แม้ว่าพื้นที่ตอนหน้าของรถจะสบายกว่าที่คาด แต่เบาะหลังนั่งยังไงก็ไม่มีทางสบายเท่า 3 Series รุ่นปัจจุบัน แต่ถ้ารถคันก่อนของคุณคือ 3 Series E36 หรือ E46 เจ้านี่ก็อาจจะพอทำให้พ่อแม่คุณยอมนั่งไปด้วยได้

ผมจึงเปรียบรถคันนี้ เหมือนการคบแฟนที่เป็นรุ่นลูก..ในเคสผมก็คงเป็น 40 กว่ากับ 20 ต้นๆ (คุณผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงก็คิดแบบนี้ได้นะครับ ถ้าคุณโสดจนอายุ 40 แล้วมีเด็กอายุ 20 ต้นๆมาจีบ..มันเป็นไปได้ครับ เพราะคุณยังสวยอยู่) การไปเที่ยวกับแฟนที่เด็กกว่าเรามากๆ บางครั้งคุณจะแยกไม่ออกว่าตกลงนี่จะเป็นลูกสาวหรือจะเป็นแม่หรือจะเป็นแฟน แต่คุณจะพบว่าที่ไหนที่มีเขาอยู่ ที่นั่นจะมีความสนุก มีชีวิตชีวา แต่วัย 20 ต้น คือวัยที่ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย เขาจะชื่นชอบกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกาย สเก็ตบอร์ด สกีน้ำ บันจี้จัมพ์ ขับรถบัมพ์ และคุณก็ไม่สามารถเลี่ยงไปกางเก้าอี้อ่านนวนิยายอากาธา คริสตี้ รออยู่ริมหาดแล้วปล่อยให้เธอเล่นไปคนเดียว ถ้าคุณทำ คุณก็เป็นปู่ครับ ไม่ใช่แฟน

ถ้าคุณแก่ แต่แรงกายของคุณยังสู้ไหว หรือคุณชอบที่จะทำสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว คุณรับกับวิถีวัยสะรุ่นได้ 220i ก็จะเป็นแฟนอายุน้อยที่มอบความสุขให้คุณ ทำให้คุณยิ้ม 90-95% ของเวลาทั้งหมดที่อยู่ด้วยกัน แถมโชคดีว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้เรียกค่าสินสอดแบบบ้าระห่ำ คุณเห็นทางที่จะร่วมชีวิตกันได้โดยสมุดบัญชีไม่บึ้ม จิ๊กซอว์นี้ ลงตัวที่สุดแล้วครับ

แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่านอกจากตัวคุณแก่แล้วสังขารก็ไม่อำนวย..มันไม่ใช่แนวสำหรับคุณ คุณชอบความหรูหรา ผาสุก สบายตัว ก็ทำตามที่ผมแนะนำครับว่า…

ปล่อยให้เรื่องของวัยรุ่น เป็นเรื่องของวัยรุ่น แล้วเราก็ไปคบคนวัยใกล้ๆกันเถอะครับ


The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments