Nurburgring 24H: BMW จบอันดับ 2 ROWE Racing วิ่งฟัดสู้สุดใจ มีชัยกลับบ้าน

ในที่สุดงานแข่ง Nurburgring 24 Hours ศึกเสียวนรกเขียวทรหดภาค 45 ก็จบลงด้วยดี ทีม ROWE Racing M6 GT3 หมายเลข 98 ของทีม ROWE Racing ขับโดย Alexander Sims (GBR), Markus Palttala (FIN), Nick Catsburg (NED) และ Richard Westbrook (GBR) คว้าอันดับ 2 ไปครองได้สำเร็จท่ามกลางความดีใจของทีมและผู้เกี่ยวข้อง

การแข่งขั้นครั้งนี้ ทำให้คนยิ่งเข้าใจธรรมชาติของมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น เพราะแม้จะแข่งมาเกือบ 1 วัน ทุกอย่างยังพลิกล็อคได้เสมอ ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการแข่ง ฝนก็เทลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้หลายทีมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรต่อไป บางทีมก็พยายามดันให้สุดโดยการใช้ยางสลิค ซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะด้วยพลังของรถ กับความเร็วขนาดนั้น และแอ่งน้ำที่มีอยู่มากในสนามนรกเขียว ทำให้หลุดการควบคุม ไม่สามารถขับให้เร็วได้เท่าที่ต้องการ

Nick Catsburg นักขับผลัดสุดท้ายในรถหมายเลข 98 ตัดสินใจเปลี่ยนจากยางสลิคเป็นยางสำหรับลุยฝนในช่วงท้ายของการแข่ง นั่นคือการตัดสินใจที่ช่วยเซฟอนาคตของทีมเป็นอย่างมาก ไม่ว่านั่นจะมาจากความต้องการของ Catsburg เอง หรือเป็นคำสั่งของผู้กำกับทีมก็ตาม

“ก่อนหน้านี้ก็ทราบมาก่อนแล้วว่ามันมีโอกาสที่ฝนจะตก แต่พอมาขับจริงผมรู้สึกว่า..จะเป็นไปได้ยังไงอาทิตย์ส่องแสงฟ้าใสซะขนาดนี้ ในระหว่างขับทางทีมก็รายงานวิทยุเข้ามาว่ามีฝนตกบางจุดของสนาม” เขาบอก

อย่าลืมนะครับว่า Nurburgring เป็นสนามที่มีขนาดใหญ่มาก มันเป็นไปได้ที่ฝนจะตกแค่บางจุดของสนามอยู่แล้ว

“แต่พอผมขับไปถึงตรงที่ทีมบอก..มันก็แห้งสนิท ผมเจอแบบนี้ 2 ครั้ง แล้วจู่ๆ ฝนก็เทโครมลงมาเลย แต่ผมมองดูสภาพถนนแล้วยังไหว ก็เลยใช้ยางสลิควิ่งต่อไปได้อีก 2 รอบ แต่จากจุดนั้นมาพื้นสนามก็เจิ่งนองไปด้วยน้ำ แทบจะคุมรถไม่ได้เลย” Catsburg จึงเปลี่ยนไปใช้ยาง Wet track แทน “ในรอบสุดท้ายรถวิ่งดีมากครับ เราไล่ทำอันดับกลับมาอยู่ที่ 2 ได้ ผมรู้สึกดีมากที่ทำได้ขนาดนี้”

Hans-Peter Naundorf ผู้จัดการทีม ROWE RACING กล่าวเสริมว่า “มันน่าตื่นเต้น ลุ้นไปตลอด คิดดูครับหลังจากขับมา 23 ชั่วโมง จู่ๆเทวดาก็เล่นตลกก่อนจบการแข่งขัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราเกือบได้ที่ 1 แล้วเชียว แต่ต้องยอมรับว่า Nick ขับได้ดีมากในฐานะนักแข่งผลัดสุดท้ายนะครับ ถ้าเป็นคนอื่น ขับบนยางสลิคแล้วเจอฝนแบบนี้รับรองว่าชนเละไปแล้ว ดังนั้นต้องขอบคุณเขามากที่พยายามสู้อย่างสุดใจไม่ประสาทกินไปเสียก่อน ถ้ามองในภาพรวม อันดับ 2 นี่ก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว”

ส่วนทีมอื่นๆเป็นอย่างไรก็บ้างนั้น BMW Team Schnitzer หมายเลข 42 พลาดตำแหน่ง Top 3 ไปอย่างน่าเสียดาย แต่แม้จะไม่ได้เหยียบโพเดียม อันดับที่ 4 ของรุ่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร นี่ถ้าไม่ใช่ว่าไปเจอปัญหาช่วงระหว่างจอดเติมน้ำมันเมื่อตอนกลางคืน อันดับอาจจะดีกว่านี้ได้อีก ส่วนรถหมายเลข 43 ประสบอุบัติเหตุ โดนรถคันอื่นสะกิด ทำให้รถวิ่งไม่ปกติ และชนเข้ากับกำแพงในรอบหลัง ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไป 5 ชั่วโมงก่อนจบการแข่ง

รถหมายเลข 20 ของทีม Schubert Motorsport ได้อันดับที่ 11 และหมายเลข 19 ได้อันดับ 12 ส่วนรถหมายเลข 33 ของทีม Falken Motorsport ได้อันดับ 8 Overall ในขณะที่ทีม Walkenhorst นั้นแม้จะเสีย M6 GT3 ไปคันหนึ่ง แต่ Z4 GT3 อีกคันก็ยังเข้าเส้นชัยได้ด้วยอันดับที่ 18

ในท้ายที่สุด นักขับแต่ละคนก็ฟันฝ่า หลายคนจบการแข่งโดยสามารถวิ่งได้ 158 รอบสนามที่ยาว 25.378 กิโลเมตรแห่งนี้ ถ้านับเทียบกับเวลาแล้ว เท่ากับว่าพวกเขาแต่ละคนต้องผลัดกันขับแข่งจนได้ระยะทางเท่ากับ 4,000 กิโลเมตร และทำความเร็วเฉลี่ย (ที่รวมเวลาจอดเพื่อเซอร์วิส) ได้ถึง 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในสภาพการณ์ที่สุดยากจะคาดเดา อย่างเช่นที่เราเห็นในตอนสุดท้ายของการแข่งประจำปีนี้

นับว่าเป็นโชคดีของคนที่ได้ติดตามการแข่งอย่างใกล้ชิด ได้เห็นของดีๆไปเยอะ ปีหน้าฟ้าใหม่ กลับมาสู้กันอีกครั้งครับ!

 

Source: BMWGroup Press

 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments