เจาะเปลือก รายละเอียด BMW 8 Series Convertible หรูล้ำหน้า เปิดหลังคาได้ด้วย

หลังจากที่ BMW ได้เผยโฉม 8 Series เวอร์ชั่นคูเป้ 2 ประตูไปก่อนหน้านี้ไม่นาน BMW ก็รุกต่อทันทีด้วยการนำเวอร์ชั่นเปิดประทุนมาจำหน่าย และนี่ก็คือ 8 Series Convertible ใหม่ล่าสุด รหัสตัวถัง G14 ซึ่งนำเอาเอกลักษณ์ความปราดเปรียวแบบผู้ใหญ่ใจหรูรู้จักออกกำลังกายในตัวคูเป้ มาบวกกับหลังคา Soft top ที่สามารถเปิดรับลมหนาวได้ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่พวกเขาเลือกเผยรายละเอียดมันในช่วงเวลาที่อากาศกำลังเอื้อต่อโอกาสในการขับกินลม

ฺBMW ให้คำจำกัดความของ 8 Series Convertible ไว้ว่าเป็น “Open-air driving pleasure for four people” นั่นแปลว่านอกจากจะขับสนุกตาม DNA ของค่ายและเป็นรถเปิดประทุนแล้ว เจ้า Convertible ตัวใหม่นี้ก็ยังมี 4 ที่นั่งเหมือนกับตัว Coupe อีกด้วย

นับเป็นการเสริมไลน์อัพของรถหรูตามแผนการ NUMBER ONE > NEXT ของ BMW ซึ่งในปัจจุบันถ้าเป็นรถระดับสูงพิเศษแล้วเปิดหลังคาจะมีแต่ i8 Roadster ซึ่งเป็นรถ 2 ที่นั่ง การมาของ 8 Series Convertible จะช่วยให้ลูกค้าที่มีรสนิยมกินสายลมและแสงแดดมีตัวเลือกซึ่งมีความสบาย รองรับการใช้งานหลากหลาย

และด้วยการที่แชร์เทคโนโลยีหลายอย่างร่วมกับรุ่น Coupe ซึ่งพัฒนาขึ้นมาพร้อมกับ M8 และรถแข่ง M8 GTE Endurance Racer ทำให้มั่นใจได้ว่าจะทางตรงหรือโค้ง 8 Series Convertible ก็วิ่งนำโด่งอยู่เสมอ

โดยในช่วงแรกที่เปิดตัว 8 Series Convertible จะมีให้เลือก 2 รุ่น 2 ขุมพลัง เช่นเดียวกับตัว Coupe ซึ่งได้แก่

  • 840d xDrive Convertible ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • M850i xDrive Convertible ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อเช่นกัน

Design: หรูแบบผู้ใหญ่ คล่องตัวแบบวัยรุ่น

การออกแบบทั้งคัน แน่นอนว่าเหมือนกับรุ่น Coupe ยกเว้นส่วนของหลังคาที่จะเป็นผ้าใบ กระจังหน้า Kidney Grill ขยายขนาดจนใหญ่เต็มพื้นที่ กันชนหน้าพร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ สัมพันธ์กับเส้นสายด้านข้างและฝากระโปรงรถที่ออกแบบมามีส่วนนูนลึก มีมัดกล้ามจนหากมองด้านข้างตามแนวเฉียงแล้วดูแกร่งกร้าวไม่ต่างอะไรกับตัว Coupe

ไฟหน้าถูกออกแบบให้มีขนาดเรียวเล็ก จนทาง BMW บอกว่า นี่คือไฟหน้าทรงเรียวที่สุดแล้วเท่าที่พวกเขาเคยทำมาใส่รถเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงของทางค่าย ลูกค้าสามารถสั่งอุปกรณ์เสริมเป็นไฟหน้าแบบ BMW Laserlight พร้อมระบบ Selective Beam ซึ่งสามารถปรับลำแสงหลบรถที่วิ่งสวนมาได้โดยอัตโนมัติและสามารถส่องเป็นระยะได้ไกลสุด 600 เมตร

ด้านข้างของรถ เล่นสันข้างนูน และมีช่องระบายอากาศ เหมือนกับตัว Coupe ทำให้ตัวรถดูมีมวลสารมีน้ำหนักแม้ว่าจะเป็นตอนเปิดหลังคา


หลังคาของ 8 Series Convertible จะเป็นแบบ Soft-top เท่านั้น เปลี่ยนแนวจากไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ที่รถหลายรุ่นนิยมหลังคาแข็งแบบพับเก็บด้วยไฟฟ้า ซึ่งกันเสียงได้ดีแต่สร้างข้อจำกัดด้านน้ำหนักและวิธีการพับของหลังคา กลไกการเปิด/ปิด ใช้เวลาในการทำงานเพียง 15 วินาที และถ้าเกิดไฟเขียวสว่างตอนกำลังกางหรือเก็บหลังคาอยู่ก็ไม่ต้องหวั่นใจ เพราะมันยังสามารถทำงานได้ขณะรถแล่น ขอแค่อย่าเกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ในเขตเมืองเราไม่ค่อยได้วิ่งเร็วมากไปกว่านั้นอยู่แล้ว

ด้านท้ายรถ มีส่วนที่เด่นคือไฟท้ายแนวนอนยาว เอกลักษณ์ของไฟท้ายรูปตัว L ณ บัดนี้เหลือเพียงติ่งเล็กๆที่ดวงไฟรอบนอกและการจัดวางเส้นนำแสงของไฟท้าย LED ที่ยังทำให้เหลือความเป็น L อยู่บ้างในยามค่ำคืน มันมีความคล้ายคลึงมากกับไฟท้ายของ X5 รุ่นใหม่ และเห็นได้ชัดว่าอีกหน่อย BMW รุ่นที่กำลังจะตามมาในเร็วๆนี้จะหันไปใช้ไฟท้ายในลักษณะเดียวกันนี้ เพราะมันช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวรถดูแบนกว้างสปอร์ตมากขึ้น

8 Series Convertible ใหม่ มีความยาวตัวถัง 4,851 มิลลิเมตร กว้าง 1,902 มิลลิเมตร สูง 1,345 มิลลิเมตร ความยาวระยะฐานล้อ 2,822 มิลลิเมตร ระยะความกว้่างแทร็คล้อหน้า 1,627 มิลลิเมตร หลัง 1,642 มิลลิเมตร  ถังน้ำมันจุ 68 ลิตร และมีพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจุได้ 350 ลิตร น้อยกว่ารุ่น Coupe อยู่ 70 ลิตร 420 ส่วนขนาดตัวโดยรวม เท่ากันในทุกมิติยกเว้นความสูงที่ต่างกันเพียง 1 มิลลิเมตร

840d Convertible เครื่องยนต์ดีเซล มีน้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 1,955 กิโลกรัม ตามมาตรฐาน DIN (2,030 กิโลกรัมตามมาตรฐาน EU) เมื่อเทียบกับรุ่น Coupe แล้ว Convertible จะตัวหนักกว่าอยู่ 125 กิโลกรัม ความสูงจากจุดต่ำสุดของรถถึงพื้นถนน 118 มิลลิเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd=0.30

M850i เครื่องยนต์เบนซิน มีน้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 2,015 กิโลกรัม ตามมาตรฐาน DIN (2,090 กิโลกรัมตามมาตรฐาน EU) เพิ่มจากรุ่น Coupe 125 กิโลกรัมเท่ากับรุ่นดีเซล ความสูงจากจุดต่ำสุดของรถถึงพื้นถนน 125 มิลลิเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd=0.32

โครงสร้างตัวถังของซีรีส์ 8 นั้น เป็นแบบ Carbon Core มีการใช้วัสดุ CFRP ในการสร้างตัวถังส่วนอุโมงค์เกียร์ ส่วนหลังคา ฝากระโปรง ประตู และผนังห้องเครื่องยนต์จะใช้วัสดุอะลูมิเนียม มีการใช้เหล็กกล้าทนแรงบิดสูงและโลหะในส่วนอื่นๆเพื่อให้ได้ตัวถังที่ทนต่อการเข้าโค้งได้แรงโดยที่ตัวถังไม่มีการบิดตัว

ในกรณีของรถ Convertible ซึ่งไม่มีหลังคา จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างส่วนหลัก แต่การที่ BMW ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ Rigidity ของรถสูงอยู่แล้ว สิ่งที่ BMW ทำเพิ่มก็คือเสริมความแข็งแกร่งของจุดเชื่อมจุดยึดซีกล่างของรถ และเพิ่มความแข็งแรงของชุดเสา A-pillar และเพิ่ม Roll-over Bar ที่จะกางออกมากันศีรษะผู้โดยสารกระแทกในกรณีรถพลิกคว่ำ

Interior Design: เน้นความสวยงามและเพิ่มฟังก์ชั่นสำหรับรถเปิดประทุน

ลักษณะการออกแบบภายในของรุ่น Convertible จะมีความเหมือนกับรุ่นหลังคาแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายที่ต่อเนื่องจากแผงประตูถึงคอนโซล อุโมงค์เกียร์ที่สูง ใช้วัสดุชั้นดีในการตกแต่ง มีหน้าจอและปุ่มต่างๆที่ดูยกระดับขึ้นจาก BMW ระดับพรีเมียมทั่วไป สิ่งที่พิเศษสำหรับรุ่น Convertible ก็คือ ในรุ่น M850i คุณจะได้เบาะหนัง Merino เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในขณะที่ในตัว Coupe นั้นเป็นออพชั่นเสียเงินเพิ่ม ส่วนรุ่น 840d Convertible จะยังใช้หนัง Vernasca หุ้มภายในอยู่เช่นเดิม

ลูกเล่นและอุปกรณ์ภายใน แทบจะยกชุดมาจากรุ่น Coupe รวมถึงระบบควบคุม iDrive แบบใหม่และจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งจากเดิมที่โชว์ข้อมูลแบ่งได้มากสุดเป็น 2 จอ ระบบในซีรีส์ 8 ใหม่นั้นจะสามารถแบ่งการแสดงผลบนจอออกเป็น 4 ส่วน ซึ่งเจ้าของรถสามารถเลือกได้ว่าจะแสดงค่าอะไรและเอาไว้ตรงไหน โดยสามารถจัดแบบหน้าจอที่ต้องการเก็บเอาไว้ได้ถึง 10 แบบ

แน่นอนว่า BMW ยังมีสีสันของภายในให้ลูกค้าเลือกอีกหลายแบบ จะสั่งเป็นวัสดุที่ดำเงา Piano Black หรือเป็นลายไม้เงาสีต่างๆ ก็สามารถทำได้


สิ่งที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นหลังคาแข็ง ก็คือเบาะ ซึ่ง 8 Series Convertible จะมีการติดตั้งช่องพ่นลม Neck Warmer เพื่อทำความอุ่นช่วงลำคอเข้าไปบริเวณด้านล่างของพนักพิงศีรษะ และยังมีแผงกันลมแบบอัตโนมัติมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ชุดเครื่องเสียงติดรถของซีรีส์ 8 จะเป็นของ Harman Kardon แต่ถ้าใครรู้สึกว่าอยากฟังเสียง Surround ครบทุกมิติ ก็คงต้องไปคบกับออพชั่นเสริม Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System มาพร้อมกับแอมปลิฟายเออร์กำลังขับ 1,375 Watts และลำโพงในรถ 16 ตัว

หน้าปัด 8 Series Convertible ก็เหมือนกับตัว Coupe ตรงที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่เรียกว่าหน้าปัดแบบ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งใช้เป็นครั้งแรกใน X5 ที่เพิ่งเผยโฉมไป หน้าปัดแบบนี้จะเป็นจอสีขนาด 12.3 นิ้ว ได้รับการจัดพื้นที่และการวางแนวมาตรวัดใหม่ โดยเฉพาะมาตรวัดรอบซึ่งจะเดินทิศสวนทางกับวัดรอบของรถปกติ การวางตำแหน่งแบบใหม่นี้ ทำให้เหลือพื้นที่ตรงกลางมากพอที่จะแสดงผลของระบบนำทางได้อย่างชัดเจนขึ้น

ถ้าใครคิดว่าหน้าปัด Live Cockpit มองยาก สู้หน้าปัดแบบเก่าไม่ได้ BMW เขาก็คิดเผื่อมาให้โดยการติดตั้งจอแสดงข้อมูลแบบฉายขึ้นบนกระจกหน้า (Head-Up Display-HUD) ซึ่งมีหน้าตาของข้อมูลและตัวเลขล้ำสมัยกว่า HUD ของ BMW ในยุคก่อน สามารถแสดงค่าความเร็ว การนำทาง สัญญาณไฟเตือนและข้อมูลอื่นๆในรูปแบบที่ดูง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และหากกดเลือกโหมดการตอบสนองของรถเป็นแบบ Sport หรือ Sport + ข้อมูลบน HUD ก็จะโชว์มาตรวัดรอบพร้อม Shift Indicator วาบไฟเพื่อชี้แนะจุดเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมได้อีกด้วย

คันเกียร์เป็นผลึกแก้วใส เวลากลางคืนจะมีดวงไฟเรืองแสงส่องผ่านตัวเลข “8” บนหัวเกียร์อย่างสวยงาม บริเวณรอบคันเกียร์ก็จะเป็นที่อยู่ของบรรดาสวิตช์ต่างๆ สิ่งที่แปลกแตกต่างจาก BMW รุ่นที่แล้วมาก็คือปุ่มสตาร์ทย้ายจากบริเวณแดชบอร์ดมาอยู่ตรงคันเกียร์ สวิตช์เลือกโหมด Driving Experience Control อยู่ในตำแหน่งที่คล้ายกับซีรีส์ 7 และมีโหมด Adaptive ซึ่งจะใช้สมองกลควบคุม ปรับไปมาระหว่างโหมดต่างๆเองโดยพิจารณาจากพฤติกรรมการขับและความเร็วที่ใช้

สำหรับระบบช่วยเหลือในการขับขี่นั้น 8 Series/8 Series Convertible ทุกคันจะมีระบบ Cruise Control แบบมาตรฐานพร้อมระบบความปลอดภัย เตือนชนคนเดินถนน และระบบเบรกอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (City Braking) อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถเลือกสั่ง Adaptive Cruise Control with Stop & Go Function ซึ่งก็คือเรดาร์ครูสคอนโทรล ที่สามารถรักษาระยะห่างกับรถคันหน้า ลดความเร็วเมื่อมีรถช้ามาขวาง และเร่งความเร็วคืนกลับเมื่อรถคันที่ขวางเปลี่ยนเลนหลบไป ส่วน Stop & Go Function ก็ช่วยให้คุณสามารถเซ็ตความเร็ว Cruise Control จากนั้นให้สมองกลของรถควบคุมการเร่ง, รักษาความเร็ว และเบรกจนความเร็วเหลือศูนย์ได้ โดยเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ก็สามารถเร่งความเร็วตามคันหน้าไปได้โดยอัตโนมัติ แต่ตัวรถจะต้องจอดอยู่กับที่ได้ไม่เกิน 30 วินาที หากเกินกว่านั้น จะต้องกดปุ่ม/คันเร่งอีกครั้งเพื่อให้ระบบกลับมาทำงาน

นอกจากนี้ หากคุณต้องการสัมผัสเทคโนโลยี Autonomous Driving ก็ต้องยอมเสียเงินสั่งแพ็คเกจ Driving Assistant Professional ซึ่งเป็นการเอา Adaptive Cruise Control มารวมกับฟังก์ชั่นควบคุมการหมุนพวงมาลัย ซึ่งจะทำให้ซีรีส์ 8 ของคุณเร่งเอง เบรกเอง และเลี้ยวไปตามเลนเองได้

Engine Choices: มีแค่สองแบบเหมือนรุ่น Coupe

เครื่องยนต์ของตัวแรงอย่าง M850i xDrive Convertible จะใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo V8 ติดตั้งเทอร์โบชาร์จแบบ Twin-scroll เอาไว้ 1 คู่ระหว่างแบงก์ฝาสูบ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Direct Injection ความจุ 4,395 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ x ช่วงชัก เท่ากับ 89.0 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 ให้แรงม้าสูงสุด 530 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,600 รอบต่อนาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ อัตราทดเกียร์ดังนี้

  • เกียร์ 1 – 5.500
  • เกียร์ 2 – 3.520
  • เกียร์ 3 – 2.200
  • เกียร์ 4 – 1.720
  • เกียร์ 5 – 1.317
  • เกียร์ 6 – 1.000
  • เกียร์ 7 – 0.823
  • เกียร์ 8 – 0.640
  • เกียร์ ถอยหลัง 3.993
  • อัตราทดเฟืองท้าย 2.813

ทั้งหมดนี้รวมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ xDrive BMW เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.9วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (อัตราเร่ง 0-100 ช้ากว่ารุ่น M850i xDrive Coupe อยู่ 0.2 วินาที)

นอกจากนี้ M850i ยังได้เฟืองท้ายแบบ Electronic Rear-Differential Lock ซึ่งสามารถควบคุมการหมุนของล้อหลังซ้ายและขวา ให้หมุนไปพร้อมกัน เป็นชุดคลัตช์อิเล็กทรอนิกส์ สั่งการโดยระบบเดียวกับที่คอยควบคุม DSC

ส่วน 840d xDrive Convertible นั้น ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง TwinPower Turbo พร้อมเทอร์โบชาร์จแบบ Multistage ที่มีทั้งโข่งแรงดันสูงและต่ำพร้อมระบบ Variable Intake Geometry (ครีบแปรผัน) จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดคอมมอนเรลแรงดัน 2,500 บาร์ ความจุกระบอกสูบ 2,993 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 84.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 ให้แรงม้าสูงสุด 320 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic อัตราทดแต่ละเกียร์เท่ากันกับ M850i Convertible ต่างกันเพียงแค่อัตราทดเฟืองท้ายที่ลดลงเหลือ 2.647 เพื่อให้เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งใช้รอบต่ำกว่า

แม้ว่าจะแบกน้ำหนักเพิ่มจากตัว Coupe ตั้ง 125 กิโลกรัม 840d Convertible ก็ยังสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 5.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (อัตราเร่ง 0-100 ช้าลงกว่ารุ่น Coupe 0.3 วินาที)

Chassis & suspension: เกิดจากทีมมอเตอร์สปอร์ต

ระบบบังคับเลี้ยวของ 8 Series/8 Series Convertible ใหม่ เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS พร้อมระบบ Integral Active Steering ที่สามารถปรับอัตราทดพวงมาลัยได้ โดยอัตราทดตั้งต้นจะอยู่ที่ 16.3:1 แต่จะสามารถปรับให้เหมาะกับการขับขี่ เช่นที่ความเร็วต่ำ หมุนพวงมาลัยไม่เยอะ แต่รถเลี้ยวได้เยอะขึ้น ทำให้เข้าออกจากช่องจอด วิ่งสลาลอม หรือกลับรถตามจุดแคบๆได้คล่องตัว หากใช้ความเร็วสูงมากขึ้น สมองกลที่ควบคุมชุดพวงมาลัยจะเลือกโหมดพวงมาลัยที่ไวพอเหมาะ เพื่อให้ได้เสถียรภาพสูงสุดในยามหักหลบอุปสรรคต่างๆ ในขณะเดียวกันพวงมาลัยก็จะไม่ไวเกินจนทำให้เกิดความเครียดระหว่างเหาะไปบนเอาโต้บาห์นที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

นอกจากนี้ซีรีส์ 8 ใหม่ทุกคันยังมาพร้อมกับระบบเลี้ยว 4 ล้อ โดยที่ล้อคู่หลังจะสามารถกระดิกซ้ายขวาได้ 2.5 องศา ถ้าหากใช้ความเร็วไม่เกิน 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อหักพวงมาลัย ล้อคู่หลังจะหมุนสวนทิศกับล้อหน้า ทำให้รถตอบสนองต่อการหักเลี้ยวได้ไวขึ้นโดยทำงานประสานกันกับระบบ Integral Active Steering แต่ถ้าความเร็วเกิน 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อหักเลี้ยว ล้อหลังจะหันในทิศเดียวกับล้อหน้า (แต่หันแค่ไม่เกิน 2.5 องศา) ซึ่งช่วยให้เสถียรภาพและการถ่ายน้ำหนักระหว่างหักเลี้ยวเป็นไปอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Five-link พร้อมโช้คอัพแบบ M Adaptive Damper ซึ่งสามารถปรับความหนืดของโช้คอัพโดยแปรผันไปตามสภาพการขับขี่ ในรุ่น M850i มีออพชั่นพิเศษอย่าง Active roll stabilisation ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเหล็กกันโคลงที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งแรงผลักสวนทางเวลาช่วงล่างด้านใดด้านหนึ่งยุบตัวลง ทำหน้าที่เสริมประสานการทำงานของโช้คอัพ เพื่อช่วยให้ตัวรถมีเสถียรภาพที่ดีจากตัวถังที่ยวบโคลงน้อยลง แต่เมือวิ่งทางตรงจะตัดการทำงานของระบบ ปล่อยให้ช่วงล่างซ้ายและขวามีการขยับยุบและยึดแตกต่างกันได้ตามสภาพผิวถนน

ระบบเบรก ให้ชุดเบรก M Sport มาทั้งในรุ่น 840d และ M850i แต่มีสเป็คที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองรุ่นจะได้คาลิเปอร์หน้าสีน้ำเงิน แบบ 4 Pot ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 1 Pot จานเบรกของ 840d จะมีขนาด 374 มิลลิเมตร แต่สามารถสั่งแพ็คเกจเบรก M-Technic แล้วจะได้ขยายเป็นขนาด 395 มิลลิเมตร ส่วน M850i จะได้ขนาด 395 มิลลิเมตรเป็นมาตรฐานจากโรงงาน

ล้อและยางของรุ่น 840d ในสเป็คมาตรฐาน ด้านหน้าจะเป็นขนาด 245/45R18 และด้านหลัง 275/40R18 ลูกค้าสามารถเลือกสั่งแพ็คเกจ M Sport ซึ่งจะขยายขนาดล้อเป็น 19 นิ้ว จับคู่กับยาง 245/40R19 และด้านหลัง 275/35R19 และถ้านั่นยังถือว่าแก้มยางหนาไป (สำหรับบางท่าน) ก็แนะนำให้เสียเงินให้สุดกับแพ็คเกจ M Technic Sport แล้วจะได้ยาง 245/35R20 กับ 275/30R20 พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ส่วนรุ่น M850i นั้นจะได้ชุดแพ็ค M Technic Sport ล้อ 20 นิ้วมาจากโรงงาน

สำหรับระบบความปลอดภัย คงไม่ต้องพูดถึงว่ารถระดับนี้จะต้องมีอะไรมาให้บ้าง แต่บอกได้ว่ามี

  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assistant
  • ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติ Driving Assistant including Collision Warning and Pedestrian Warning system with City Braking function
  • ระบบ Lane Departure Warning and Lane Change Warning
  • ระบบ Rear Cross Traffic Alert, Rear Collision warning
  • ระบบช่วยจอดและถอยรถ Parking Assistant including Reversing Assistant.

สรุปรายละเอียดเบื้องต้น

ในขณะที่ 8 Series ตัวคูเป้กำลังเริ่มขายจริงในตลาดโลก ทางเลือกของผู้บริโภคก็ถูกหันเหความสนใจไปด้วยเวอร์ชั่นเปิดหลังคา ซึ่งอันที่จริงแม้ว่าซีรีส์ 8 ในอดีตไม่เคยมีเวอร์ชั่นเปิดประทุนแบบนี้ แต่ในความเป็น Flagship car ที่ต้องรองรับรสนิยมคนหลายรูปแบบ นับว่า BMW ตัดสินใจถูกที่เสนอทางเลือกนี้ และสามารถออกแบบสไตล์ตัวถังมาได้ถูกสำหรับกลุ่มลูกค้า ไม่ดูเปรี้ยวจนเกินไป แต่ก็เป็นผู้ใหญ่ และมีความดุดันแบบเจ้าพ่อที่ปรามลูกน้องได้เพียงแค่การจ้อง

เทคโนโลยีการขับเคลื่อน รวมถึงช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว มีแม่แบบที่ดีอย่างตัว Coupe ซึ่งถูกพัฒนามาพร้อมกับรถแข่งของจริง ทำให้เชื่อได้ว่าแม้ความสนุกอาจจะลดทอนลงจากรุ่นหลังคาแข็งบ้าง (จากน้ำหนักตัวที่ต่างกัน 125 กิโลกรัม) แต่มันต้องไม่ทำให้เป็นที่สังเกตได้เด่นชัด ลูกค้า 8 Series Convertible อาจจะสนุกกับการเอารถของเขาไล่กวดรถสปอร์ตของค่ายอื่นเป็นว่าเล่นโดยไม่รู้สึกเลยว่านี่คือรถเปิดประทุนตัวหนักสองตัน

สำหรับในตลาดโลก BMW จะพร้อมขาย 840d กับ M850i Convertible ในเดือนมีนาคม 2019 ส่วนในประเทศไทย อย่าเพิ่งถามเลยครับว่าจะมาไหม ถ้าตัว Coupe มาได้ โอกาสที่ตัว Convertible จะตามมา มันก็พอมีอยู่บ้าง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมีเงินคงต้องลุ้นกันเอา ส่วนทางทีมงานคงไม่ต้องลุ้น เพราะเกินจะเอื้อม


The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments