พาขับ BMW 318d M Sport เที่ยวในออสเตรียและสาธารณรัฐเช็ก

ในฐานะคนที่ชื่นชอบการขับรถ ความฝันอย่างนึงที่ผมอยากจะทำมาตลอดก็คือการออกโรดทริป (Road Trip) ขับรถท่องเที่ยว เป็นระยะทางไกลๆ ในประเทศที่มีภูมิทัศน์สวยงามอย่างแถมยุโรป ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะนิยมเดินทางด้วยรถไฟที่อาจจะสะดวกสบายมากกว่า เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องวนหาที่จอดรถตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่ไม่คุ้นเคย หรือเสียเงินค่าจอดรถค้างคืนที่โรงแรม และเมื่อคนส่วนใหญ่เลือกแบบนั้น การเดินทางด้วยรถไฟจึงกลายเป็น Default mode ของการเที่ยวยุโรปไปโดยปริยาย จนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่าเสน่ห์ของการเช่ารถขับเที่ยวเองมันเป็นอย่างไร

สำหรับผมแค่นึกถึงการขับรถยุโรปในผืนแผ่นดินของยุโรปก็ทำให้อิ่มอกอิ่มใจได้แล้ว และเมื่อรถที่ขับเป็นโมเดลที่ไม่มีขายในบ้านเราด้วย ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ควรจะหันไปหาระบบขนส่งมวลชนอื่น ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนคิด วันนี้ผมเลยขออาสาพาไปรีวิวการเช่ารถขับในยุโรปกัน เผื่อจะเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจให้คุณผู้อ่านไปออกทริปแบบนี้บ้าง ขอแค่อย่างเดียว..อย่าลืมกลับมาแชร์ประสบการณ์กับรูปสวยๆ คู่ BMW บน Facebook แฟนเพจของ Bimmer-th บ้างก็พอครับ

ขับ BMW เที่ยวออสเตรีย ยุโรป 6 วันเต็ม

ผมเปิดหาข้อมูลการเช่ารถในออสเตรีย เนื่องจากไฟลทบินของผมนั้นมีกำหนดไปลงที่กรุงเวียนนาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แล้วก็พบว่ามีบริษัทรถเช่ามากมายที่มีรถระดับ Premium Sedan ให้บริการ ครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการจาก SIXT Car Rental เนื่องจากโฆษณาคลาสรถเป็น ‘BMW 3er or similar’ ในขณะที่เจ้าอื่นๆ อาจจะเป็น Volvo หรือ Mercedes Benz ซึ่งทำให้อนุมานเอาได้ว่าถ้าจองผ่าน SIXT ก็น่าจะมีโอกาสได้ขับ BMW มากที่สุด (แต่ก็อาจจะเป็นยี่ห้ออื่นได้เหมือนกัน…ทางที่ดีควรจองล่วงหน้าและระบุข้อความลงไปว่า Prefer BMW ครับ)

เรื่องเลือกบริษัทรถเช่านั้นยังมีเรื่องของประเทศที่คุณจะเดินทางในทริปนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่นในคราวนี้ผมจะไปเที่ยว Czech Republic ซึ่งมีข้อกำหนดพิเศษว่าสามารถเช่ารถได้เฉพาะบางประเภทเท่านั้น ประเทศที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลกันให้ดีก่อน นอกจาก Czech Republic แล้วก็มี Croatia, Hungary, Estonia, Latvia, Lithuania, Poland, Slovakia และ Slovania ซึ่งเวบไซต์เช่ารถแต่ละเจ้าจะมีระบุเอาไว้อย่างชัดเจน และถ้าไม่แน่ใจก็สามารถแชทไปสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์ก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหาย

เทคนิคการเช่ารถในยุโรปนั้น ผมแนะนำให้ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ผ่านทางแชทบน Facebook Messenger หรือช่องทางอื่นดูครับ อย่าง SIXT Car Rental นี้ถ้าจองผ่านเวบไซต์โดยตรงเลยจะได้ส่วนลดระดับนึง และอาจมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินค่ามัดจำ ล่วงหน้าคิดเป็นเงินไทยราว 2,000 บาท แต่พอคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วให้เขาทำการจองให้ ปรากฏว่าได้ราคาที่ถูกกว่าบนหน้าเวบไซต์และยังไม่ต้องมัดจำหรือให้ข้อมูลบัตรเครดิตใดๆ ก่อนด้วย

BMW 318d M Sport 6-Speed Manual ถึงหัวใจจะเล็ก..แต่มีดีกว่าที่คิด

เมื่อเครื่องลงที่สนามบินเวียนนา ผมก็เดินไปต่อคิวที่บูธของ SIXT เพื่อลุ้นว่าจะได้ BMW อย่างที่หวังไว้หรือไม่ เพราะคนก่อนหน้าที่จองรถเล็กมานั้นโดนพนักงานขอให้เปลี่ยนเป็น Opel Corsa ไปเรียบร้อย โชคดีที่พอถึงคิวผมพนักงานก็หยิบกุญแจหน้าตาคุ้นเคยที่มีโลโก้ฟ้าขาวเด่นหราอยู่ แต่พอได้อ่านใบแจ้งรายละเอียดรถแล้วก็สะดุดไปพักนึงตรงที่เขียนว่า BMW 318 SAL DI MAN ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่ามันมาจาก BMW 318 Saloon Diesel Manual… สาม หนึ่ง แปด!

สำหรับแฟน BMW คนไทยที่คุ้นเคยกับพละกำลังของรถรหัส 20d เป็นอย่างดี ต้องบอกว่ามันไม่ได้อืดกว่ากันจนทำให้รู้สึกอึดอัด ส่วนนึงอาจเป็นเพราะได้เกียร์ธรรมดาที่เซ็ทอัตราทดมาได้ดีมาช่วยไว้บ้าง ผมรับรถมาพร้อมกับเซ็ทระบบนำทางในรถให้พาเรามุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางแรก Hallstatt ทันที ซึ่งการเซ็ทนั้นก็ออกจะง่ายเพราะถึงแม้ว่าจะเป็น 318 น้องคนรองสุดท้อง (ใช่แล้ว…ที่นี่ยังมี 316d อีก แต่ผมขอผ่านเถอะ) แต่ก็มีออพชันในรถให้มาครบครัน อย่างตัวปุ่มหมุนโรตารีของระบบ iDrive เป็นรุ่นที่รองรับการใช้นิ้วลากเป็นตัวอักษรได้แล้ว

สิ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับปุ่มควบคุม iDrive ก็คือคันเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเดินหน้าพร้อมโลโก้ M ที่เข้ากันกับพวงมาลัยสปอร์ตสามก้าน M อย่างลงตัว และการได้ขับ BMW เกียร์ธรรมดาแท้ๆ จากโรงงานก็ถือเป็นรางวัลชีวิตอย่างนึงของผม ซึ่งคงยากที่จะหาใครมาเข้าใจความรู้สึกได้ (ภรรยายังหันมาบอกว่าเว่อร์!) น้ำหนักของคันเกียร์ขณะลากไปตามร่องแบบตัว H และจังหวะการหลุบเข้าสู่ตำแหน่งเกียร์ตั้งแต่ 1-6 นั้นทำออกมาได้เท่าเทียมกันและพอดีข้อมือมาก เกียร์ถอยหลังใช้การตบซ้ายเฉียงขึ้นเล็กน้อยก่อนในตอนแรก ซึ่งจะพาคุณไปเจอร่องให้วิ่งต่อไปซ้ายสุดแล้วผลักขึ้นไปที่ R ได้ ตอนแรกต้องใช้สร้างความคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย แต่จะไม่ทำให้คุณพลาดเข้าเป็นเกียร์หนึ่งแน่นอน เพราะระยะมีความแตกต่างอย่างชัดเจน

เมื่อขึ้นมาอยู่บนมอเตอร์เวย์ที่การจราจรเบาบางและวิ่งด้วยความเร็วคงที่ได้ ก็ถึงเวลาหันมาสำรวจอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถกันต่อ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันมีปุ่มควบคุมและจำกัดความเร็ว (Cruise Control และ Limit) ก้านไฟเลี้ยวมีสัญลักษณ์รูปไฟสูงพร้อมตัวอักษร A ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ารถคันนี้มีระบบไฟสูงอัตโนมัติมาให้ กระจกตรงหน้าคนขับมีข้อมูลจากระบบ Head-Up Display ยิงขึ้นมา ซึ่งสามารถบอกข้อมูลสำคัญๆ ได้ครบทั้งความเร็ว ลูกศรของระบบนำทาง ระยะทางถึงวงเวียนหรือจุดที่ต้องเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทาง ชื่อถนนและช่องทางที่แนะนำให้ใช้ จนแทบจะไม่ต้องละสายตาลงมาอ่านข้อมูลจากเรือนไมล์หรือจอบนคอนโซลกลาง

เบาะนั่งเป็นแบบ Sport ที่สามารถปรับปีกเบาะให้โอบกระชับตัวมากขึ้นได้ และยังสามารถปรับตัวดันหลังให้เคลื่อนตำแหน่งขึ้น-ลง และ เข้า-ออก ได้อย่างอิสระ ทำให้ถึงแม้จะเป็นเบาะผ้าแต่ก็นั่งได้ไม่รู้สึกอึดอัด และตัวเนื้อผ้าเองก็มีความหนืดพอประมาณที่จะสามารถรั้งตัวคุณไม่ให้ไหลไปมาตามแรงเหวี่ยงของรถได้ ส่วนรองนั่งด้านหน้ายังสามารถดึงออกมาเพื่อรองต้นขาได้ยาวจนถึงข้อพับอีกด้วย

ตัวรถรอบนอกยังมีเซนเซอร์ PDC มาให้ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมกล้องมองหลังที่แสดงภาพบนจอบนคอนโซลกลาง โดยตัวจอเองนั้นแม้จะมีขนาดเล็กกว่าของ BMW 330e M Sport รุ่นท้อปในเมืองไทย แต่ข้อสังเกตก็คือลักษณะหน้าจอเป็นผิวเงาเต็มพื้นที่แบบ 330e M Sport เพียงแต่มีขนาดเล็กลงมาเท่านั้น ซึ่งดูดีกว่าจอผิวด้านที่มีกรอบแบบรุ่น Iconic ในบ้านเรามาก ออพชันโดยรวมแล้วทำให้การขับรถรุ่นเล็กเช่น 318d แล้วก็ไม่รู้สึกเคอะเขิน เพราะมีอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ ครบครันและภายในไม่ได้โล้นเกลี้ยง เห็นแล้วก็อยากให้ BMW Thailand ลองพิจารณาออพชันที่ได้ใช้งานจริงมาใส่ครบๆ ตั้งแต่รถรุ่นล่างในบ้านเราดูบ้าง ส่วนอะไรที่เป็นเพียง Gimmick ซึ่งอาจจะมีต้นทุนแพงและไม่จำเป็นนั้นจะตัดทิ้งไปบ้างก็ได้ไม่เป็นไรหรอก

DRIVE!

สามวันแรกในทริปผมอยู่ที่ Hallstatt ซึ่งเส้นทางที่ใช้ขับไปจากเวียนนาก็เป็นมอเตอร์เวย์เป็นหลัก จนกระทั่งวันที่สามที่เราออกเดินทางจาก Hallstatt ราวสิบโมงเพื่อมุ่งหน้าข้ามประเทศไปยังเมืองเชสกี้ครุมลอฟ ระยะทางราว 200 กิโลเมตรเศษ ที่มีเส้นทางบางช่วงให้ได้วิ่งบนถนนที่ลัดเลาะไปตามผืนป่า ผมถึงได้สังเกตว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ลง เจ้าซีรีส์ 3 สีขาวคันนี้มีฟีเจอร์ Rev Match หรือการเร่งรอบเครื่องให้พอดีกับเกียร์ที่เราจะใส่โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งรถจะไม่มีการเย่อหน้าหลังและตัดต่อเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลราวกับ DCT มันทำให้การขับรถเกียร์ธรรมดาสนุกมากขึ้นไปอีกโดยที่ไม่ลำบากคนนั่งข้าง หรือไม่ลำบากให้เราต้องใช้เทคนิค Heel-and-toe กันไปตลอดทาง

อัตราเร่งของ 318d กับม้าทั้ง 150 ตัวนั้น สามารถให้ความกระฉับกระเฉงได้ระดับนึง แต่ก็มีหลายครั้งที่รู้สึกว่าอยากขอ ‘เพิ่ม’ จากนี้หน่อย ซึ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ก็พอจะช่วยให้ดีขึ้นได้บ้าง การเร่งแซงขึ้นไปในเลนรถสวนที่ต้องใช้ความเร็วช่วง 80-140 กม./ชม. ต้องมีการวางแผนล่วงหน้ากันบ้าง คุณจะไม่อยากคามันไว้ในเกียร์ต่ำและรอบสูงเช่น 3-4 พันรอบ ก่อนที่จะเริ่มแซงออกไป (อย่าลืมว่านี่คือรถดีเซลที่แรงบิดเริ่มปักหัวลงตั้งแต่ 2,500 รอบ/นาที) เพราะหลังจากเข็มวัดรอบผ่านหลัก 4,500 รอบ/นาที ไปแล้วก็ไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเหลืออยู่ให้คุณค้นหาเพิ่ม และการลากไปชนขีดแดงที่ 5,400 รอบ/นาที ก็มีแต่จะทำให้คุณเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

แต่สาเหตุหลักที่จะทำให้คุณไม่อยากทำแบบนั้นก็คือ มีอยู่ครั้งนึงผมแซงขึ้นไปอยู่กลางลำของรถคันที่วิ่งช้ากว่าแล้วเหยียบคลัทช์พร้อมดึงเกียร์ลงมาเข้าตำแหน่งที่สี่ ปรากฏว่าเกิดดึงผิดจังหวะและทำให้เกียร์เข้าไม่ได้จนรถสวนฝั่งตรงข้ามกระพริบไฟหน้าใส่เพราะระยะเริ่มจะกระชั้นชิดเกินไปแล้ว โชคดีที่เมื่อลองเข้าใหม่แล้วเข้าได้จึงทำให้เร่งแซงขึ้นหน้าและหลบกลับเข้าสู่เลนปกติได้ทันเวลา นี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่บอกว่าแม้ว่าคุณจะขับรถชำนาญแค่ไหน ทุกคนก็มีสิทธิ์พลาดได้ทั้งนั้น และการขับรถทุกครั้งจึงควรตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท

นอกจากเหตุการณ์หวาดเสียวครั้งนั้นแล้ว การเดินทางที่เหลือทั้งทริปก็เป็นอะไรที่รื่นรมย์ พละกำลังของเครื่องยนต์กับเท้าขวาของผมดูท่าจะสนิทสนมกันมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น และผมกับ 318d ก็ทำงานเข้าขากันเป็นพิเศษจนตัวเลขแรงม้า 150 ตัว ที่ทำให้ผมรู้สึกจืดชืดไปในวันแรกนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป พวงมาลัย M Sport นั้นมีความหนาของขอบวงที่พอดีกับอุ้งมือ แต่น้ำหนักเมื่อวิ่งทางตรงในโหมด Comfort นั้นออกจะเบาไปสักเล็กน้อยที่ความเร็วสูง เมื่อมาเจอกับอัตราทดพวงมาลัยแบบแปรผันและกระเดียดไปทาง ‘ไว’ นั้น ทำให้การขับรถทางตรงเป็นระยะทางติดต่อกันหลายร้อยกิโลเมตรมีอาการเมื่อยมือเก็บสะสมมาบ้าง ซึ่งทางแก้ก็ไม่ยากเพียงแค่กดปุ่ม Driver Experience Control ไปที่โหมด Sport ก็จบปัญหา

ช่วงล่างของ 318d M Sport นั้น ต้องขออภัยที่ผมไม่ได้จดเลขตัวถังมาเลยไม่สามารถตรวจเช็คได้ว่าเป็นแบบ M Sport หรือธรรมดา แต่ถ้าให้เดาจากฟีลลิ่งแล้วคิดว่าน่าจะเป็น M Sport เพราะมีความแน่นและตึงตังพอสมควรแม้จะมากับล้อขนาดเล็กเพียง 16 นิ้ว กระนั้นการเดินทางภายในประเทศออสเตรียที่ถนนเรียบสนิทได้อย่างน่าทึ่ง การปะหรือแต่งถนนที่เสียหายด้วยยางมะตอย หรือการตัดใส่ฝาท่อต่างๆ ที่ ‘สัญชาตญาณ’ ของผมบอกให้ชะลอความเร็วลงมากๆ กลับผ่านไปอย่างไม่รู้สึกถึงรอยต่อแม้แต่ช่วงวินาทีเดียว จนทำให้คิดไปว่าคนทำถนนบ้านเราจะเอาแบบอย่างดีๆ นี้มาใช้บ้างไม่ได้เลยหรือ?

แต่ทุกอย่างก็จบลงเมื่อเราข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศ Czech Republic ที่ถนน…ก็เหมือนกับเมืองไทยนั่นแหละ ช่วงล่าง 318d M Sport เริ่มมีอาการตึงตังออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ไม่ถึงกับน่ารำคาญหรือทำให้การเดินทางเหนื่อยล้า สิ่งที่แลกมาคือเมื่อใดก็ตามที่ระบบนำทางพาเราลงสู่ถนนสายรองที่ลัดเลาะไปตามเมืองเล็กๆ ความหนึบแน่นของช่วงล่างจะตอบแทนกลับมาเป็นความเสถียรและนิ่งของตัวรถในโค้งแคบๆ และทำให้คนนั่งไม่เมารถเอาง่ายๆ มันนิ่งชนิดที่ว่าคนนั่งก็รู้สึกได้ว่ามันไม่โคลงเคลงเหมือนรถอื่นที่เคยสัมผัสมา

เราจบทริปวันสุดท้ายกับเจ้า 318d ด้วยการขับมันมุ่งหน้าจาก Prague เมืองหลวงของ Czech Republic ตรงเข้าสู่กรุงเวียนนา Austria ที่ใช้เวลาเกินความคาดหมายไปมากมาย เนื่องจากเส้นทางส่วนนึงบนถนนสายหลักอย่าง E50 และ A5 นั้นมีการปิดเลนเพื่อซ่อมถนนบางช่วงจนรถติดยาวเหยียดไปหลายสิบกิโลเมตร และเราต้องหาทางออกด้วยการวนอ้อมกลับไปหาทางแยกเพื่อหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทาง E59 ที่สายเล็กกว่าแทน (แต่ระยะทางสั้นกว่า)

สิริรวมแล้วทริปนี้เดินทางไปเป็นพันกิโลเมตร แต่ด้วยความประหยัดจากเครื่องดีเซลของ BMW ที่พวกเราก็รู้กันดี ทำให้ใช้น้ำมันไปราว 2 ถังเท่านั้น คุณผู้อ่านที่เคยกังวลว่าค่าน้ำมันจะแพงจนเบียดเบียนงบประมาณในส่วนอื่นก็สบายใจได้ครับ แถมค่าผ่านทางก็ไม่มีอีกด้วยจึงช่วยประหยัดไปได้พอสมควร ส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนค่าเช่ารถเป็นเวลา 6 วันเต็ม รวมค่าภาษีการใช้ถนน ค่าประกันอุบัติเหตุขั้นต้น ค่าสถานที่ (Premium location) และจิปาถะอื่นๆ แล้วอยู่ที่ 413.34 ยูโร หรือประมาณ 16,000 บาท เท่านั้น คิดออกมาแล้วก็เพียงวันละไม่ถึง 3,000 บาท แต่ในกรณีของผมซึ่งเป็นการขับรถในออสเตรียและเชคฯ เป็นครั้งแรก เลยเลือกซื้อประกันแบบ Full Protection เพิ่มเพื่อความสบายใจ ราคารวมเลยกระเถิบขึ้นมาอยู่ที่ 600 ยูโรครับ

หวังว่าบทความนี้จะทำให้หลายคนอยากออกไปขับรถเที่ยวสไตล์ Road trip กันมากขึ้น แล้วอย่าลืมส่งเรื่องราวมาแชร์กันบนแฟนเพจ Bimmer-th บ้างครับ

*บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากบริษัทรถเช่า สายการบิน ตัวแทนท่องเที่ยว*

สงวนลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาและรูปภาพ
เผยแพร่ครั้งแรกบนเวบไซต์ Bimmer-th.com

 

 

The following two tabs change content below.
มนุษย์เงินเดือนผู้คลั่งไคล้ในรถยนต์สมรรถนะยอดเยี่ยม นักแข่งรถสมัครเล่นที่มักจะพบเห็นวิ่งดมฝุ่นอยู่ท้ายสนาม คุณพ่อของลูกสาวที่น่ารัก และหนึ่งในทีมงาน Bimmer-th.com

Comments

comments