BMW มีอะไร? ใน Bangkok International Motor Show 2017

กลับมาสู่ช่วงเวลาแห่งมหกรรมยานยนต์กันอีกครั้ง กับงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 ประจำปี 2017 โดยกำหนดการจัดงานในครั้งนี้ คือระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 9 เมษายน โดยเริ่มงานโชว์ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 22.00 น. ในงานนี้แฟนๆ BMW เตรียมเฮ เพราะมีการขนรถรุ่นใหม่ๆออกมาโชว์ในงานถึง 7 รุ่น มีตั้งแต่ราคาระดับ 2 ล้านกลางๆไปจนทะลุ 12 ล้านบาท ให้เลือกเสียเงินได้กันตามอัธยาศัย รถบางรุ่นอาจจะมีการเปิดตัวแบบเผยโฉมต่อสื่อมวลชนมาก่อน แต่นี้จะถือเป็นครั้งแรกที่รถเหล่านี้มาเผยโฉมพร้อมกันในงานมอเตอร์โชว์รอบสาธารณชน ทีมงาน bimmer-th.com จึงได้ไปสำรวจและเก็บภาพกับรายละเอียดมาฝากทุนท่าน

โดยธีมของงาน BIMS2017 ครั้งนี้คือ “พุ่งทะยานสู่โลกแห่งเทคโนโลยียานยนต์” หรือ Reach to The Planet of Technology ซึ่งก็เข้ากับลักษณะการสร้างรถของ BMW อยู่แล้ว เพราะถ้าเราสังเกตกันให้ดีๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบจอดอัตโนมัติ ระบบช่วยเหลือในการขับเคลื่อนต่างๆ ขุมพลังขับเคลื่อน e-Drive ไฮบริด Plug-in หรือเครื่องยนต์เทอร์โบ เบนซิน และดีเซลสมรรถนะสูงต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นความเยี่ยมยอดที่เกิดขึ้นด้วยพลังความรู้ทางเทคโนโลยีของวิศวกร BMW ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองสัญชาติญาณในการขับขี่…เพราะคนที่ขับ BMW จำนวนไม่น้อยเลยที่ซื้อเพราะได้ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยก่อนชาวบ้าน แถมเป็นเทคโนโลยีที่มอบรอยยิ้มบนใบหน้าทุกครั้งที่ได้ขับอีกด้วย

เรามาดูกันเลยดีกว่าว่างานนี้ BMW Thailand จัดอะไรมาให้เราชมบ้าง

BMW 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ
ราคา 2,499,000 บาท

320d M Performance มีพื้นฐานของรถที่ใกล้เคียงกับ 320d Iconic ดังนั้นจึงใช้เครื่องยนต์ B47D20A 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ดีเซล 190 แรงม้า และส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic เหมือนกัน

ภายนอกรถ ตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นด้วยกันชนหน้า/หลังแบบสปอร์ต ชุดแต่ง M ลิ้นหน้าสีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติกเกอร์คาด 3 แถบคล้ายโทนสีรถแต่งของ M Division กระจังหน้าสีดำเงา เพิ่มฝาครอบกระจกมองข้างลายคาร์บอน มีดิฟฟิวเซอร์หลังและสปอยเลอร์หลังสีดำด้าน กรอบประตูสีดำ ติดตรา M Performance เวลากลางคืนเปิดประตูจะมีไฟ LED ฉายโลโก้ BMW ลงบนพื้น ไฟหน้า และไฟตัดหมอกแบบ LED


320d M Performance เพิ่มอุปกรณ์ กุญแจสมาร์ทคีย์ BMW Comfort Access System ภายในตกแต่งแบบสปอร์ต ใช้เบาะนั่ง Dakota สีแดง ตกแต่งแผงคอนโซลด้วยวัสดุสีเงิน พวงมาลัย 3 ก้านแบบ M Sport (ไม่มี Paddle Shift) พร้อมระบบ Cruise Control เพิ่มความสะดวกสบายเวลาเดินทางไกล

ด้านช่วงล่างนั้น เพื่อความสวยงามของตัวรถ 320d M Performance จึงใช้สปริง M Performance ที่ลดความสูงรถจากปกติลงมาอีก 10 มิลลิเมตร ทำให้ด้านข้างของรถดูสวย จับคู่กับล้ออัลลอยห้าก้านขนาด 18 นิ้วแล้วพอดีซุ้มกำลังงาม จากบรรดาอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมาจากรุ่น Iconic หลากหลายรายการ แต่ราคาเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาท แถมมีคนกระซิบว่ารุ่นนี้ผลิตมา 200 คันเท่านั้น ทำให้มันดูเป็นรถที่คุ้มค่าน่าเล่นที่สุดรุ่นหนึ่ง

ข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ คุณจะสามารถเลือกสีรถได้แค่ 2 สี คือขาวกับดำเท่านั้น ถ้ามันเป็นรสนิยมของคุณอยู่แล้ว นี่คือรถพรีเมียมขับสนุกคันหนึ่งที่น่าเป็นเจ้าของ

ดูรูปเพิ่มเติมของ 320d M Performance ได้ที่นี่

BMW 320d GT LCI รุ่น Sport และรุ่น Luxury
ราคา 2,999,000 บาท

BMW 320d GT เป็นรถที่พยายามผสานเอารูปทรงที่ปราดเปรียวด้วยกระจกบานท้ายที่ลาด พร้อมสปอยเลอร์หลังกางออก ควบคุมด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ได้บอดี้แบบฐานล้อยาว ทำให้ตัวรถมีความยาว 4,824 มิลลิเมตร (มากกว่าซีรีส์ 3 ซาลูนรุ่นปกติ 200 มิลลิเมตร) และมีฐานล้อยาว 2,920 มิลลิเมตร (มากกว่าซีรีส์ 3 ทั่วไป 110 มิลลิเมตร) อีกทั้งยังมีการจัดวางตำแหน่งเบาะนั่งให้อยู่สูงขึ้นอีก 59 มิลลิเมตร กลายเป็นซีรีส์ 3 แบบที่ดูข้างนอกไม่เทอะทะ แต่เวลาโดยสารข้างในกลับสบาย สามารถเอาคนตัวสูง 6 ฟุตนั่งบนเบาะหน้าและหลังไปพร้อมกันโดยมีพื้นที่วางเท้าอีกเหลือเฟือ

ภายนอก มีไฟหน้าแบบ Adaptive LED ปรับตามการเลี้ยวของพวงมาลัย และพร้อมด้วยระบบไฟสูงที่ปรับเป็นไฟปกติโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถสวน ส่วนภายในมีจอกลางขนาด 8.8 นิ้ว มี Application รองรับสมาร์ทโฟน ระบบนำทางและเครื่องเสียงอัปเกรดเป็นระบบ Hi-Fi

การตกแต่งมี 2 แบบ คือ Luxury ซึ่งเน้นธีมหรู ล้ออัลลอย Multi-spoke เบาะนั่งแบบธรรมดา ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้ พวงมาลัยธรรมดา ส่วนรุ่น Sport จะได้ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต ใช้วัสดุลายอะลูมิเนียม Brushed และมี Paddle Shift ให้เล่น (แต่ทั้ง 2 รุ่นมีราคาเท่ากัน ดังนั้นจงเลือกตามรสนิยม)

 

BMW 520d Luxury (G30)
ราคา 3,899,000 บาท

BMW ซีรีส์ 5 รุ่นใหม่ มีการใช้เทคโนโลยีวัสดุน้ำหนักเบาในการสร้างตัวถัง จึงมีโครงสร้างหลักที่เบาลงกว่าเดิม 100 กิโลกรัม มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงทำให้การขับขี่เลี้ยวได้คล่อง เกาะถนน ให้ความรู้สึกว่องไวจนไม่รู้ตัวว่ากำลังขับรถขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่

ซีรีส์ 5 ใหม่มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส iDrive โทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูง โดยรองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง นอกจากนี้ภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงของห้องโดยสารเพื่อความ ผ่อนคลายสูงสุดของผู้โดยสาร

ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED โดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับขณะเข้าโค้ง หรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร

รุ่นเริ่มต้นอย่าง 520d Luxury นั้น ใช้เครื่องยนต์ B47 2.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ 190 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW 530i M Sport (G30)
4,399,000 บาท

แน่นอนว่าในบรรดาคนใช้ BMW มีอัตราส่วนนักขับเท้าหนักเยอะ ครั้นจะให้ควบม้าแค่ 190 ตัวชีวิตอาจจะยังไม่สะใจพอ BMW ก็เลยมีรุ่น 530i เพิ่มมาอีกทางเลือก ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน B48 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอรโบ ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ซึ่ง BMW ที่เมืองนอกเคลมว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นอกจากแรงแล้ว ยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 129 กรัมต่อกิโลเมตร ลดลงจากรุ่นก่อน 11 เปอร์เซ็นต์

ภายนอกของ 530i จะแตกต่างจาก 520d ด้วยชุดแต่ง M Sport ล้ออัลลอยลาย M ขนาดเพิ่มจาก 18 เป็น 19 นิ้ว ใช้ยางหลังมหึมาราวซูเปอร์คาร์ กว้าง 275 มิลลิเมตร และได้ช่วงล่าง M Sport ด้วย

รายละเอียดอุปกรณ์ติดรถของทั้ง 520d และ 530i สามารถดูในบทความของ bimmer-th ได้ที่นี่

 

BMW 740 Le xDrive Pure Excellence Plug-in Hybrid
ราคา 6,699,000 บาท

หลังจากที่ลองเชิงระบบ Plug-in Hybrid ใน X5 xDrive40e และ 330e มาแล้ว วันนี้ BMW นำขุมพลังแบบดังกล่าวใส่ในรถเรือธงของค่าย กลายเป็น 740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งแม้จะต้องแบบน้ำหนักชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ แต่การที่ใช้ต้นพลังสันดาปภายในเป็นเครื่อง 4 สูบ บวกกับโครงสร้างตัวถัง Carbon Core ที่ทำให้มีน้ำหนักเบากว่ารถคลาสเดียวกันอยู่แล้ว จึงกลายเป็นความพอดีที่ส่งผลให้รถยาวกว่า 5 เมตรยังสามารถขับได้อย่างคล่องแคล่ว

พลังขับเคลื่อนของ 740Le นั้นเกิดจากเครื่องยนต์ B48 2.0 ลิตรเบนซินเทอร์โบ ที่ลำพังตัวของมันเองก็ให้แรงม้าถึง 258 ตัวอยู่แล้ว แต่ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูง 113 แรงม้าช่วยถีบส่งเมื่อกดคันเร่ง เมื่อคำนวณแล้ว พละกำลังรวมทั้ง 2 ระบบทำให้ซาลูนยักษ์สายรักษ์โลกคันนี้มีพละกำลังสูงถึง 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร เรียกได้ว่าสามารถแทนที่ 740Li 6 สูบ 3.0 ลิตรได้อย่างสบาย แถมจะออกตัวได้เร็วกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะแรงถีบช้างสารจากมอเตอร์นั้นไม่มีคำว่ารอรอบ

ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า  740Le xDrive Pure Excellence จะสามารถขับในระยะทางสูงสุดได้ถึง 41 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic อย่างสมบูรณ์ และมีระบบนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก (Regenerative Braking System)

 ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 – 13.2 กิโลวัตต์ ต่อ 100 กิโลเมตร

 


BMW M760Li xDrive Model V12 Excellence
ราคา 12,499,000 บาท

เพียงแค่เปิดตัวในประเทศไทย มันก็คว้าสถิติสำคัญไปครองหลายต่อหลายอย่างแล้ว นี่คือ BMW ป้ายแดงที่ราคาแพงที่สุดในปัจจุบัน (แพงกว่า i8) เป็น BMW ที่มีพละกำลังแรงม้าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และยังมีแรงบิดสูงที่สุด และอาจจะเป็น BMW รุ่นที่มีน้อยที่สุดบนท้องถนนเมืองไทยด้วยเพราะนำเข้ามาจำหน่ายเพียงแค่ 2 คันเท่านั้น

M760Li xDrive Model V12 Excellence ใช้ขุมพลัง V12 M Performance TwinPower Turbo ขนาด 6.6 ลิตร ปอดใหญ่แล้วยังไม่พอ อัดเสริมกำลังด้วยเทอร์โบชาร์จอีกต่างหาก ทำให้มีแรงม้าสูงสุดถึง 610 แรงม้า (เท่าซูเปอร์คาร์หลายรุ่น) และมีแรงบิด 800 นิวตัน-เมตร เห็นอย่างนี้คงไม่แปลกใจที่ต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive เข้ามาช่วย เพราะถ้าให้ขับเคลื่อนล้อหลังรับรองกดคันเร่งที จะได้เห็นผู้บริหารเบิร์นยางแน่นอน M760Li  สามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที พร้อมให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ที่ปรับจูนมาให้รับกับพลังมหาศาลของเครื่อง 12 สูบเทอร์โบ

นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนแบบ Executive Drive Pro ระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบ Active roll ช่วยลดการสะเทือนของตัวรถให้น้อยที่สุด ผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว เพื่อสร้างความคล่องแคล่วในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง

ดูรูปและรายละเอียดเพิ่มเติมของ 740Le และ M760Li ได้ที่นี่

BMW i8 Protonic Dark Silver Edition
ราคา 11,899,000 บาท

i8 Protonic Dark Silver Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัด มีโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้า ดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเงิน Dark Silver พร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ W-spoke 470 สีเทา Orbit Grey metallic ขนาดต่างกันในล้อหน้าและล้อหลังส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และเซรามิก

เครื่องยนต์ของ i8 Protonic Dark Silver ยังเป็นแบบเดียวกับ i8 รุ่นอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ TwinPower Turbo 231 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลัง 131 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร รับพลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำให้มีพละกำลังรวมทั้งสิ้น 362 แรงม้า

เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้า  i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางถึง 37 กิโลเมตร และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรืออุปกรณ์ BMW i Wallbox Pure) ตัวเลขอัตราเร่ง  0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.4 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ตทุกรุ่นในตลาด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 47.6 กิโลเมตรต่อลิตรและอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 49 กรัมต่อกิโลเมตร

i8 เป็นรถที่โดดเด่นเหนือใครด้านประสิทธิภาพ ความประหยัดและสมรรถนะบนท้องถนน และได้รับรางวัลในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นรางวัล International Engine of the Year สำหรับเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 3 สูบ และระบบส่งกำลังไฮบริด ทั้งยังได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลยอดเยี่ยม World Green Car of the Year และ Green Luxury Car พร้อมด้วยรางวัล Paul Pietsch Award จาก “auto motor und sport” นิตยสารยานยนต์ของประเทศเยอรมนีในฐานะรถยนต์ที่มีนวัตกรรมยานยนต์โดดเด่นที่สุด

นอกเหนือจากรถรุ่นใหม่ รถโชว์ และอัปเดตต่างๆตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว ก็ยังมี BMW รุ่นอื่นๆมาโชว์โฉมกันในงานอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น 320d Iconic, 330e Luxury และ M Sport ส่วนตระกูล X ก็มากันทั้ง X1, X3, X4, X5 และ X6 ในขณะที่แฟนๆ M-Division สามารถไปเยี่ยมชม M2 และ M4 ได้ที่ด้านหลังของบูธ

สำหรับท่านที่จองซื้อและออกรถจากงาน

ลูกค้าที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน และรับส่งมอบรถยนต์ภายในเดือนเมษายน 2560 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้

– โปรแกรม ‘Loyalty Campaign’ เพิ่มมูลค่ารถเก่าให้แก่ลูกค้ารายเดิมของบ BMW ที่ต้องการเปลี่ยน BMW ใหม่
– 
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ X1 X3 X4 และ X5
– 
ฟรีลำโพง Bowers & Wilkins เมื่อซื้อรถยนต์ในตระกูลซีรีส์ 7 ตระกูล M กับ i8 และรุ่นพรีเมียมอื่นๆ อีกมากมาย
– 
ฟรี ขยายโปรแกรมบำรุงรักษา โปรแกรมการรับประกัน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับลูกค้าที่ซื้อ 330e, X5 xDrive40e และ 740Le
BMW Service Inclusive (BSI) จาก 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร เป็น 6 ปี / 120,000 กิโลเมตร โปรแกรมการรับประกันระยะเวลา 5 ปี เป็น 6 ปี ไม่จำกัดระยะทางและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจาก 5 ปี เป็น 6 ปี
–  
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูภายในงานทุกหนึ่งคัน จะมีส่วนร่วมในการมอบเครื่องกรองน้ำจำนวนหนึ่งเครื่อง สำหรับชุมชนที่ขาดแคลนภายใต้ โครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ (Care4Water)

ขอให้ชาว bimmer-th ทุกท่าน มีความสุขกับการช้อปปิ้งรถคันใหม่ครับ

 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments