ซีรีส์ 5 โมเดลเชนจ์-พร้อมภาพและรายละเอียด ตั้งแต่ 520d ถึง M550i!

หลังจากที่มีภาพหลุดออกมาในวันก่อน BMW ตัดสินใจเผยรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน และรายละเอียดรุ่นต่างๆ ผ่านเว็บไซต์สื่อมวลชนของตนเอง พร้อมนำเสนอไฮไลท์เทคโนโลยีสำคัญของซีรีส์ 5 เจนเนอเรชั่นที่ 7 ซึ่งเป็นทายาทรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสานต่อความสำเร็จจากซีรีส์ 5 หกรุ่นแรกซึ่งสร้างยอดขายรวมได้มากกว่า 7,600,000 คัน โดย BMW บริษัทแม่ได้ฟันธงแล้วว่า ซีรีส์ 5 บอดี้ G30 นี้จะพร้อมขายในตลาดโลก เดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 นี้

เราจะมาดูกันว่ารายละเอียดที่ออกมานั้น มีอุปกรณ์ตัวใด มีไฮไลท์เด็ดคืออะไร พร้อมทั้งรุ่นต่างๆที่จะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า มีทั้งภาพภายนอก และภายในครบ ที่เดียวในเว็บBMWไทย ที่นี่.. bimmer-th.com

540imsportfront

ไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น  ตัวถังภายนอกของ G30 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลู่ลมขึ้นกว่าเดิม มีกระจังหน้าแบบ Active Air Stream ซึ่งสามารถปิดลงเพื่อเพิ่มความลู่ลมให้กับตัวรถได้ โดยเวลาที่กระจังหน้าปิด ตัวรถจะลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน เหลือเพียง 0.22 เท่านั้น

p90238847_highres_the-new-bmw-5-series p90238848_highres_the-new-bmw-5-series

ลักษณะเส้นสายที่ใช้ภายนอกนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอาเอกลักษณ์จากซีรีส์ 7 รุ่นพี่มาปรับให้เข้ากับภาพลักษณ์รถพรีเมียมขนาดใหญ่ (โดยซีรีส์ 7 เป็นขนาดใหญ่พิเศษ) ไฟหน้ากินบริเวณชนเข้ากับกระจังหน้าทรงไตคู่ที่นับวันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สมัยก่อนตอนเป็นรุ่น E12, E28, E34 เราเรียกกระจังหน้า BMW ว่า “ฟันหนู” แต่หลังจาก E39 เป็นต้นมาฟันของหนูตัวนั้นดูจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆบานจากริมฝีปากซ้ายไปริมฝีปากขวาจนปลานกแก้วยังอาย

540imsportnight

ส่วนภายใน ก็พยายามเอาความรู้สึกแบบรถหรูหราขนาดใหญ่พิเศษ (จากรุ่นพี่..เช่นเคย) เอามาปรับใช้กับขนาดตัวรถ ทั้งนี้ BMW พยายามใช้แสงไฟตกแต่งในยามกลางคืนเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความหรูหรามากขึ้น โดยสามารถปรับแสงไฟตกแต่งในตัวรถเป็นสีต่างๆได้ตามใจชอบ

consolmanity

ไฮไลท์สำคัญอย่างอื่นประกอบด้วย

p90237787_highres_the-new-bmw-5-series

ระบบกึ่งขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งใช้การทำงานของระบบ Dynamic Cruise Control (DCC) และ Active Cruise Control (ACC) ซึ่งใช้เรดาร์ในการตรวจจับรถข้างหน้า ระบบนี้สามารถหยุดรถ เหมือนมีรถติดข้างหน้า และเลื่อนรถออกไปเองได้เมื่อรถคันหน้าเร่งความเร็วออกไป (แต่ถ้ารถหยุด ก็ต้องหยุดไม่เกิน 30 วินาที ไม่งั้นรถจะ Disengage ระบบ)

นอกจากนั้น ซีรีส์ 5 ใหม่ก็จะมีระบบ Steering and Lane Control Assistant ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือ “ระบบพวงมาลัยอัตโนมัติ” ที่สามารถใช้เซ็นเซอร์บนวงพวงมาลัยตรวจจับได้ว่าคนขับกำลังเอามือจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ได้จับ ระบบก็จะสั่งการควบคุมพวงมาลัยให้เองโดยรักษารถให้วิ่งไปตามแนวเส้นประหรือเส้นทึบของถนน ECU ของระบบนี้ยังตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้า และใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง เผื่อในกรณีที่เส้นแบ่งถนนเลือนหายไม่ชัดเจน

smartdriveout

ส่วนระบบจอดรถด้วยกุญแจนั้น แน่นอนว่าถูกยกมาจากซีรีส์ 7 แล้วนำมาใส่ในซีรีส์ 5 ระบบ Remote Control Parking สามารถช่วยให้เจ้าของจอดรถในที่แคบชนิดที่เปิดประตูไม่ได้ โดยให้เจ้าของลงมาจากรถก่อน จากนั้นใช้กุญแจรถที่เป็นจอสีเหมือนสมาร์ทโฟน เรียกว่า Display Key ในการนำรถเข้าซอง นี่ยังไม่ต้องพูดถึงระบบ Parking Assistant หรือระบบจอดรถอัตโนมัติ ซึ่งจอดได้ทั้งแบบเลียบทางเท้าและแบบถอยเข้าซอง

twoofakind

โครงสร้างของรถ สร้างตามหลัก Efficient Lightweight ของ BMW โดยแม้จะไม่ใช่ Carbon Core แบบซีรีส์ 7 แต่กีการใช้วัสดุต่างๆผสมผสานกัน โดยส่วนไหนก็ตามที่ต้องรับภารกรรมสูง อย่างเช่นเสาค้ำหลังคา คานด้านข้าง และผนังห้องเครื่อง และเฟรมหน้า/หลัง จะใช้วัสดุเหล็กกล้าแบบ High Tensile Steel ส่วนฝากระโปรงหน้า/หลัง คานเครื่อง ซับเฟรมหลัง ตัวหลังคาและประตู ทำมาจากอะลูมิเนียม ประตูของซีรีส์ 5 แต่ละบาน รวมบานพับและกลไกยั้งประตู มีน้ำหนักแค่ประมาณ 6 กิโลกรัมเท่านั้น

ในภาพรวม การลดน้ำหนักในส่วนต่างๆของซีรีส์ 5 G30 ทำให้รถทั้งคันมีน้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นเดิมถึง 100 กิโลกรัมแม้ว่าขนาดตัวรถจะโตขึ้นกว่าเดิม!

dimension

ดูจากภาพขนาดมิติรถ จะเห็นความต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน โดยยาวกว่าตัวถัง F10 อยู่ถึง 36 มิลลิเมตร! ในขณะที่ความกว้างตัวถังเพิ่มขึ้น 6 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 7 มิลลิเมตร (เพราะของเดิมก็จัดว่ายาวมากมายอยู่แล้ว) ส่วนความสูงนั้นเพิ่มขึ้นแค่ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น

 

p90238857_highres_the-new-bmw-5-series

ช่วงล่างของซีรีส์ 5 G30 ตัวใหม่ ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน และช่วงล่างหลังแบบ ไฟว์ลิงค์ และมีการพัฒนาระบบพวงมาลัยแบบ Integral Active Steering ซึ่งใช้กลไกทำงานผ่านการสั่งจาก ECU และระบบไฟฟ้าเพื่อ “หักเลี้ยวล้อหลัง” เป็นองศาสัมพันธ์กับล้อหน้าโดยขึ้นอยู่กับความเร็วของรถและลักษณะการหักเลี้ยว โดยระบบนี้จะสามารถเลือกติดตั้งใช้กับรุ่น xDrive ที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้เช่นกัน

dahud dasherg30

ระบบควบคุมการขับขี่ได้รับการพัฒนาใหม่เหมือนของซีรีส์ 7 โดยจะมีโหมด Eco PRO, Comfort และ Sport เช่นเดิม แต่เพิ่มโหมด Adaptive ซึ่งจะปรับช่วงล่าง เกียร์ การตอบสนองของคันเร่งไปตามพฤติกรรมการขับของผูขับโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลากดเลือกโหมดเอง แต่โหมดนี้จะมีให้เลือกในรถที่มีออพชั่น โช้คไฟฟ้า Dynamic Damper Control มีระบบนำทางแบบ Professional ด้วยเท่านั้น ส่วนการสื่อข้อมูลไปยังคนขับ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว สถานภาพรถ โหมดที่เลือกใช้ จะสื่อผ่านหน้าปัดแบบใหม่ที่เหมือนซีรีส์ 7 และมีระบบจอฉายภาพบนกระจก (HUD) ซึ่งสามารถแสดงการนำทางได้ด้วย

สำหรับช่วงแรก BMW จะทยอยเปิอตัวรุ่นต่างๆไปตามลำดับ ไม่ได้ยิงตูมเดียวเปิดครบทุกรุ่น โดยโมเดลที่จะเปิดตัวในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2017 มีดังนี้

530i/530i xDrive
รุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ เทอร์โบ 1,998 ซี.ซี. 252 แรงม้าที่ 5,200-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,450-4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ที่ 6.2 วินาที (6.0 วินาทีสำหรับรุ่น xDrive) และปล่อย CO2 126 กรัม/กม. (133 กรัม/กม. สำหรับรุ่น xDrive)

 

540i/540i xDrive
540imsport_02 540imsportdash 540imsportrun 540imsportssengine

ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 2,998 ซี.ซี. 340 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450Nm ที่ 1,380-5,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.1 วินาที (4.8 สำหรับรุ่น xDrive) ปล่อย CO2 150 กรัม/กม. (156 สำหรับรุ่น xDrive)

 

520d/520d xDrive
ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 1,995 ซี.ซี. 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400Nm ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 7.7 วินาทีสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ 7.6 วินาทีสำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติและรุ่น xDrive (ซึ่งจะมีแต่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ) ปล่อย CO2 ที่ 108, 107 และ 112 กรัม/กม. ตามลำดับ

 

530d/530d xDrive
530dluxury 530dluxorung 530dluxodash 530dssluxoengine

ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบ 2,993 ซี.ซี. 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620Nm ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ 5.7 วินาที (5.4 วินาทีสำหรับรุ่น xDrive) CO2 118 และ 125 กรัม/กม. ตามลำดับ

หลังจากนั้น ในเดือนมีนาคม 2017 จะมีการเปิดตัวรุ่นอื่นๆเพิ่มอีกดังนี้

 

530e iPerformance
530eiperffront 530eiperformancedash 530eiperfrear p90238851_highres_bmw-5-series-saloon

ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบพ่วงกับมอเตอร์ eDrive เป็น Plug-in Hybrid เครื่องยนต์ใช้ขนาด 1,998 ซี.ซี. พลังรวมของทั้งระบบได้ 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420Nm ตั้งแต่ 1,450-4,000 รอบต่อนาที มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ไม่มีรุ่น xDrive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จบภายใน 6.2 วินาที CO2=46 กรัม/กม. และสามารถวิ่งแบบ EV Mode Only ได้ไกลถึง 45 กิโลเมตร

 

520d Efficient Dynamics Edition
520d_effidy_front 520deffidy_rear

เป็นรุ่นที่คนไทยอาจไม่คุ้น แต่คนอังกฤษจะรู้จักดี มันคือ 520d ที่ปรับจูนเน้นประหยัดและปล่อยมลพิษน้อยลง โดยใช้เครื่องดีเซล 4 สูบเทอร์โบ 1,995 ซี.ซี. 190 แรงม้า/400Nm เหมือนกัน แต่ปล่อย CO2 น้อยลงเหลือ 102 กรัม/กม. และมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

 

M550i xDrive
m550ifront m550i_rear m550idash m550iengine

ตัวแรงสุดสำหรับรถซีรีส์ 5 ที่จะเปิดตัวช่วงแรกๆ มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ 4,395 ซี.ซี. 462 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650Nm ที่ 1,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.0 วินาที ปล่อย CO2 204 กรัม/กม.

สำหรับตลาดประเทศไทย คงต้องรอเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาปรากฏตัวออกมาก่อนตามตลาดขับชิดซ้ายเช่นอังกฤษ ออสเตรเลีย หรือญี่ปุ่น ซึ่งบ้านเราน่าจะได้ใช้กันในเวลาไม่ห่างจากตลาดเหล่านี้ คาดว่ารุ่นที่นำมาเปิดตัว น่าจะมี 520d เป็นรุ่นเริ่มต้น และมี 530e iPerformance เป็นรถที่แรงที่สุด ส่วน M550i ตัวแรง V8 นั้นโอกาสเป็นไปได้ยาก เพราะด้วยความจุเครื่องยนต์ที่เกิน 3.0 ลิตรทำให้ต้องโดนอัตราสรรพสามิตชาร์จที่ 50% ทำให้ราคาอาจพุ่งไปแตะหลัก 9-10 ล้านบาท กลายเป็นของแปลกที่มีเฉพาะคนรวยจริงขี่ได้ ส่วน M5 ยังต้องรอต่อไปอีกประมาณ 1 ปี หรืออย่างเร็วสุดปลายปี 2017 น่าจะได้เห็นตัวแบบไม่มีการพราง

แต่สำหรับ 530d รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อที่มีมลภาวะ CO2 อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับภาษีสรรพสามิต 30% ได้ แถมยังใช้เครื่องเดียวกับ 730Ld ที่ประกอบขายอยู่ในไทยตอนนี้? มีลุ้น แต่อย่าลุ้นจนเครียด เพราะอย่างไรก็ตาม ตลาดหลักของซีรีส์ 5 ในไทยก็ยังคงอยู่กับรุ่นดีเซล และรุ่น Plug-in โดยอาจจะมี 530i เข้ามาคั่น รอเวลาให้รถรุ่น 530e วิจัยและพัฒนาจนเหมาะกับสภาพอากาศประเทศเรา

ผมไม่ได้เป็นหมอดู แต่อาศัยความเป็นหมอเดาจากการเปิดตัวเวอร์ชั่นต่างๆของ BMW ที่ผมเฝ้าดูมาสิบปีหลังมานี้ ผมคิดว่าจะขอคาดการณ์ไว้ประมาณนี้แล้วกันครับ : )

 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments