เปิดตัว BMW 3 Series โฉมใหม่ (G20) อย่างเป็นทางการ พร้อมรายละเอียดครบที่สุด

วันนี้ BMW ได้ทำการเปิดตัว BMW โมเดลที่มียอดขายสูงที่สุดของบริษัทฯ อย่าง BMW 3 Series โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็น 3 Series ในเจเนอเรชั่นที่ 7 แล้ว ทิ้งช่วงจากโฉมก่อนหน้า นานถึง 7 ปีเต็ม ปรับปรุงดีไซน์มาเป็นยุคใหม่ แถมมาครบด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่แฟนๆ BMW จะต้องหลงรัก

BMW ต่อยอดตำนานของ BMW 3 Series ที่มีอายุมายาวนานกว่า 40 ปี ด้วยการเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 7 ในรหัส G20 ในงาน Paris Motor Show 2018 วันนี้ โดยปรับปรุงดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงใช้เทคโนโลยีล่าสุด ที่จะทำให้ BMW 3 Series โฉมใหม่นี้ เป็นโมเดลที่สำคัญที่สุดของ BMW นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โดย BMW จะเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในช่วงเดือนมีนาคม 2019

Exterior Design

รูปลักษณ์ภายนอกของ BMW 3 Series โฉมใหม่ ถูกปรับปรุงมาให้เข้ากับภาษาการดีไซน์ของ BMW เจเนอเรชั่นปัจจุบัน ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่โตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้า (F30) โดยมีความยาวเพิ่มขึ้น 76 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 16 มิลลิเมตร และ สูงขึ้น 1 มิลลิเมตร ยึดถือความสปอร์ตเป็นธีมหลักในการออกแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบชิ้นเดียว มีเส้นเชื่อมอยู่ตรงกลางเป็นเส้นเดียวกัน และส่งต่อไปยังไฟหน้า LED ที่มีรอยบากอยู่ด้านล่าง แบ่งระหว่างดวงไฟคู่ของแต่ละข้าง ซึ่งรอยบากนี้จะเป็นเส้นที่ถูกส่งต่อไปยังกันชนหน้าได้อย่างลงตัว

 

BMW 3 Series ใหม่ ใช้ไฟหน้าแบบ LED เป็นออปชั่นมาตรฐาน แต่จะมีออปชั่นของ Daytime Driving Light รูปทรงวตัว U ภายในเป็นออปชั่น รวมถึงมีตัวเลือกของไฟหน้าแบบ Adaptive LED และ BMW Laserlight มาให้เลือกเป็นครั้งแรกในซีรีส์ 3 ด้วย

ฝากระโปรงหน้า มีเส้นที่แหลมคม ตัดขึ้นมา 4 เส้นอย่างชัดเจน โดยแต่ละเส้น ได้วิ่งลงมาชนกับเหลี่ยมของกระจังหน้าไตคู่ รวมถึงเส้นของไฟหน้า ที่เมื่อสะท้อนกับเงาขณะรถวิ่งแล้ว เป็นเส้นนำสายตาไปยังภาพรวมของดีไซน์ด้านหน้าตัวรถได้อย่างมีมิติ ได้ธีมความสปอร์ตอย่างที่ BMW ตั้งใจ ส่วนของกันชนชิ้นล่าง ในไลน์ของ Luxury และ Sport จะได้รับช่องดักอากาศรูปทรงตัว T เป็นครั้งแรก ซึ่งรูปทรงของช่องดักอากาศตัว T นี้ เป็นดีไซน์ดั้งเดิมของ National Advisory Committee for Aeronautics (NACA) สำหรับช่องดักอากาศในเครื่องยนต์เจ็ตของเครื่องบิน ที่มาเป็นเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตคลาสสิคในยุคถัดมา

มาดูด้านข้างกันบ้าง รูปทรงของ 3 Series ใหม่ มีภาพรวมที่ดูเพรียวมากขึ้น จากมิติตัวถังที่มีความยาวขึ้น มีช่วงโอเวอร์แฮงก์ที่สั้น และเส้นสายของหลังคาที่สปอร์ตกว่าเดิม เส้นด้านข้างตัวรถเส้นบนที่ค่อยๆ วิ่งสูงขึ้นไปจนถึงด้านท้ายรถ (สังเกตมือจับประตูหลัง อยู่สูงกว่ามือจับของประตูคู่หน้าอยู่พอสมควร) กับเส้นคู่ล่างที่วิ่งสูงขึ้นมารับกับซุ้มล้อหลัง นำให้เรามองเห็นว่ารถคันนี้วิ่งไปด้านหน้า แม้รถจอดหยุดนิ่ง รวมถึงบริเวณเสา C ที่เป็นดีไซน์ Hofmeister Kink ใน BMW 3 Series นี้ ถูกปรับให้โมเดิร์นมากขึ้น มีรอยต่อของสายการที่เรียบเนียนกว่าเดิม

ด้านท้ายของตัวรถ เด่นด้วยไฟท้าย LED ทรง L Shape แคบๆ ตามที่ BMW ปรับมาใช้ไฟท้ายรูปทรงลักษณะนี้กับรถยนต์ BMW ใหม่หลากหลายรุ่น ในขณะที่กันชนชิ้นล่างของรุ่น Luxury / Sport Line จะใช้ดีไซน์กรอบไฟ T Shape เพื่อให้เข้ากับช่องดักอากาศทรงตัว T บริเวณด้านหน้าของตัวรถ ส่วนของท่อไอเสีย ใช้ท่อคู่ ขนาด 80-90 มิลลิมเตร แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์

สีของตัวถัง ในวันเปิดตัว จะมีให้เลือกทั้งหมด 12 สี ซึ่งมีสีใหม่ 2 สีด้วยกัน คือสีน้ำเงิน Portimao Blue กับสีเงิน Vermont Bronze รวมถึงมีสีของ BMW Individual สีใหม่ คือสี Dravite Grey ให้เลือกเพิ่มเติม

Interior Design

ภายในของ BMW 3 Series ใหม่ นี่อาจเป็นส่วนที่ทำให้แฟนๆ BMW ตกใจมากที่สุดเลยครับ เพราะจัดเต็มมาไม่แพ้รุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ อย่าง X5, Z4 และ 8 Series เลย ด้วยหน้าปัดดิจิทัล ที่ใช้ OS 7.0 เวอร์ชั่นล่าสุด และปุ่มควบคุมต่างๆ บนแผงคอนโซลกลาง ที่เป็นสไตล์ใหม่ทั้งหมด เรียงปุ่มและแยกการควบคุมได้เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น ออกแบบปุ่มมาได้อย่างเรียบหรู สวยงาม และตัดขอบดีไซน์ด้วยเหลี่ยมมุมที่ให้อารมณ์ไดนามิกทุกสัดส่วน

ระบบปฏิบัติการ OS 7.0 ที่เป็นหน้าจอแบบใหม่นี้ จะสามารถแสดงผล เพื่อบอกข้อมูลในระหว่างการขับขี่ได้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก และรองรับการขับขี่ในหลากหลายโหมด ที่อาจต้องใช้ข้อมูลในการแสดงผลที่แตกต่างกัน เช่นในโหมด SPORT หรือ ECO PRO รวมถึงรองรับรุ่นเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน เช่นรองรับการแสดงผลสำหรับรุ่น Plug-in Hybrid โดยเฉพาะ

ซอฟต์แวร์แบบใหม่ใน BMW 3 Series จะเปิดให้เจ้าของรถ BMW สามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ได้ด้วยตัวเอง และจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทันทีที่มีเวอร์ชั่นใหม่มาให้อัปเดตอีกด้วย

เบาะที่นั่ง ถูกปรับปรุงมาใหม่เช่นกัน และเพิ่มพื้นที่ legroom ให้กับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง มีตัวเลือกของวัสดุให้เลือกมากขึ้น เช่นหนัง Vernasca ที่แยกออกมาเป็นออปชั่นเพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร

ใน BMW 3 Series ใหม่ มาพร้อมกับไฟ ambient ในห้องโดยสาร โดยใช้ไฟ LED ทุกตำแหน่ง มีให้เลือกปรับได้ทั้งหมด 6 สี ควบคุมได้จากหน้าจอ iDrive แถมยังมีออปชั่นของไฟส่องพื้นประตูด้านนอกตัวรถ ที่ทำหน้าที่เป็น Welcome Light Carpet ออปชั่นที่หลายคนชื่นชอบจากการเปิดตัวครั้งแรกของออปชั่นนี้ใน BMW 7 Series โฉมปัจจุบัน

ส่วนของเสา A ด้านหน้าตัวรถ ถูกปรับปรุงให้มีความบางลง กระจกมองหลังแบบไร้ขอบ ของหลังคาแก้ว หรือ panoramic glass roof ถูกปรับปรุงขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ยาวขึ้นถึง 10 เซนติเมตร เมื่อเปิดด้วยระบบไฟฟ้าแล้ว ห้องโดยสารจะดูโปร่งมาก ซึ่งในรุ่นนี้ ม่านที่เอาไว้ปิดหลังคาแก้ว ก็ถูกควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าแล้วเช่นกัน

ฝากระโปรงท้ายของ BMW 3 Series ใหม่ มีความจุ 480 ลิตร สามารถกั้นช่องแยกส่วนได้ และสามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มความจุของฝากระโปรงท้ายได้ โดยแยกพับเบาะได้ทั้ง 3 ชิ้น แบบ 40:20:40 เพิ่มความยืดหยุ่นในการชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ชุดเครื่องเสียงในรถ จะมีชุดลำโพง 6 ตัว ให้กำลัง 100 วัตต์มาเป็นออปชั่นมาตรฐาน แต่สามารถเลือกใช้ลำโพง Harman Kardon ได้ โดยเลือกเป็นออปชั่นชุดใหญ่ได้สูงสุด คือลำโพง 16 ตัว 7 แชนแนล ให้กำลังสูงสุด 464 วัตต์

Driving Assist Technology

ระบบช่วยการขับขี่ ที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาคือระบบ Cruise Control ที่รองรับฟังก์ชั่น Stop & Go รองรับการขับขี่ที่ความเร็ว 0-210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเบรกจนรถหยุดสนิทได้ด้วยระบบอัตโนมัติ และเคลื่อนที่ต่อได้เองเมื่อรถคันข้างหน้าเคลื่อนที่ ทำงานร่วมกับระบบเตือนรถออกจากเลน หรือ Lane Departure Warning System (ทำงานที่ความเร็ว 70-210 km/h) และระบบช่วยเบรก City Braking ช่วยลดอุบัติเหตุจากความประมาทของผู้ขับขี่ได้ และมาพร้อมระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Parking Assistant Plus และระบบช่วยถอด หรือ Reversing Assistant ที่ไม่ใช่แค่ช่วยเราจอด แต่จะช่วยเรานำรถออกจากช่องจอดได้ในพื้นที่ที่มีอยู่จำกัด ด้วยการบันทึกองศาการนำรถเข้าจอด และทำย้อนหลังกลับให้เราโดยอัตโนมัติ (เรียกได้ว่า ถ้านำรถเข้าไปได้ ก็ต้องนำรถออกได้นั่นแหละครับ)

หน้าจอ Head-up Display เจเนอเรชั่นใหม่ มีพื้นที่ของการฉายหน้าจอบนกระจกหน้ารถ ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 70% ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานร่วมกับระบบช่วยขับขี่ Active Cruise Control ที่จำเป็นต้องแสดงผลข้อมูลหลากหลายอย่าง

ระบบกุญแจรถของ BMW 3 Series จะมาพร้อมกับกุญแจแบบมีหน้าจอ หรือ BMW Display Key เช่นเดียวกับ BMW โมเดลปัจจุบันหลากหลายรุ่น แต่จะเสริมความสามารถของ BMW Digital Key เช้าไปด้วย ให้เราสามารถปลดล็อกรถ และสตาร์ทรถได้จากสมาร์ทโฟนของเรา โดยไม่จำเป็นต้องพกกุญแจดอกจริงเอาไว้เลย ซึ่งสามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนบางรุ่น และจะทำการสตาร์ทรถได้ ต้องทำการวางตัวเครื่องสมาร์ทโฟนไว้ในแท่นชาร์จไร้สายในรถยนต์เท่านั้น ทั้งหมดนี้ ทำงานผ่านแอพ BMW Connected ในโทรศัพท์ Android 8.0 ขึ้นไป ที่มีฟังก์ชั่น NFC เท่านั้น

Chassis Technology

BMW 3 Series ใหม่ ออกแบบตัวถังมาให้มีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ในทุกรุ่นเครื่องยนต์ โดยเสิรมความแข็งแกร่งให้กับตัวถัง ให้มีความแข็งแรงขึ้น 25% (และบางจุดสูงขึ้นถึง 50%) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งจะเห็นผลอย่างมากในรุ่นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นในรุ่น M Sport หรือช่วงล่างแบบ M Sport ซึ่งครั้งนี้ BMW สามารถเพิ่มเรตติ้งของสปริงช่วลงล่างได้มากขึ้นถึง 20% แต่สามารถทำให้น่ำหนักตัวถังโดยรวม มีน้ำหนกัที่เบาลงกว่ารุ่นเดิมถึง 55 กิโลกรัม และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ หรือ Drag Coefficient ต่ำลงเหลือ 0.23

เทคโนโลยีของช่วงล่างที่น่าสนใจมากๆ ใน BMW 3 Series ใหม่นี้ คือการเปิดตัวครั้งแรกของเทคโนโลยี Lift-related Dampers ในรถ BMW ที่จะช่วยลดการสะเทือน และ ลดการเคลื่อนไหวของตัวถังรถยนต์ที่เกิดจากสปริงช่วงล่างเมื่อรถวิ่งผ่านถนนที่ไม่เรียบ หรือตกหลุม รวมถึงการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง โดยมันก็คือช่วงล่างที่แปรผันความหนืดตามสภาพถนน การขับขี่และน้ำหนักกดทับนั่นล่ะครับ ด้านหน้าจะมีชุดโช้คไฮดรอลิกเพิ่มมาอีกคู่ ส่วนด้านหลังใช้ตัวจำกัดระยะยุบ ทั้งสองอย่างนี้แปรผันได้ และทำงานไปกับชุดโช้คประจำรถ ดังคีย์เวิร์ดที่บอกว่า ไม่ว่ารุ่นช่วงล่างมาตรฐานหรือ M Sport ก็จะมีระบบนี้ทั้งนั้น ส่วน M Sport suspension จะหนึบหนืดกว่าเดิม มีความต่างจากสแตนดาร์ดสเป็คมากยิ่งกว่าสมัย F30 และมีการลดความสูงช่วงล่างลง 10mm โดยระบบจะทำการคำนวนเพื่อชดเชยอยู่ตลอดเวลา และทำให้รถยนต์โดยรวมมีความเสถียรในการขับขี่มากกว่าเดิม รับแรงกระแทกที่เกิดจากพื้นผิวถนนขึ้นมาน้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้รถมีการทรงตัวที่ดีขึ้นในทุกสถานการณ์การขับขี่

นอกจากนี้ ใน BMW 3 Series ที่มีออปชั่นช่วงล่าง Adaptive M ระบบช่วงล่างจะถูกควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้จากโหมดการขับขี่หรือ Driving Experience Control ให้มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน เช่นในโหมด COMFORT อาจปรับให้ช่วงล่างวมีความนุ่มนวล ในขณะที่โหมด SPORT ก็อาจปรับให้มีความกระด้างขึ้น เพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่ง หรือของใหม่คือโหมด ADAPTIVE เป็นครั้งแรกในซีรีส์ 3 ที่ตัวรถจะทำการคำนวนและปรับโหมดให้โดยอัตโนมัติ

ด้วยความที่มีโหมด ADAPTIVE เป็นครั้งแรกในซีรีส์ 3 ระบบพวงมาลัยจึงต้องถูกออกแบบมาใหม่ด้วย ให้สามารถปรับความยืดหยุ่นได้ตามโหมดการขับขี่ ซึ่ง BMW 3 Series ใหม่ ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า ที่มีเทคโนโลยี Servotronic และปรับความแข็งได้ตามความต้องการ หรือปรับตามระบบช่วงล่างได้ ผ่านการปรับแต่งมาให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ในแต่ละรุ่น ในแต่ละโหมด ที่จะให้ความมั่นใจได้ทั้งในช่วงทางตรง และการเข้าโค้งทุกรูปแบบ

Engine Variants (at launch)

ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว BMW 3 Series ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์ที่มีความแรงสูงสุด จะเป็น BMW 330i ก่อน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และสามารถทำการเร่งจาก 0-100 km/h ได้ในระยะเวลา 5.8 วินาที

ส่วนในรุ่นมาตรฐานอย่าง BMW 320i จะใช้เครื่องยนต์ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบเช่นกัน ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร และเร่งจาก 0-100 km/h ได้ในเวลา 7.2 วินาที

ฝั่งเครื่องยนต์ดีเซล จะมีให้เลือกสูงสุดถึงรุ่น 330d ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบ 265 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดแบบสะใจสุดๆ ที่ 580 นิวตันเมตร และในรุ่นดีเซล 4 สูบ ก็จะมีตัวเลือกของทั้งรุ่น 320d และ 318d ที่มี 190 และ 150 แรงม้า ตามลำดับ

BMW รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ที่ถูกปรับปรุงมาใหม่ ส่วนในรุ่น M Sport ก็จะใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic Sport ที่รองรับ Paddle Shift และระบบ Launch Control

Coming Soon: BMW 330e Plug-in Hybrid

จากนั้น ในช่วงปี 2019 ทาง BMW จะเปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริดตามมา ในรุ่น BMW 330e ซึ่งมีการอัปเกรดเทคโนโลยีแบตเตอรี่ มาช่วยให้สามารถขับเคลื่อนได้ไกลขึ้นกว่าเดิม โดยใน BMW 330e เจเนอเรชั่นใหม่นี้ จะวิ่งด้วยพลังงานของแบตเตอรีเพียวๆ ได้ถึง 60 กิโลเมตร (เพิ่มขึ้นกว่า 33% จากรุ่นเดิม) แถมยังมีอัตราการปรัหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมที่ดีขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

BMW 330e ใหม่ จะมีอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ได้ที่ 6.0 วินาที (รายละเอียดของเครื่องยนต์ และกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า จะถูกเปิดเผยอีกครั้งในปี 2019)

Coming Soon: BMW M340i xDrive M Performance

นอกจากนี้ ในปี 2019 จะมีการเปิดตัว BMW ตัวแรง (ก่อนปูทางไปสู M3 ใหม่) ในรุ่น M340i xDrive M Performance ที่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร 6 สูบ มีความแรง 374 แรงม้า! และแรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตร รองรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และรองรับ M Sport Differential ซึ่งด้วยสเปกนี้ BMW เคลมว่า จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ได้ในระยะเวลาเพียง 4.4 วินาทีเท่านั้น

BMW 3 Series with M Performance Parts

ในโอกาสนี้ BMW ได้ทำการเปิดตัวชุดแต่ง BMW M Performance Parts สำหรับซีรีส์ 3 ใหม่ไปพร้อมกันเลยครับ มาครบแบบชุดใหญ่ ไฟกระพริบ คาร์บอนจัดเต็มเช่นเดิม

ชุดเบรก M Performance คาลิปเปอร์สีแดง 4 พ็อต พร้อมล้อ M Performance ขนาด 18 นิ้ว ลาย double-spoke 796M  และ 20 นิ้ว ลาย forged cross-spoke 794M กับ 20 นิ้ว ลาย forged Y-spoke 795M ที่มีให้เลือกทั้งแบบทูโทน หรือสีดำเงา หรือ ดำด้าน ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน

ที่ผมชอบมาก น่าจะเป็นชุดพวงมาลัย M Performance ใหม่ตัวนี้ สปอร์ตสะใจมากๆ มาพร้อมขีดแสดงตำแหน่ง 12 นาฬิกา และ ปุ่ม + / – สีแดง กับลายคาร์บอนไฟเบอร์ ที่สวยงามลงตัวแบบสุดๆ

ชุดแอโร่ไดนามิกภายนอก มาในสไตล์คาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน ครบทั้งลิ้นกันชนหน้า สเกิร์ตด้านข้าง และกันชนท้าย พร้อมปลายท่อไอเสีย และสปอยเลอร์หลัง หล่อครบชุด และน่าจะช่วยเพิ่มกิเลสให้กับใครที่กำลังเล็งๆ BMW 3 Series ใหม่โฉมนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

Availability

BMW 3 Series ใหม่ จะเริ่มวางตลาดที่ต่างประเทศในช่วงเดือนมีนาคม 2019 โดยคาดว่าจะถูกนำเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 โดยระยะแรกจะเป็นรถนำเข้า (CBU) ก่อน โดยยังไม่มีรายละเอียดว่าบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จะนำรุ่นเครื่องยนต์ใดบ้างเข้ามาจำหน่ายในช่วงแรก ซึ่งต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงต้นปี 2019 กันอีกครั้งครับ

บทความโดย:
อู๋ spin9

Comments

comments