รีวิว BMW 430i Coupe M Sport ขับต่างจาก 330i มากกว่าที่คิด!

ผมคงไม่สามารถรีวิวโดยมองข้ามเรื่องจมูกของรถคันนี้ได้ ดังนั้นผมขอพูดตรงนี้เลยก็แล้วกัน..หลายปีที่ผ่านมา BMW 4 Series ตัวถัง F32 ได้มอบประสบการณ์หลังพวงมาลัยที่น่าจดจำ มันคือรถคูเป้พิกัด 4 สูบที่ขับสนุก หรูหราและให้สิ่งต่างๆสมราคา รวมถึงรูปทรงของรถที่ยาวเรียว สวยและดุไปพร้อมๆกัน แม้ว่าเมื่อดูจากด้านหน้าแล้ว มันจะดูเหมือนรุ่น 4 ประตูขนาดไหนก็ตาม

เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว BMW เผยโฉม 4 Series ใหม่ ที่มีข่าวออกมาจากแผนกดีไซน์ว่าหน้าตาของมันจะแตกต่างจากพี่ชายอย่าง 3 Series มากกว่าเดิม สลัดความเป็น 3 Series Coupe ในรูปลักษณ์สู่ความเป็นเอกเทศน์อย่างสมบูรณ์แบบ..แล้วมันก็เริ่มต้นด้วยจมูกอันใหญ่โตนั่นแหละ กระจังหน้าขนาดยักษ์ของ G22 นั้นใหญ่พอจนน่าจะส่งผลให้วงการรถยนต์เลิกเรียก 5 Series E34 ไมเนอร์เชนจ์ว่า “Big nose” ได้แล้ว เพราะเมื่อจอดข้างๆกันโดยบังเอิญในวันที่ผมรับรถทดสอบมา ความต่างเรื่องไซส์จมูกนั้นให้ความรู้สึกเหมือนมองแผนที่โลกแล้วเอาสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน เทียบขนาดกับคาซัคสถาน

คุณเนย นักเขียน bimmer-th บอกผมแล้วว่า ที่จริงมันก็ใช่ว่า 4 Series เป็นรถรุ่นแรกที่จมูกใหญ่ ก่อนหน้านี้ 7 Series LCI นำร่องไปแล้ว และสมัยยุค 1930s-40s ก็มี BMW 303 และ BMW 327 Coupe ที่มีจมูกยาวจากบนจรดล่าง…Heritage รึ? อาจจะใช่ แต่ถ้าถามว่าผมชอบจมูกทรงนี้หรือไม่? บอกเลยว่าไม่ชอบนับตั้งแต่วันที่เห็นรถ Concept แล้ว ผมเฝ้าสวดมนต์ภาวนา No, not this. No, not this ราวกับเด็กนักศึกษาภาวนาอย่าให้อาจารย์เรียกลุกขึ้นตอบคำถามยากๆในชั้นเรียน ซึ่งเราก็ทราบกันนะครับ..มันเป็นกรรมที่เราหนีไม่พ้นในวันนั้น และยังหนีไม่พ้นในวันนี้เมื่อกุญแจของ 430i ราคา 3,969,000 บาท อยู่ในมือผม

แต่เหมือนกับ BMW ทุกรุ่นที่ผ่านมา คือไม่ว่าจะมีจุดใดที่ไม่เข้าตา แต่ถ้าเรายินยอมที่จะเข้าหามัน ตัวรถนั่นก็จะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เราทึ่งได้พอๆกัน จนกระทั่งมันอาจทำให้ทัศนคติที่มีต่อรถเปลี่ยนไป แบบเดียวกับที่ผมดูซีรีส์เรื่อง LUPIN บน Netflix ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา หน้าตาของพระเอก Assane Diop ที่แสดงโดย Omar Sy นั้น ดูเหมือนพวกเดี่ยวไมโครโฟนฝรั่งเศสมากกว่าที่จะมาแสดงในบทจอมโจรพราวลูกเล่น ผมกะจะไม่ดูในตอนแรกแล้ว แต่พอดูแล้ว ก็ล่อจนจบ Season ในสองวัน และคุณ Omar Sy ก็แสดงบทที่แกได้รับดีกว่าที่ผมคาดไว้มากจนไม่รู้จะติอะไรอีก

ดังนั้น 430i คันนี้ก็อาจจะเหมือนซีรีส์ LUPIN ที่ผมดูจบไป.. บางทีมันอาจจะเหมือนรถในตำนานหลายคันที่ให้ความปวดหัวเวลายืนหน้ารถ แต่ให้ความทรงจำที่ล้ำค่าเมื่อนั่งหลังพวงมาลัยก็เป็นได้

อยากรู้ก็ต้องให้โอกาสรถในการพิสูจน์ตัวเอง!

ดีไซน์ภายนอก หน้าตาเอาเรื่อง แต่ไม่หล่อเรียบเพียบเสน่ห์แบบ F32

มาว่ากันที่ตัวเลขก่อนดีกว่า 4 Series ใหม่นี้ มีความยาว 4,768 มม. กว้าง 1,852 มม. สูง 1,383 มม. ความยาวฐานล้อ 2,851 มม. ระยะแทร็คล้อคู่หน้า/หลังเท่ากับ 1,575/1,611 ความสูงใต้ท้องรถ 127 มม.

เมื่อเทียบกับบอดี้ F32 รุ่นที่แล้ว จะพบว่ารุ่นใหม่ยาวขึ้นกว่าเดิมมาก (ประมาณ 13 ซม.) กว้างขึ้น 27 มม. ความสูงใกล้เคียงกัน (ถ้าวัดด้วยรถสเป็คมาตรฐานล้อ 17 นิ้ว) ความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นมา 41 มม. พูดง่ายๆคือโตขึ้นในทุกมิติ และถ้าเทียบกับพี่ชายอย่าง 3 Series G20 กลายเป็นว่า 4 Series Coupe ตัวยาวกว่าและกว้างกว่าด้วยซ้ำ แต่เตี้ยกว่า และระยะฐานล้อเท่ากัน ระยะะแทร็คล้อคู่หน้าของ 3 Series จะกว้างกว่า (1,589มม.) แต่แทร็คหลังจะแคบกว่า (1,604 มม.) สิ่งนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความต่างในการตอบสนองบนโค้ง ซึ่งเราจะมาว่ากันตอนหลัง

น้ำหนักตัวของ 430i Coupe ตามสเป็คมาตรฐาน EU จะอยู่ที่ 1,620 กก. ซึ่งนับว่าเริ่มจะไม่ใช่มารตัวเบาแล้ว เพราะหนักขึ้นกว่าตัวเก่า 35 กก. แล้วยังหนักกว่า 330i G20 อยู่ถึง 75 กก.

รถทดสอบของเรา มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics ซึ่งคุณจะดีใจที่ BMW Thailand จัดมาขายใน Trim นี้เลย เพราะรุ่นธรรมดานั้นกระจังหน้ารวมกับกันชนดูแล้วสับสนแบบจืดๆ ในขณะที่ชุดแต่งกันชนหน้า M นั้น “จะห้าวก็ห้าวไปเลย ไม่ครึ่งๆกลางๆ” ไฟหน้าเป็นแบบ Adaptive LED กระจังหน้าลายตาข่ายแบบ M Sport และที่ขาดไม่ได้คือล้อ M Light Alloy แบบสีเงินไฮไลท์ดำเงา ลาย Double Spoke ขนาด 19 นิ้ว ซึ่งสมัยนี้ ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็นคูเป้ยุโรปรุ่นท้อป ถ้าล้อเล็กกว่า 19 นิ้วจะผิดใจกับผู้บริโภคซะแล้ว

เส้นสายด้านข้าง เปลี่ยนไปจากรถรุ่นเดิมแบบคนละเรื่องเพราะกระจกบานหลังที่ดูสั้นลง ทำให้ดูทะมัดทะแมง บวกกับโป่งล้อหน้าหลังที่ทำให้ลำตัวรถดูกว้าง ทำให้ดูมีความกำยำ ถ้าให้เทียบกับรุ่น F32 แล้ว เจ้ารุ่นเก่าเขาจะสวยแบบเอาใจมหาชน ดุแบบเรียบร้อยเงียบๆ ส่วน G22 นั้น ดูโวยวายหนักกว่า และน่าเกรงขามกว่าไปพร้อมกัน

อีกจุดหนึ่งที่ผู้คนวิจารณ์ค่อนข้างหนาหูคือลักษณะของไฟท้าย ซึ่งแม้จะมีการเอาองค์ประกอบรูปตัว “L” แฝงเอาไว้ แต่ไฟ LED ทรง L ที่ว่านั้นก็ถูกบิดเสียจนกลายเป็นตัว C คว่ำไปแล้ว ในจุดนี้ทำให้หลายท่านบอกว่าเอกลักษณ์ความเป็น BMW มันหายไป หรือบางท่านอาจจะบอกว่าดูเหมือนรถญี่ปุ่นบางยี่ห้อมากกว่าที่จะเป็น BMW ส่วนตัวผมเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย

แต่เข้าใจเถอะครับ นี่ล่ะคือโชคชะตาของดีไซน์รถยนต์ บางที พอทำเหมือนเดิมตลอดก็จะโดนล้อว่าเป็นสำเนาก๊อปปี้ พอแหกประเพณีจากเดิมมากไป ลูกค้าก็บ่นอีก ดังนั้นมันจึงอยู่ที่ความพอดี และลูกค้าล้านคนก็มี Concept ของคำว่า “แหวกแบบพอดีๆ” ไม่ได้เท่ากันเสมอไป

ยังดีที่ว่า อย่างอื่นนอกเหนือจากไฟท้าย ดูโอเคหมด ไม่ว่าจะเป็นเส้นสันบนแนวกันชน บนขอบฝากระโปรงที่ทำให้ดูเหมือนเป็นตูดเป็ดนิดๆ และท่อไอเสียที่ออกแบบข้างและท่อโดยเลือกขนาดมาได้กำลังเหมาะสม ถ้าเป็นหน้าตาคน ก็คงเหมือนคนที่ตาไม่สวย แต่รูปหน้ารูปคางลงตัวนั่นแหละ ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ เมื่อวัดโดยใช้ตัวรถสเป็คมาตรฐาน 430i G22 จะอยู่ที่ Cd=0.25 ซึ่งดีขึ้นกว่า F32 มาก (0.29) แต่ยังแพ้พี่ 330i อยู่ (0.25)

ภายใน เกือบเหมือน G20 ล้ำยุคกว่าเดิม เรียบร้อยกว่าเดิม แต่..

เบาะนั่งของ 430i คันนี้เป็นแบบสปอร์ต แถมยังมาพร้อมกับภายในสีน้ำตาลส้ม ซึ่งบางคนไม่ชอบ แต่ผมชอบเพราะมันตัดกับโทนภายในห้องโดยสารแล้วออกมาดูหรูกำลังดี เบาะหน้าเป็นแบบปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง สามารถปรับส่วนรองน่องยืดออกมาได้ด้วยมือ พนักพิงศีรษะสามารถปรับเลื่อนหน้า/หลังได้ และสามารถปรับการบีบของปีกเบาะด้านข้างได้

เท่าที่นั่งดู ผมยังชอบการเลือกวัสดุภายในเบาะของ BMW อยู่ ข้างในโครงเบาะมีความรู้สึกแข็ง แต่ฟองน้ำชั้นนอกสุดจะนุ่ม อาจจะไม่ใช่เบาะแบบที่นั่งแล้วอยากหลับ แต่เป็นเบาะแบบที่ขับทางไกลก็ไม่เมื่อย และในยามขับเล่นในสนาม ก็ให้การรั้งตัวคนขับดีในระดับหนึ่ง น่าเสียดายที่ไม่มีระบบปรับดันหลัง (Lumbar Support) มาให้ ระบบนี้มีใน 330e M Sport แต่ไม่มีใน 330i คาดว่าออพชั่นคงถูกติ๊กมาตามสเป็ครถนอกนั่นล่ะครับ

ส่วนเบาะหลังนั้น เนื้อที่เหมาะสำหรับคนตัวเล็ก แต่ก็จัดทรงเบาะมาในแบบที่ล็อคตัวผู้โดยสารเวลาเข้าโค้งได้ดี ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ารถ Coupe แบบนี้จะมักจะไม่ได้มีคนนั่งหลังบ่อยๆ แต่ BMW ก็ยังอุตส่าห์ให้พนักเท้าแขน แถมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งมาให้ด้วย การจะเข้าไปนั่งในเบาะหลังนั้น ก็ให้ดึงมือเปิดที่อยู่ด้านหลังของเบาะหน้า ตัวเบาะจะล้มมาข้างหน้า แล้วระบบไฟฟ้าก็จะสไลด์เบาะมาอย่างช้าๆ ถ้าสมมติฝนตก แล้วคุณกะจะรับเพื่อน 3 คนขึ้นรถแบบเร่งรีบ น่าจะตัวเปียกกันหน่อยล่ะครับ

บรรยากาศภายในของ 430i M Sport คันนี้ ก็ดูคล้าย 330i แม้กระทั่งแดชบอร์ดตอนบนก็ดูเหมือนกันมาก สิ่งที่ต่างกันก็คือคอนโซลตอนล่าง บริเวณใกล้เข่าคนนั่ง ของ 330i จะเรียบเสมอฝาปิดช่องวางของ แต่ 430i จะยกระดับสูงขึ้น มีเพียงเท่านี้เลยครับที่สังเกตเห็นได้ง่าย

แต่แดชบอร์ดของ 330i ก็ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับ มันดูสวย ล้ำสมัย และเรียบร้อยขึ้นกว่ารถ F30/F32 อย่างชัดเจน มีเอกลักษณ์ของ BMW ยุคใหม่ให้เห็นเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของช่องปรับอากาศ คันเกียร์ หรือสวิตช์สีโลหะ และการตกแต่งแซมส่วนต่างๆด้วยวัสดุลาย Aluminium Tetragon แผงแดชบอร์ดด้านบนบุ Sensatec โดยรวมแล้ว คุณได้ทุกอย่างที่คุณคาดหวังจาก BMW ในเรื่องวัสดุและการออกแบบ

พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน M Sport พร้อม Paddleshift ปรับสูง/ต่ำ ใกล้ ไกลได้ด้วยมือ มีสวิตช์สำหรับควบคุมชุดเครื่องเสียง และ Active Cruise Control ชุดสวิตช์ไฟหน้าอยู่ใต้ช่องแอร์ด้านขวา เปลี่ยนจากแบบลูกบิดที่เคยใช้ เป็นแบบกดปุ่มเหมือน 3 Series G20 ส่วนเบรกมือนั้น ก็เปลี่ยนจากแบบคันโยก มาเป็นเบรกมือแบบไฟฟ้ากดปุ่ม ซึ่งก็ทำให้สามารถติดตั้ง AUTO H – ระบบคาเบรกโดยอัตโนมัติเวลารถหยุดนิ่งสำหรับใช้งานในวันที่รถติดได้

ภาพรวมของภายใน ผมว่าดีขึ้นตรงที่ ทั้งดีไซน์และวัสดุ ดูแพงขึ้นชัดเจน เมื่อเทียบกับ F32 รุ่นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บางอย่างที่ต้องเป็นไปตามยุคสมัยก็ทำให้เราเสียบางสิ่งที่เราอาจคุ้นเคย G22 เป็นรถยุคสมาร์ท ที่พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างให้เรียบร้อยไปเสียหมด แต่บางครั้งก็ยากต่อการใช้งาน อาทิ ชุดสวิตช์บริเวณรอบคันเกียร์ซึ่งเรียบกลืนไปกับพื้นผิว คุณต้องใช้รถนานจนชิน ถึงจะรู้ว่าปุ่ม Comfort ปุ่ม Sport ปุ่ม DSC Off มันอยู่ตรงไหน นี่ยังดีว่า BMW ยังแยกสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศเป็นปุ่มแข็ง ไม่ได้บ้าโลกทัชสกรีนจนทุกฟังก์ชั่นต้องไปอยู่บนจอเสียหมด

แต่รถเก่าอย่าง 4 Series F32 ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมคิดถึง เช่นเบรกมือแบบดั้งเดิม ซึ่งให้ความสนุกมากเวลาถนนลื่นแล้วอยากดึงเบรกมือดริฟท์รถเล่น ปุ่มไฟหน้าที่เอามือคลำก็เจอ ปุ่มโหมดรอบคันเกียร์แบบรถยุคเก่าที่เป็นสวิตช์จริงและนูนชัดเจน แถมยังติดตั้งห่างกันพอดี จนไม่ต้องชำเลืองตามองก็คลำถูก นี่คือเสน่ห์จากรถวันวานที่กำลังจะเลือนหายไปตามความต้องการ ความคาดหวัง ดีไซน์ใหม่ๆ จากลูกค้าวัยใหม่ๆยุคนี้

จอกลางขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว มาพร้อมเครื่องเสียงจาก Harman Kardon ที่ไม่ทำให้ผิดหวังในคุณภาพของเสียงที่ไม่ได้ดังบู้มแบบเวอร์ๆ แต่ถ่ายทอดความละเอียดของเสียงอย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ระบบ Multimedia BMW OS เวอร์ชั่น 7.0 รองรับ Apple CarPlay นี่คือจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าทำได้ดีกว่ารถรุ่นเก่า แม้ว่าในตอนแรกอาจจะดูใช้ยาก แต่พอเข้าใจแล้ว สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้เยอะขึ้น

นอกจากจะมีระบบนำทาง, ระบบ BMW Connected ที่เชื่อมการทำงานกับสมาร์ทโฟนได้ และยังมีกล้องมองหลัง พร้อมระบบช่วยจอดรถเวอร์ชั่นเดียวกับ 330i แน่นอนว่า ระบบช่วยถอยหลังแบบวิ่งกลับไลน์เดิมอัตโนมัติ (Reverse Assist) ก็มีมาให้แล้ว แต่ระบบมันจะจำแค่ระยะ 50 เมตรสุดท้ายที่วิ่ง และ 50 เมตรนั้นคุณต้องไม่มีการล้อฟรี หรือใช้ความเร็วเกิน 35 กม./ชม. นะครับ มันถึงจะได้ผล นอกจากนี้ ในตอนที่ถอยกลับ คุณยังต้องใช้เบรกคุมความเร็วของรถด้วยตัวเองอยู่ เพื่อไม่ให้มันเกิน 9 กม./ชม. ไม่งั้นระบบจะถอนการทำงานครับ

ส่วนฟังก์ชั่น Sport Display ก็จะเหมือนกับรถ BMW เครื่องที่มีออพชั่น Live Cockpit Professional รุ่นอื่นๆ สามารถโชว์ G-meter เ แรงดันบูสท์เทอร์โบ และอุณหภูมิน้ำมันเครื่องได้

ชุดมาตรวัด เป็นหนึ่งองค์ประกอบของ BMW Live Cockpit Professional (ร่วมกับจอกลาง) เป็นจอสียกแผงขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพราะเห็นกันใน 330i และ 330e M Sport กันมาแล้ว หน้าตา ตัวอักษร ทุกอย่างเหมือนกันหมด เปลี่ยนรูปแบบสีสันตามโหมดการขับขี่เหมือนกัน ตัวเลขความเร็วฝั่งซ้ายเว้นระยะแบบไม่สมมาตรโดยเน้น 0-100 ชัดเจน แต่ 100-260 จะแบ่งแบบไม่ค่อยละเอียดนัก ส่วนมาตรวัดรอบอยู่ทางขวา และมีส่วนแสดงข้อมูลเพิ่มเติมที่กลางมาตรวัดรอบ ซึ่งเลือกได้ว่าจะให้แสดงตำแหน่งเกียร์ ข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง Media ที่เล่น โชว์ G-Meter หรือมาตรวัดพลัง (hp & nm)

ดังนั้นความเห็นผมก็คงจะเหมือนเดิมล่ะครับว่า มันเป็นชุดมาตรวัดที่เมื่อรวมกับ Ambient Light แบบปรับสีได้ในรถแล้ว ทำให้บรรยากาศค่ำคืนดูล้ำอนาคตยิ่งนัก แต่ก็แลกกับเรื่องความชัดเจนในการอ่านค่าเวลาขับเร็วๆ ซึ่งในประเด็นนี้ มาตรวัดแบบเข็มจากสมัยก่อน จะทำได้ดีกว่า และส่วนตัวผมก็ชอบมาตรวัดแบบ 430i F32 มากกว่า

ในภาพรวม เรื่องอุปกรณ์ภายใน นับว่าให้มาครบครันพอสมควร จะขาดไปก็เพียงแค่ระบบกล้องรอบคันแบบ 330e M Sport และไม่มีจอ Head-Up Display แต่ถ้าพูดถึงความปลอดภัยอื่นๆ สิ่งที่ได้เพิ่มมาก็คือ Adaptive Cruise Control ซึ่ง 3 Series สเป็คไทยจะไม่มีสักรุ่น ส่วน BMW Driving Assistant ใน 4 Series ก็มีมาให้ครบ ประกอบไปด้วย

  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน สั่นเตือนที่พวงมาลัย
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดบอดกระจกมองข้าง เป็นไฟที่เนื้อกระจก
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยหลัง
  • ระบบเตือนป้ายจราจร การจำกัดความเร็ว และเส้นเลนทึบ (ห้ามแซง)

ขุมพลัง 258 แรงม้า ดึงดีแบบกระแทกคันเร่งแล้วยิ้มได้

430i บ้านเรา ใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo (ไม่ใช่ทวินเทอร์โบนะจ๊ะเห็นเข้าใจผิดหลายท่านละ)

โดยตัวเครื่องยนต์นี้จะมีรหัส B48B20B ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. ใช้เทอร์โบชาร์จเดี่ยวแบบ Twin-scroll ใช้อินเตอร์คูลเลอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.2 : 1 กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,550 – 4,400 รอบ/นาที แม้รหัสของเครื่องจะเหมือนรถเจนเนอเรชั่นที่แล้ว แต่แรงม้าเพิ่มมา 6 ตัวโดยคงพลังที่รอบสูงไว้ได้ดีกว่า แรงบิดเพิ่มขึ้นมาถึง 50 นิวตันเมตร ในรอบการทำงานที่กว้าง ยืดหยุ่นดีเหมือนเดิม

ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์ของ ZF 8 จังหวะ ที่เป็นแบบ Steptronic Sport ซึ่งคำว่า Sport ที่ได้มานั้น บ่งบอกว่ามันเป็นเกียร์ที่เซ็ตอัพแบบเดียวกับเกียร์ 8 จังหวะในรถ M Car และยังมีการปรับจูนการทำงานของเกียร์ให้ตอบสนองไวขึ้นกว่าเกียร์ Steptronic แบบมาตรฐาน นอกจากนี้ สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือ โหมด Sport Plus และระบบ Launch Control อัตราทดเกียร์มีดังนี้

  • เกียร์ 1 – 5.250
  • เกียร์ 2 – 3.360
  • เกียร์ 3 – 2.172
  • เกียร์ 4 – 1.720
  • เกียร์ 5 – 1.316
  • เกียร์ 6 – 1.000
  • เกียร์ 7 – 0.822
  • เกียร์ 8 – 0.640
  • เกียร์ ถอยหลัง 3.712
  • อัตราทดเฟืองท้าย 2.813

พูดง่ายๆว่าเดี๋ยวนี้ BMW รุ่นใหม่ๆมักจะเรียงอัตราทดเกียร์เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็น 320d, 430i หรือ Z4 M40i แต่ต่างกันตรงที่เฟืองท้าย ในรถอย่าง Z4 M40i จะทดจัดกว่าเพื่อเค้นสมรรถนะ เกียร์ลูกใหม่นี้ จะมีอัตราทดเกียร์ 1-3 ที่จัดกว่าเกียร์ของ 430i F32 ส่วนเกียร์อื่นๆรวมถึงอัตราทดเฟืองท้ายจะเท่ากัน

นอกจากนี้ สิ่งที่ผมเพิ่งทราบตอนเขียนบทความนี้จากเอกสารของ BMW Germany ก็คือ 4 Series เป็นรถเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ BMW รุ่นแรกที่จะมีระบบ “Sprint Function” เอาไว้ใช้เวลาต้องการบู๊แบบด่วนๆ สมมติว่าคุณกำลังขับเกียร์ D โหมด Comfort แล้วเห็นใครพุ่งมาจี้ตูดอยากจะเล่นด้วย ไม่ต้องไปกดโหมดอะไรให้มากมายครับ เอามือกด Paddle Shift ด้านซ้ายคาไว้ 1-2 วินาที ECU จะสั่งลดเกียร์ไปสู่เกียร์ต่ำสุดเท่าที่มันจะให้ได้ และปรับโหมดการตอบสนองจาก Comfort ไปเป็น Sport โดยอัตโนมัติ (จะเป็น Sport, Sport Plus หรือ Sport Individual ก็แล้วแต่ว่าคุณเลือก Configure ไว้แบบไหน)

ระบบบังคับเลี้ยวของ 4 Series G22 เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ในรถที่มี M Sport Package อย่างของบ้านเรานี้ ก็จะมาพร้อมระบบ Variable Sport Steering ที่สามารถปรับน้ำหนักต้านมือและความไวของพวงมาลัยได้ โดยอัตราทดเฟืองพวงมาลัยจะอยู่ที่ 15.1:1 ในตำแหน่งถือตรง + ซ้ายหรือขวาเล็กน้อย แต่ถ้ายิ่งหักพวงมาลัยมากขึ้น ความไวก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Double-joint spring strut ปีกนกทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Five-link ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาผสมกับเหล็กกล้า สปริง และโช้คอัพ เป็นสเป็ค M Sport ที่เน้นความหนึบมั่นคงเป็นหลัก แต่ไม่ใช่ช่วงล่างแบบ Adaptive อย่างใน 330e ดังนั้นการกดโหมดต่างๆ จึงไม่มีผลต่อความแข็งของช่วงล่าง แต่ตัวโช้คเองสามารถแปรผันความหนืดได้ จากการออกแบบ “Lift-related Shock Absorber” ซึ่งเป็นโช้คอัพที่ออกแบบให้ ยิ่งอัด ยิ่งยุบแรง ยิ่งมีแรงต้าน และแบ่งการทำงานเป็น Multi-stage ก็จัดว่าเป็นการแปรผันในเชิงกลไกได้..แค่เรากดสั่งมันไม่ได้เท่านั้นล่ะ

นอกจากการปรับปรุงระบบบังคับเลี้ยวให้ถ่ายทอดความรู้สึกพวงมาลัยที่เป็นธรรมชาติ ด้วยการย้ายตำแหน่งจุดหมุนเลี้ยวของล้อหน้าเยื้องไปข้างหน้ารถ ย้ายตำแหน่งติดตั้งแร็คพวงมาลัยไปข้างหน้ารถมากขึ้น และปรับจูนซอฟท์แวร์คุมพวงมาลัยใหม่ (ซึ่งก็ทำไปตั้งแต่ G20 แล้ว) ทาง BMW เอง ก็ได้ปรับ 4 Series ให้มีความแตกต่างในบุคลิกการขับจาก 3 Series มากกว่าแต่ก่อน โดยมองว่า คนที่ซื้อรถ Coupe นั้น มีแนวโน้มที่อยากจะซนในโค้งมากกว่าลูกค้ารถซาลูน จึงมีการปรับปรุงในหลายสิ่ง เช่น

  • บอดี้รถเตี้ยกว่า G20 อยู่ 57 มม. ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่ากันอยู่ 21 มม.
  • ล้อหน้า ปรับมุมแคมเบอร์ให้ล้อแบะออกรับถนนในโค้งมากกว่า
  • เพิ่มค้ำตัวถังด้านหน้ารถ บริเวณผนังห้องเครื่อง บริเวณจุดยึดสตรัทมาที่คานหน้า และเพิ่มคานสามเหลี่ยมที่หน้าแผงหม้อน้ำ ทั้งหมดนี้เพื่อลดการบิดของตัวถังลง
  • ยุบระยะแทร็คล้อหน้าให้แคบลงกว่า 3 Series อยู่ 14 มม. แต่กลับขยายแทร็คหลังให้กว้างกว่ากันอยู่ 23 มม.
  • สปริงและโช้คอัพ ปรับจูนให้มีความแข็ง/หนืด ต่างจาก 3 Series
  • ซอฟท์แวร์คุมน้ำหนักพวงมาลัย ต่างกัน
  • ปรับเซ็ตน้ำหนักของแป้นเบรกมาให้ต่างกัน

BMW ที่เยอรมนี ไม่ได้บอกว่าการปรับเซ็ตทั้งหมดนี้จะทำให้รถไปได้เร็วขึ้น แต่บอกแค่ว่า ทั้งหมดนี้ทำมาเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชอบขับแบบซนในโค้งมากกว่า 3 Series แต่จะทำได้จริงหรือไม่ ต้องลองขับดูครับ

ลองขับจริง สนุกดุ๊กดิ๊ก แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่ชอบแบบนี้

แน่นอนว่า ด้วยความที่เป็นรถพิกัด 4 สูบ พละกำลังที่มีก็ถือว่าจัดอยู่ระดับกลางๆในบรรดารุ่นย่อยทั้งหมดของ 4 Series คุณคงไม่คาดหวังว่าตอนสตาร์ทมันจะกระหึ่มลั่นบ้าน เสียงเครื่องยนต์มาอย่างโหดแบบ Z4 M40i อยู่แล้ว เจ้า 430i ติดเครื่องและเดินเบานิ่งๆ ทำตัวเหมือนคนที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองพกปืนในกระเป๋า

แต่เมื่อคุณตอกคันเร่งเท่านั้นแหละ..ยิ้มเลยครับ อัตราเร่ง 0-100 ใน Comfort Mode จบที่ 7.5 วินาที อย่างเย็นสบายภายใต้แอร์ 3 Zone ที่เร่ง 22 เซลเซียส และถ้าคุณกด Sport Plus Mode นอกจากจะได้เสียงสังเคราะห์ที่กระหึ่มขึ้นชัดเจนแล้ว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะลงไปเหลือ 7.05 วินาที อย่างง่ายได้ ซึ่งในพิกัด 2.0 ลิตรกับบอดี้ขนาดนี้ ราคาขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

ถ้านั่นยังไม่พอ ก็ใช้ Launch Control เลยครับ แล้วตัวเลขจะยิ่งสวย คุณธิติพัฒน์ ทีมงานของเราที่ตัวเบา 64 กิโลกรัม (เบากว่าผมมาก) ลองขับโดยเปิดโหมดนี้ สามารถทำอัตราเร่งในย่านเดียวกันนี้จบใน 5.7 วินาที ตามที่ BMW เคลมในโบรชัวร์เด๊ะ ออกตัวมีล้อฟรี แถมตอนเปลี่ยนเกียร์ก็มีอาการล้อฟรีดังเอี๊ยดสั้นๆ..ให้อารมณ์สะใจเหมือนได้ขับรถเทอร์โบยุค 90s เกียร์ธรรมดา ตรงนี้ผมชอบ!

ส่วนอัตราเร่ง 80-120 กม./ชม. ใน Comfort Mode 4.9 วินาที และ Sport Plus Mode 4.2 วินาที – 4.5 วินาที ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเกียร์ค่าตำแหน่งไหนอยู่ ส่วนการคาเกียร์ M3 ไว้แล้วกดเลย จะได้ 4.2 วินาทีอย่างสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่อง จุดนี้แหละที่พลัง 340 แรงม้าของ Z4 M40i จะดีดหนีได้ ม้าก็ยังเป็นม้าอยู่วันยังค่ำ ตัวเลขที่ออกมาแอบไวกว่า 330i ที่ผมเคยขับ โดยไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรในเมื่อล้อและยางก็เท่ากัน อัตราทดเกียร์ก็เท่ากัน 430i ตัวก็หนักกว่าด้วย..ผมตอบไม่ได้จริงๆ

พลังจากเครื่องยนต์ B48 จะทำให้คุณเห็นคุณค่าของรถ ทำให้คุณรู้สึกว่าแต่ละบาทแต่ละสตางค์เพื่อความเป็น BMW มันตอบแทนคุณด้วยการส่งแรงอย่างถวายชีวิต ไต่ผ่าน 180 อย่างง่ายดาย แถมเวลาขับแบบเดินทางไกล ถ้าคุณใจเย็นขับแบบ 110 เรื่อยๆ ยังประหยัดน้ำมันระดับ 17 กิโลเมตรต่อลิตรได้ในรถคันใหญ่ล้อโตแบบนี้

แล้วการทำงานขององค์ประกอบอื่นล่ะ? เกียร์ 8 จังหวะ..ผมคิดว่า BMW น่าจะมีการปรับปรุงซอฟท์แวร์เกียร์ ในช่วงความเร็วต่ำ อาการยึกยักเวลาเหยียบๆถอนๆช่วงขับในเมืองที่ความเร็วต่ำลดลงจากเดิมจนอยู่ในจุดที่ไม่น่าจะต้องตำหนิอะไร ในขณะที่เมื่อเปิดโหมด Sport Plus ระบบสมองกลจะพยายามคาเกียร์ต่ำเอาไว้ในรอบที่พร้อมกระทืบ สังเกตได้จากหลายครั้งที่ผมจับเวลาอัตราเร่ง ระหว่าง Sport Plus กับเล่นเกียร์เอง เวลาที่ได้แทบไม่ต่างกันในหลายครั้ง ..BMW ครับ อย่าไปเปลี่ยนอะไรมันอีกนะ เกียร์ลูกนี้โคตรน่ารัก

มันแสนรู้ขนาดที่ว่า ในการขับบนถนนต่างจังหวัดแบบโค้งเยอะๆ เวลาเหาะมาแล้วเบรก..เหาะมาแล้วเบรก เหมือนรถมันรู้ใจพอที่จะชิฟท์ดาวน์สู่เกียร์ที่เหมาะสมให้เอง ทำอย่างไว ทำอย่างไม่กระชากโครมคราม ที่ผ่านมาองค์ประกอบต่างๆของเกียร์ BMW ในส่วนของ Hardware นั้นดีอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ผมว่าพวกเขาจูน Software ให้ทำงานจนไม่รู้จะด่าอะไรอีก

และถ้าคุณคิดว่า 430i is a two door 330i จะบอกว่ามันไม่ใช่เลยครับ ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะเหมือนกัน แต่ในเรื่องการตอบสนองนั้น คนละแบบกันเลย 330i M Sport เป็นรถที่ขับสนุกแบบสร้างความรู้สึกเชื่อมั่น โดยที่ไม่แกล้งจิตใจคุณมาก เป็นความสนุกที่เกิดจากความมั่นใจว่าทำอะไรไปแล้วไม่พลาดแน่นอน

แต่กับ 430i นั้น พวงมาลัยเวลาบู๊จะกระต่ายตื่นตูมกว่า ไวต่อการตอบสนองเหมือนนักเลงที่พร้อมชกตลอดเวลา ช่วงหมุนพวงมาลัย 3-4 นิ้วจากจุดศูนย์กลางไวกว่า น้ำหนักต้านมือของพวงมาลัยเยอะกว่า การตอบสนองของแป้นเบรกก็ไม่เหมือน 330i จะนุ่มนิ่มในช่วงเหยียบนิดๆแล้วค่อยทวีความต้านเท้าเมื่อเหยียบลึก แต่ของ 430i จะมีน้ำหนักมากกว่าให้รู้สึกตั้งแต่แรกเหยียบ

แล้วช่วงล่าง..โอ้ นี่เธอสองคนเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันจริงๆเหรอวะ…?? ในขณะที่ 330i จะแสดงออกอย่างมั่นคง ต่อเนื่อง เหมือนทหารเยอรมันเดินสวนสนาม เจ้า 430i กลับคิดว่าตัวมันเองกำลังเต้นอยู่ในงานคาร์นิวัล ช่วงล่างมีอาการดิ้นดุ๊กๆดิ๊กๆตลอดเวลาบนโค้ง ด้านหน้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ด้านท้ายนี่ดุ๊กๆดิ๊กๆจนบางที่ก็เผลอถามรถว่าไปโดนตัวไหนมา มันไม่ใช่อาการดิ้นแบบรถช่วงล่างแย่นะครับ แต่เป็นการดิ้นที่มีขอบเขตชัดเจน ราวกับคนเซ็ตช่วงล่างตั้งใจให้รถมีอาการแสดงออกมากขึ้น เพื่อให้คุณรู้สึกตื่นเต้น หลั่งอะดรีนาลินมากขึ้น

ซึ่งตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนจะกลัว บางคนอาจจะชอบความหนักแน่นมั่นคงแบบ 330i มากกว่า แต่คุณลองหาที่ว่างๆลองหาลิมิตของรถดูแล้วจะพบว่า มันไม่ฆ่าคุณหรอกครับ เมื่อถึงจุดที่มันควรทำหน้าที่ของมัน รถก็จะเลี้ยวไปตามที่คุณสั่ง หน้ารถไปอย่างไว และจิกโค้ง ดึงรถเข้าไปอย่างแรงกว่า 330i อย่างเห็นได้ชัด หรือถ้าคุณทำ Trailbrake ล่ะก็ 430i จะแสดงอาการท้ายรถให้เห็นชัดเจนเลยว่า คุณทำมันถูกจังหวะหรือผิด ในขณะที่ถ้าเป็น 330i เหมือนรถจะพยายามกลบเกลื่อนสิ่งที่คุณทำพลาดเหมือนเพื่อนใจดีคนนึง

แรกๆผมก็กลัวครับ..เพราะอาการช่วงล่างแบบนี้มันเหมือน BMW M4 เด๊ะเลยเวลาอยู่ในโค้ง แต่พักหลังๆมานี้รถที่เน้นขับสนุกหลายคันจะเลิกใช้วิธี “มั่นไว้ก่อนพ่อสอนไว้” มาเป็นวิธีจูนช่วงล่างแบบ “ดิ้นนิดๆขืนๆหน่อยพี่ชอบ” แทน ยิ่งขับไป ความกลัวกลายเป็นความสนุก ขับแล้วชอบมากกว่า 330i ไปเสียอย่างนั้น แล้วที่สำคัญคือ พอคุณขับมันบนทางตรง ช่วงล่างของ 430i ซับแรงกระแทกจากกรวดหินได้มากกว่า และเมื่อวิ่งแช่ความเร็วสูงมากๆ นึกว่าจะแย่ แต่ตัวรถกลับวิ่งได้อย่างมั่นคง และพวงมาลัยที่เคยบ้าความไวเวลาซัดโค้ง ก็กลับนิ่งขึ้น ไม่เกร็งเวลาบังคับควบคุม

เยี่ยมครับ คราวนี้ แม้หลายๆสิ่งบนโบรชัวร์จะดูเหมือนไม่ต่างจาก F32 มากนัก แต่พออยู่หลังพวงมาลัยปุ๊บ ความต่างก็มาให้เห็นทันที แม้ตัวรถจะหนักขึ้น แต่กลับรู้สึกสนุกขึ้น คล่องขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมพบในรถคันนี้

สรุป: ถ้ามองข้ามเรื่องจมูกได้ สิ่งที่เหลือก็ประทับใจจนอยากขอขับอีกรอบ

มาถึงตอนนี้ คุณคงเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงยกเคสของ Netflix Series: LUPIN ในตอนต้นของบทความ เพราะมันคือความรู้สึกแบบเดียวกันเลยครับ ทั้ง 430i และ Omar Sy นักแสดงนำมีความเหมือนกันตรงที่ เมื่อแรกเริ่ม คุณจะรู้สึกผิดหวังในบางสิ่ง ซึ่งวัดมาจากมาตรฐานความชอบส่วนตัวของคุณ แต่เมื่อลองเปิดโอกาสดู แล้วจะพบว่าความผิดหวังเหล่านั้น ทยอยซึมหายไปเหมือนน้ำทะเลบนหาดทราย

Omar Sy ที่เคยรับบทคนเลี้ยงไดโนเสาร์ใน Jurassic World ดูแล้วไม่น่ารับบทจอมโจรเจ้าเล่ห์นักวางแผนได้ แต่เขาก็ทำได้ดีจนเราลืมไปเลยว่าอาชีพจริงของเขาคือ Comedian เช่นเดียวกันกับ 430i ซึ่งเมื่อเปิดตัวออกมา ไม่ค่อยมีคนค้นหาเพิ่มเติมว่า BMW ใส่พลังทางวิศวกรรมอะไรลงไปบ้าง ที่แชร์กันก็มีแต่วิจารณ์เรื่องหน้าตาเป็นส่วนมาก

แต่เมื่อผมได้ขับ ก็พบว่าเจ้า 430i ก็แสดงตามบทบาทของมันในฐานะ Coupe เยอรมันพิกัดราคา 4 ล้านบวกลบได้ดีกว่าที่คาด ถูกล่ะ มันอาจจะมีบางส่วนที่เปลี่ยนไปแล้วส่งผลกระทบ เช่นการใช้งานระบบต่างๆ หน้าปัด ที่ดูจะเน้นแพรวพราวมากกว่าจะเป็นรถสำหรับนักขับจริง แต่นั่นมันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะความต้องการของลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อจริงนั่นแหละ เป็นตัวกำหนด อุปกรณ์ในรถ ที่ให้มาก็พอแล้วล่ะ แต่ยังงงๆอยู่ว่ารถอย่างนี้ น่าจะมีจอ Head-Up Display แต่ไม่ให้มา ส่วนฝากระโปรงหลังกลับมีระบบเตะเปิดมาให้เสียอย่างนั้น แล้วก็เบาะนั่ง ถ้ามี Lumbar Adjustment แบบ 330e ก็จะช่วยให้ขับทางไกลสบายขึ้น

แต่พอเป็นเรื่องของความสนุกในการขับขี่ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวงมาลัย อรรถรส ทุกอย่างนี้ มันทำได้อย่างลงตัว อัตราเร่งสะใจทุกช่วง แถมวิธีการจูนช่วงล่างแบบใหม่นั้น แม้ว่าบางคนอาจจะกลัว แต่พอรู้อาการรถแล้ว คุณจะสนุกไปกับมันได้มากขึ้น ขับมันให้เหมือนคุณมีเงินพันล้าน แล้วจะยิ้มกว้างกว่าเดิม (แต่อย่าเลยเถิดจนเกิดฝีมือตัวเองแล้วกัน)

โบนัสแถมที่ได้มา นอกเหนือไปจากเรื่องการขับขี่ ก็คืออุปกรณ์ติดรถที่เพิ่มมากขึ้น ดีไซน์ภายในที่ดูราคาแพงขึ้น อุปกรณ์ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น จนคุ้มกับ 200,000 บาท ที่เพิ่มมาจาก 430i Coupe M Sport โฉมที่แล้ว

อยากจะบู๊เหรอ? ได้! มันก็บู๊ให้คุณสยิวและสนุกไปพร้อมกันได้มากกว่าเดิม อยากจะหรูและสบายเหรอ ได้เหมือนกัน! และได้มากกว่าเดิมด้วย แต่ท้ายสุดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแหละครับว่าก้าวของคุณจะใหญ่พอที่จะข้ามจมูกขนาดยักษ์ของ 430i ไปได้หรือไม่ ..ถ้าได้ ผมอยากให้ลองสัมผัสมันสัก 10-20 โค้งครับ คุณอาจจะรู้จักความหมายที่แท้จริงของวลีที่ว่า

“More than meets the eye”

แต่แค่อาจจะเปลี่ยนเป็น “More than meets the nose เพื่อให้เข้ากับรถ แค่นั้นแหละ

_______

ขอขอบพระคุณ คุณชยทรรศน์ (โต้ง) แห่ง Thai Motor Oil Gallery พระรามสาม ซ.กวนอา สำหรับการให้ใช้สถานที่ถ่ายรูป และคุณเจษ Autobiography สำหรับการช่วยเหลือเรื่องภาพถ่ายรถ

26/1/2021

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments