Just Joy! BMW ป้ายแดงกับ 5 รุ่นที่คุณซื้อได้ในงบสองล้านต้นๆเท่านั้น

หลายคนในที่นี้ อาจเคยคิดฝันอยากเป็นเจ้าของ BMW สักคันในชีวิตแต่ติดตรงที่ความเป็นรถระดับพรีเมียม ทำให้ราคาค่าตัวอยู่ในระดับที่เกินเอื้อม หรือเอื้อมถึงแต่คุณไม่อยากเอาอนาคตทางการเงินทั้งหมดไปฝากไว้กับรถแค่คันเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป การแข่งขันระหว่างแบรนด์ระดับสูงในตลาดรถยนต์ประเทศไทยทำให้พวกเรามีโอกาสเป็นเจ้าของรถระดับนี้ง่ายขึ้น โดยที่รถเหล่านั้นมีรถพละกำลังสูงให้เลือก เป็นที่มาของ 2MBM หรือรถ BMW ที่มีราคาป้วนเปี้ยนอยู่แถบสองล้านบาท ซึ่งเราจะรวบรวมรายละเอียดในมาเสนอให้ดูกันในวันนี้ครับ

หลายท่านอาจจะบอกว่า ถ้าอยากใช้งบน้อย แล้วได้ของเล่นติดรถเยอะๆหรือได้รถรุ่นเจ๋งๆ ก็ให้ไปเลือกซื้อรถมือสองเอาสิ..ไม่เถียงครับ แต่ในความเป็นจริง การเลือกซื้อรถมือสองนั้น หากไม่ใช่ว่าผู้ขายทำสัญญาประเภทถ้าโดนจับได้ว่าย้อมหมาฆ่าแมวมาแล้วยอมชดใช้ให้ แปลว่าคุณเองก็ต้องตาถึง มีความช่ำชองในการดูรถพอสมควร แต่สำหรับ BMW ที่ออกใหม่ โอกาสมีปัญหาก็น้อยกว่าแถมอาจได้โปรโมชั่น BSI 10 ปีที่ทาง BMW Thailand กำลังกระหน่ำอยู่ในช่วงนี้ บางครั้ง คนเราก็ต้องเลือก และถ้าคุณเลือกที่จะใช้เงินน้อยแล้วได้รถใหม่แลกกว่าความอุ่นใจล่ะ? จุดนี้ล่ะ ที่ 2MBM ตอบโจทย์ให้พวกท่านบางคนได้

สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อน และผมจะพูดตามตรง ก็คือ 2MBM ส่วนมาก มักจะเป็นรุ่นย่อยล่างหรือกลาง ของรถอนุกรมล่างถึงกลาง ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าอุปกรณ์ของมันจะต้องไฮโซเทียบชั้นกับพวกที่ราคา 2 ล้านปลายหรือ 3 ล้านต้น นี่คือเรื่องธรรมดาของโลกธุรกิจที่ไม่ใช่การกุศล อยากได้มากก็ต้องจ่ายแพง แต่ถ้าจ่ายถูกกว่าและได้สิ่งที่ต้องการ 80% หรือมากกว่า ในเชิงเศรษฐศาสตร์ก็ถือว่าคุ้ม คุณสามารถมองไปตามท้องถนนได้ว่าไม่ใช่ BMW ทุกคันที่จะเป็นรุ่นท้อป

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นพรีเมียมแบรนด์ ไม่ว่าจะราคามากหรือน้อย คุณยังได้ Basic Equipment ที่ครบ อย่างน้อยทุกคันมีเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบความจำฝั่งคนขับ มีล้ออัลลอยที่ไม่เล็กไปกว่า 17 นิ้ว มีถุงลมนิรภัยรอบคัน มีระบบช่วยรักษาการทรงตัวและการยึดเกาะ (DSC) ตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่ดี และออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานของผู้ขับเป็นสำคัญ และยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพูดถึงการขับขี่ บอกได้เลยว่าช่วงล่างมั่นใจได้ และวิ่งแตะ 200 ได้ทุกคันอย่างที่ลูกค้าเท้าหนักคาดหวังจากรถระดับนี้

และด้วยความเป็น BMW ทำให้คุณสามารถใช้มันในแบบเดิมๆก็ได้ หรือเมื่อเวลาผ่านไป คุณมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น อยากให้รถสวยขึ้นก็สามารถนำไปตกแต่งเพิ่มเติม ดังเช่นซีรีส์ 3 คันในภาพข้างบนนี้ซึ่งตกแต่งด้วยพาร์ท M Performance ในเครือ BMW ล้วนๆ ทั้งที่ตัวรถแต่เดิมก็คือ 320d Iconic ซึ่งเป็นซีรีส์ 3 รุ่นย่อยที่ราคาย่อมเยาสุด

ดังนั้น ถ้าคุณกำเงินอยู่ 2 ล้านบวกลบที่เตรียมไว้สำหรับซื้อรถได้ (และภรรยาอนุมัติ) หรือมีอำนาจการผ่อนชำระเดือนละ 30,000 บาท คุณอาจจะเริ่มด้วยการลองดูรถเหล่านี้ ว่าคันไหนที่เหมาะกับรสนิยมและการใช้ชีวิตของคุณ

BMW X1 sDrive18i Iconic

  • ราคารวม BSI Standard 1,999,000 บาท
  • เครื่องยนต์ B38 เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์วเทอร์โบ 136 แรงม้า/220 นิวตันเมตร เกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ขนาดล้อ – 18 นิ้ว
  • ระบบปลดล็อคประตู Comfort Access – ไม่มี
  • ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า – มี
  • Cruise control – ไม่มี
  • Head-up Display (HUD) – ไม่มี
  • ขนาดของจอ iDrive – 6.5 นิ้ว
  • ระบบนำทาง – ไม่มี
  • Paddle shift ที่พวงมาลัย – ไม่มี
  • เบาะนั่ง – แบบปกติ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – ไม่มี
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด – หน้า/หลัง
  • กล้องมองหลัง – ไม่มี
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ – มี

นับเป็น Star of the show ของงาน Motor Expo 2018 เพราะใครเดินผ่านมาเห็นป้ายราคาไม่ถึงสองล้านบาทก็ต้องแวะดูกันทั้งนั้น BMW เลิกขาย X1 รุ่นเบนซิน xLine แล้วแทนที่ด้วย Iconic เกียร์คลัตช์คู่ลูกใหม่นั้นติดตั้งใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การจัดอุปกรณ์ใหม่ทำให้ได้ราคาที่น่าสนใจ มันอาจจะไม่มีระบบ Comfort Access และจอ HUD กับเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แต่ภายในของรถดูแล้วก็เกือบเหมือนรุ่นย่อยที่สูงกว่า และไม่ทราบว่าใครสังเกตหรือเปล่าว่า Iconic ได้หน้าปัดเรืองแสงแบบใหม่ในขณะที่รุ่นดีเซลที่แพงกว่ายังเป็นหน้าปัดแบบเก่า (ไม่แน่ใจว่า BMW จะทยอยเปลี่ยนให้ทุกรุ่นในปีหน้าหรือไม่)

X1 เป็นรถที่มีขนาดไม่โต ดังนั้นจึงเหมาะมากสำหรับวัยรุ่นระดับมหาวิทยาลัยหรือคนที่ไม่ใช่วัยรุ่นแต่หน้ายังเด็ก หาที่จอดง่าย ขับในเมืองคล่องตัว ความสูงของรถทำให้ได้ตำแหน่งการขับขี่ที่โปร่งตา ในขณะที่ใต้ท้องที่สูงกว่ารถเก๋งปกติ ทำให้รบรากับสภาพถนนอันห่วยแตกของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เบาะหลังของ X1 สามารถปรับเอนได้ (ในขณะที่รุ่นพี่ X3/X4 ทำไม่ได้ เอ้า..งงดิงง) ทำให้แม้จะมีขนาดเบาะเล็กแต่ก็สามารถนั่งเดินทางไกลกับเพื่อนหลายๆคนได้เหมือนกัน ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายสูงและกว้าง มาพร้อมระบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้าที่ BMW ยังไม่ตัดออกสำหรับ Iconic

ในขณะที่ช่วงล่างกับพวงมาลัย คุณมั่นใจได้เต็มพิกัด X1 มีช่วงล่างสไตล์แน่นเฟิร์มแบบเอาใจวัยรุ่นนักมุด ทำให้คล่องตัวอย่างมีพิษสงไม่แพ้รุ่นพี่ แต่ถ้าคุณต้องการพละกำลังและความเร็วแบบสุดๆ ก็ต้องพูดตามตรงว่าลองรุ่นอื่นดีไหม แม้ว่า 136 แรงม้าจะพอให้คุณวิ่งเขาไต่เนินได้สบาย แต่ถ้าจะให้หัวเราะฉีกยิ้มทุกครั้งที่กดคันเร่ง คงไม่ใช่ละครับ


 

BMW X1 sDrive18d xLine

  • ราคารวม BSI Standard 2,359,000 บาท
  • เครื่องยนต์ B47 ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ 150 แรงม้า/330 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ขนาดล้อ – 18 นิ้ว
  • ระบบปลดล็อคประตู Comfort Access – มี พร้อมระบบเปิดฝาท้ายโดยไม่ใช้มือ
  • ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า – มี
  • Cruise control – ไม่มี
  • Head-up Display (HUD) – มี
  • ขนาดของจอ iDrive – 8.8 นิ้ว
  • ระบบนำทาง – มี
  • Paddle shift ที่พวงมาลัย – ไม่มี
  • เบาะนั่ง – แบบปกติ ลาย Clamshell (คนละลายกับรุ่น Iconic)
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – มี (2 Zone)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด – หน้า/หลัง
  • กล้องมองหลัง – มี
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ – มี

ถ้าคุณชอบ X1 Iconic แต่มองว่าอุปกรณ์ติดรถที่ได้มานั้นน้อยไป บางทีการเพิ่มเงินอีกประมาณ 3 แสนต้นๆเพื่อโดดไปจับรุ่น sDrive18d xLine ก็ไม่เลว อย่างแรกเลยคือคุณได้ล้ออัลลอยปัดหน้ากลึงเงาที่หล่อกว่า ได้ระบบ Comfort Access, จอ HUD และจอ iDrive ขนาดโต ครบอย่างที่มันควรจะได้ตั้งแต่แรก ฝากระโปรงท้ายใช้เท้าแหย่กันชนเปิดได้ด้วย

เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรดีเซล ที่แม้จะมีแรงม้าต่างกันไม่มาก แต่ถ้าพูดถึงพลังลากจูงโดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบไปไหนมาไหนเป็นโขลงกับของเต็มคัน จะรู้สึกได้เลยว่า X1 ดีเซล แค่จุ่มคันเร่งครึ่งเดียวรถพุ่งไปได้เร็วกว่า มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ วิ่งได้ไกล ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้รถคันเดียวทำหลายงาน ด้วยข้อดีต่างๆที่เหมือนกับ X1 Iconic แต่มีพละกำลังสำรองสูงกว่า ทำให้ได้ทั้งความคล่องตัวเวลาขับในเมือง และการแพ็คของขับรถไปเที่ยวตามดอยชันๆที่คนเขาชอบพูดกันว่ารถเล็กขึ้นไม่ไหว

อย่างไรก็ตามสำหรับลูกค้าที่ตัวโตหน่อย ควรลองนั่งเบาะของ X1 ดูก่อนเนื่องจากขนาดเบาะรองนั่งที่ค่อนข้างสั้น บางท่านอาจไม่ชอบและเรื่องนี้ต้องให้ลูกค้าลองนั่งเองเพราะผมบอกไม่ถูกว่าลูกค้าชอบเบาะเล็ก/โต/แข็ง/นุ่มขนาดไหน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเนื้อที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร X1 คือ 2MBM ที่ตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุดแน่นอน


 

BMW 118i M Sport M Performance Edition

  • ราคาจำหน่ายรวม BSI Standard 2,099,000 บาท
  • เครื่องยนต์ B38 เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์วเทอร์โบ 136 แรงม้า/220 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะขับเคลื่อนล้อหลัง

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ขนาดล้อ – 18 นิ้ว ลาย M Double Spoke สีดำ
  • ระบบปลดล็อคประตู Comfort Access – ไม่มี
  • ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า – ไม่มี
  • Cruise control – มี
  • Head-up Display (HUD) – ไม่มี
  • ขนาดของจอ iDrive – 6.5 นิ้ว
  • ระบบนำทาง – ไม่มี
  • Paddle shift ที่พวงมาลัย – ไม่มี
  • เบาะนั่ง – คู่หน้า แบบสปอร์ต
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – มี (1 Zone)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด – หลัง
  • กล้องมองหลัง – ไม่มี
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ – ไม่มี

ในโลกนี้จะมีคนบางประเภทที่เกลียดการขับรถคันโตๆ แต่ชอบรถเล็กเพราะมุดไล่มอเตอร์ไซค์ได้ หาที่จอดง่าย ขับแล้วไม่เครียดเวลาต้องเข้าไปตามซอยแคบๆ แต่พอวิ่งบนทางตรงยาวก็อยากได้รถแบบที่วิ่งแน่นนิ่งได้แบบรถใหญ่ แน่นอนว่า BMW 118i M Performance Edition คือรถประเภทที่ทำได้แบบนั้น แม้ว่าตัวรถจะสั้นเหมือนแฮทช์แบ็คญี่ปุ่น แต่ที่จริง BMW ก็ร่ายเมจิกพยายามปรับการกระจายน้ำหนักหน้าหลังให้ใกล้เคียง 50:50 เหมือนรุ่นอื่นๆ และที่สำคัญ 118i เป็นรถเก๋งเตี้ยขับเคลื่อนล้อหลังที่ราคาถูกที่สุดในไทยในเวลานี้ และซีรีส์ 1 5 ประตูรุ่นต่อไปก็จะกลายเป็นรถขับหน้า

ช่วงล่าง M Sport Suspension ที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน กับพวงมาลัย M Sport ทำให้คุณสนุกกับมันบนทางโค้งได้ คุณนึกภาพถนนหลายพันโค้งที่วิ่งจากภาคเหนือสุดของไทยเลาะชายแดนมาจบที่ภาคอีสาน อ.เชียงคาน 118i คือรถแบบที่จะทำให้การเดินทางนี้มีความสุข ด้วยพละกำลังที่เพียงพอกับขนาดตัวรถ (แต่ไม่ถึงกับแรงลากช้างข้ามทุ่ง) และความคล่องตัวที่ได้จากช่วงล่างกับพวงมาลัยที่จูนมาอย่างดี เบาะสปอร์ตคู่หน้าช่วยให้นั่งได้กระชับตัวมากขึ้นเช่นกัน

แต่ถ้าคุณเป็นคนประเภทบ้าหอบฟางหรือเป็นพวกไปไหนไปกัน 4-5 คนเป็นประจำ กรุณากลับไปหา X1 คันข้างบนจะดีกว่า เพราะ 118i เป็นรถขนาดเล็ก และเนื้อที่สำหรับเบาะหลังก็เหมาะกับคนที่ตัวไม่โตมากนัก ที่วางขาไม่ยาว และห้องเก็บสัมภาระไม่โต มันเหมาะจะเป็นรถของคนโสดผู้รักอิสระ หรือคนที่มีแฟนและยังปราถณาจะใช้ความสุขร่วมกันบนถนนราดยางไปอีกสักพักก่อนจะมีเจ้าตัวน้อย ส่วนเรื่องความหรูหรานั้นอาจจะไม่มาก เพราะเป็นรถอนุกรมเล็กที่เน้นความสปอร์ตซะมากกว่า


 

BMW 320d Iconic

  • ราคาจำหน่ายรวม BSI Standard 2,259,000 บาท
  • เครื่องยนต์ B47 ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า/400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ขนาดล้อ – 17 นิ้ว
  • ระบบปลดล็อคประตู Comfort Access – ไม่มี
  • ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า – ไม่มี
  • Cruise control – มี
  • Head-up Display (HUD) – ไม่มี
  • ขนาดของจอ iDrive – 6.5 นิ้ว
  • ระบบนำทาง – ไม่มี
  • Paddle shift ที่พวงมาลัย – ไม่มี
  • เบาะนั่ง – แบบธรรมดา
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – มี (2 Zone)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด – หลัง
  • กล้องมองหลัง – ไม่มี
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ – ไม่มี

320d Iconic ทำให้ค่ายของคู่แข่งกระวนกระวายมากเมื่อมันเผยโฉมครั้งแรกในช่วงปลายปี 2016 ด้วยราคาที่ห่างจาก Camry Hybrid ตัวท้อปไม่มาก แต่ได้ BMW ที่เครื่องไม่เล็ก มีพลัง 190 แรงม้าที่เป็นหนึ่งในบรรดาดีเซลบล็อคเล็กที่แรงและดุที่สุดในวันที่มันเปิดตัว 320d Iconic ผสมเอารูปลักษณ์ภายนอกและในที่ดูคล้ายรุ่น Luxury มีโทนสีแบบที่ผู้ใหญ่ส่วนมากน่าจะชอบ ล้อขนาด 17 นิ้วแก้มยางหนาพอให้ขับนุ่มสบาย เข้ากับตำแหน่งการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ เบาะนั่งและพวงมาลัยที่สามารถปรับรองรับคนได้หลายไซส์ กับเครื่องยนต์ที่มีพลังและความประหยัด สะท้อนปรัชญาการทำรถที่ย้อนไปถึงสมัย BMW ออกรุ่น 1500 มาตัวแรกๆ คือสปอร์ตซาลูนที่นั่งสบายและขับได้ทุกวัน

Iconic อาจจะขาดอุปกรณ์บางตัวไป อย่างเช่นระบบ Comfort Access (ซึ่ง 320d M Sport ตัวปี 2018 ก็ไม่มี) จอ iDrive เป็นขนาดเล็ก (ซึ่งซีรีส์ 3 รุ่นล่างก็เล็กกันทั้งนั้น) ลูกเล่นประเภทวัยรุ่นกรี๊ดอย่างที่มีใน X1 sDrive18d หรือ 118i M Performance นั้นหามีไม่ ดูเหมือนว่า 320d Iconic ถูกสร้างมาเพื่อคนที่เป็นผู้ใหญ่ระดับนึงซึ่งมองเห็นความสบายของตัวเองเวลาขับสำคัญกว่า List อุปกรณ์บนโบรชัวร์ ทั้งหมดนี้มาในราคาที่สมเหตุผล และแม้ว่า 330e Sport จะแพงกว่ากันนิดเดียว แต่มีอุปกรณ์มากกว่าแถมยังแรงกว่า แต่ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ทที่ต้องขับรถไกลๆหลายร้อยกิโลเมตรเป็นประจำ การได้เครื่องยนต์ดีเซลที่จิบ 19-20 กิโลเมตรต่อลิตรกับถังน้ำมันที่โตกว่า 330e อยู่ 16 ลิตร น่าจะทำให้คุณสบายใจไม่ง้อปลั๊กได้มากกว่า

และในการขับขี่แบบทางไกลๆคุณก็จะรู้สึกสบาย เพราะ 320d ต่างจากรถสไตล์วัยรุ่นก่อนหน้านี้ มันได้ช่วงล่างแบบมาตรฐานที่ปรับปรุงครั้งหนึ่งตอนไมเนอร์เชนจ์ ทำให้ไม่โหวงเท่ารถ F30 ล็อตแรก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความนุ่มสบายในระดับที่พาแม่ยายอายุ 75 นั่งแล้วไม่โดนบ่นอีกด้วย

BMW 330e Sport

  • ราคาจำหน่ายรวม BSI Standard 2,359,000 บาท
  • เครื่องยนต์ B48 เบนซิน 2.0 เทอร์โบ + มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จ 252 แรงม้า/420 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง

อุปกรณ์มาตรฐาน

  • ขนาดล้อ – 18 นิ้ว ลาย M Double Spoke
  • ระบบปลดล็อคประตู Comfort Access – มี พร้อมระบบเปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ
  • ฝากระโปรงท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า – ไม่มี (เป็นระบบเด้งเปิดด้วยแรงสปริง ตอนปิดใช้มือปิดเอง)
  • Cruise control – มี
  • Head-up Display (HUD) – ไม่มี
  • ขนาดของจอ iDrive – 6.5 นิ้ว
  • ระบบนำทาง – ไม่มี
  • Paddle shift ที่พวงมาลัย – มี
  • เบาะนั่ง – คู่หน้า แบบสปอร์ต
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ – มี (2 Zone)
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด – ไม่มี
  • กล้องมองหลัง – มี
  • ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ – ไม่มี

ถ้าคุณคิดว่า BMW ราคาสองล้านต้นๆจะมีแต่รุ่นที่ไม่แรง และ 320d ยังไม่โหดพอในสายตาคุณ..ขอต้อนรับสู่รถถ่านแรงถีบสูง 330e Sport ซึ่งอันที่จริงต้องลองถามด้วยว่ามีรถคันไหนอีกไหมที่ให้แรงม้า 252 ตัวมาอยู่ใต้เท้าคุณแล้วยังขายในราคาที่ถูกกว่านี้? ผมนึกไม่ออก คุณล่ะ? ทุกครั้งที่คันเร่งแตะพื้นรถ 330e จะมอบแรงกระชากทันควันจากพลังมอเตอร์ขนาดเขื่อง บวกกับตัวเครื่องยนต์ซึ่งจริงๆก็แรงพออยู่แล้ว รถ Hot Hatchหลายคันที่ว่าแรง ถ้าไม่ได้โมดิฟายมาอาจจะโดนรถถ่านแรงสูงยิ้มใส่เอาง่ายๆ

ขออภัยที่ลืมบอกถึงประโยชน์จากการเป็นรถปลั๊กอิน คือถึงแม้คุณจะไม่ใช้นักขับเท้าโหด ก็ยังมีสิทธิ์ได้ประโยชน์จากการที่มันเป็นรถไฮบริดเสียบปลั๊กชาร์จ หากที่ทำงานของคุณอยู่ห่างจากบ้านไม่เกิน 15 กิโลเมตร มันก็มีโอกาสที่วันนั้นคุณจะขับ 330e ไปและกลับมาชาร์จไฟที่บ้านโดยไม่เสียน้ำมันแม้แต่หยดเดียว ถ้าต้องขึ้นทางด่วน ระยะที่ว่านั้นอาจจะแปรผันไปบ้างแต่คุณสามารถวิ่ง 90-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้โดยที่ไม่ต้องรบกวนเครื่องยนต์ทำงาน นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับการเดินทางไกล ถ้าขับแบบสุภาพ (ใครจะอยากขับแบบนั้นถ้าไม่ใช่ว่ากลัวเมียด่า) 330e จะวิ่งได้ประหยัดน้ำมันจนกว่าแบตเตอรี่จะเริ่มหมด จากจุดนั้นมันถึงจะเริ่มกินน้ำมันดุขึ้น ผมจึงเลือกที่จะบอกว่าคนที่ชอบเดินทางไกล 4-500 กิโลเมตรแบบตีรวดเดียวหรือพักไม่เกิน 15-20 นาที จะเหมาะกับ 320d มากกว่า

นอกจากนี้ 330e Sport ยังมีจุดที่น่าเล่นตรงที่อุปกรณ์ติดรถ ให้มามากกว่า 320d Iconic เบาะสปอร์ตปรับรองน่องได้ มี Paddle shift ให้เล่นเกียร์กันเบื่อได้ และยังมีระบบ Comfort Access กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิิ้วที่ดูแล้วคล้ายกับล้อของ BMW 430i M Sport แค่ขนาดเล็กกว่า เวลาขับไปไหนมาไหน น้อยคนจะมีความรู้พอที่จะมองออกว่ามันไม่ใช่รุ่นท้อป แต่คุณจ่ายตอนซื้อน้อยกว่า และได้ความแรงเท่ากัน ความรู้สึกในการขับจะต่างกันก็ตรงที่ 330e M Sportตัวท้อปจะมีโช้คอัพและสปริงที่แข็งกว่าเท่านั้น

และทั้งหมดนี้ก็คือ BMW 5 รุ่น 3 อนุกรม ที่คุณยังสามารถเลือกซื้อได้ และ ณ เดือนธันวาคม 2018 ยังมีชื่อรถเหล่านี้อยู่บนใบราคาของ BMW อยู่ แต่โอกาสนี้อาจจะไม่ได้เป็นของคุณอยู่ตลอดไป เพราะบางรุ่นอย่าง 320d Iconic บางโชว์รูมก็เริ่มเหลือสต็อคน้อยลงแล้ว และสำหรับรถอย่าง F30 3 Seriesผมไม่ต้องบอกก็คงทราบกันว่าเมืองนอกเผยโฉมเจนเนอเรชั่นใหม่ไปแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณซื้อวันนี้ อย่างน้อยก็อาจจะยังได้ขับแบบรถไม่ตกรุ่นไปสักพักหนึ่งก่อนที่รุ่นใหม่จะมาเปิดตัวที่เมืองไทย

ในความเห็นผม สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่าการตกรุ่น/ไม่ตกรุ่น ก็คือการบริหารเงินที่เรามี บางครั้งรถที่ดูไม่คุ้มค่าในแว่บความคิดแรกของเรา อาจจะเป็นรถที่มีความน่าใช้หากมองในเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่ถ้าคุณทำตามหลักเศรษฐศาสตร์ 100% คุณคงไม่ซื้อ BMW ตั้งแต่แรกในเมื่อรถอีโคคาร์และกระบะก็สามารถพาคุณไปรับใบสั่งความเร็วเกินกำหนดได้ทั้งนั้น

มันจึงต้องใช้การถ่วงสมดุล ระหว่างการบริหารค่าใช้จ่าย อารมณ์ความอยาก ถึงจะทำให้ชีวิตเราได้รับความพึงพอใจ โดยที่ไม่ก่อปัญหาหนี้สินเกินขีดจำกัดให้ตัวเองในอนาคต เมื่อคิดอย่างนี้คุณอาจจะมองเหล่ารถ “2MBM” 5 คันนี้ด้วยแง่มุมใหม่ๆก็เป็นได้


 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments