เปิดตัว BMW Vision iNEXT รถคอนเซ็ปต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปูทางสู่ BMW iNEXT ขายจริงปี 2021

สวัสดีชาวบิมเมอร์ทุกท่านครับ วันนี้ BMW ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์ที่มีความสำคัญต่อบริษัทฯ อย่างมาก เพราะนี่จะเป็นตัวบ่งบอกอนาคตของรถยนต์ BMW ที่จะเปิดตัวในช่วงปี 2021-2025 เกือบทั้งหมด ทั้งในแง่มุมของดีไซน์ เทคโนโลยี การขับเคลื่อน และ รูปแบบในการเดินทางของผู้คนในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่ง BMW ใช้ชื่อรถยนต์คันนี้ว่า BMW Vision iNEXT

BMW Vision iNEXT World Flight

ผมได้รับเกียรติจาก BMW ให้เป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกสุดของโลก เข้าร่วมงานเปิดตัวรถยนต์ BMW Vision iNEXT ที่ถูกจัดขึ้นในรูปแบบพิเศษที่สุดเท่าที่ผมได้เคยไปร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใดๆ มาตลอด 10 ปีเลยครับ เพราะ BMW Vision iNEXT คันนี้ ทำการเปิดตัวกัน “บนเครื่องบิน” เลยทีเดียว แถมยังเป็นการเปิดตัวที่ใช้เวลานานถึง 5 วัน เพราะเครื่องบินลำนี้ ได้นำรถยนต์ BMW Vision iNEXT ไปยัง 4 เมืองใหญ่รอบโลก เพื่อนำคอนเซ็ปต์ของ BMW ไปนำเสนอต่อเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ BMW นั่นเอง

BMW Group ได้ร่วมกับสายการบิน Lufthansa ดัดแปลงเครื่องบินขนส่งสินค้า Boeing 777 Freighter หรือ 777F จำนวน 1 ลำ ให้เป็นพื้นที่ในการเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์รุ่นนี้ และเพ้นต์ลาย BMW Vision iNEXT เอาไว้ด้านนอกของเครื่องบิน เริ่มทำการบินไปเปิดตัวที่สนามบินมิวนิก (MUC) ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน จากนั้นก็บินต่อไปยังสนามบินนิวยอร์ก (JFK) , สนามบินซานฟรานซิสโก (SFO) และไปสิ้นสุดที่การเปิดตัวที่สนามบินปักกิ่ง (PEK) ในวันที่ 13 กันยายน ก่อนจะบินกลับมายังฐานของ Lufthansa ที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตในวันถัดมา ถือเป็นภารกิจ iNEXT World Flight บินรอบโลก 4 เมือง 5 วัน ครอบคลุม 3 ภูมิภาคหลัก ที่ exclusive อย่างมาก

การดัดแปลงเครื่องบิน Boeing 777F เป็นงานเปิดตัวรถยนต์ครั้งนี้ ต้องทำการเดินสายไฟในเครื่องบินเป็นจำนวนมาก โดยความยาวของสายไฟที่ติดตั้งเข้าไป มีความยาวรวมถึง 7.5 กิโลเมตร ใช้หลอดไฟ LED 78,000 ดวง และใช้โปรเจกเตอร์ขนาด 13,000 ANSI lumen จำนวน 10 ตัว ติดตั้งอยู่ภายใน ต้องทำพื้นแพลทฟอร์มภายในเครื่องบินใหม่ทั้งหมด ให้รองรับน้ำหนักได้ 30 ตัน และต้องเป็นพื้นที่มีความมั่นคงมากพอสำหรับการวางรถ BMW Vision iNEXT ให้หมุนได้รอบทิศ รวมถึงสามารถขับเคลื่อนได้ภายในตัวเครื่องบิน

เอาแค่ตอนที่ยังไม่ได้เห็นตัวรถ ผมก็ทึ่งกับความสุดยอดของการเตรียมงานนี้แล้วล่ะครับ

BMW Vision iNEXT

BMW iNEXT ถือว่าเป็นโปรเจคใหญ่ที่สุดของ BMW นับจาก BMW ได้ทำการเปิดตัวแบรนด์ BMW i ในยุคแรกเลยครับ ซึ่งตอนนั้น ในปี 2013 BMW ได้เผยโฉม BMW i3 และ BMW i8 ออกมาเขย่าตลาด และบุกเบิกความเป็นไปได้ในการผลิตรถยนต์ในเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ผสานการใช้พลังงานไฟฟ้าในยานยนต์ ด้วยแพลทฟอร์มการผลิตและออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้รับการตอบรับจากทั่วโลกเป็นอย่างดี จนพลังงานไฟฟ้าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตรถยนต์ของทั้ง BMW เอง, การผสานพลัง plug-in hybrid ในซีรีส์ของ iPerformance และทั้งจากรถยนต์แบรนด์อื่นๆ ด้วย .. พอเดินทางมาถึงปีนี้ ก็เป็นคำถามใหญ่ให้กับ BMW อีกครั้ง ว่าแล้วในอนาคตล่ะ รถยนต์ในแนวคิดของ BMW จะเป็นอย่างไรต่อไป? ..

โปรเจค BMW iNEXT ออกมาตอบคำถามนี้ ด้วยการตั้งเป้าว่ารถยนต์ในอนาคตของ BMW จะเน้น 5 หัวข้อใหญ่ คือ Design , Autonomy , Connectivity , Electric , Services หรือ BMW เรียกรวมๆ ว่า D+ACES ซึ่งทั้งหมด ได้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน มาเป็นรถยนต์คอนเซ็ปต์ BMW Vision iNEXT คันที่เปิดตัวในวันนี้ และจะผลิตเพื่อวางจำหน่ายจริงในปี 2021 หรืออีกแค่ 3 ปีข้างหน้านี้แล้ว

BMW เลือกใช้ตัวถังแบบ Sport Activity Vehicle เพื่อให้รถคันนี้มีความเอนกประสงค์ที่สุด มีการออกแบบโดยใช้เส้นสายจำนวนน้อยเส้นมากๆ แต่ทุกเส้นมีความแหลมคม ใช้สีตัวถัง Liquid Greyrose Copper แบบด้าน ส่วนหน้าของรถถูกดึงความสนใจไปที่กระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่มากๆ และไม่มีเส้นแบ่งตรงกลาง ฉีกแนวจากรถยนต์ BMW ทุกคันในอดีต จนเกิดคำถามถึงการดีไซน์ Kidney Grill ของ BMW ว่าจะมาในทิศทางนี้จริงหรือไม่

ก่อนที่จะไปถึงดีไซน์อื่นๆ ของตัวรถ ผมได้ข้อมูลจาก Adrian van Hooydonk หัวหน้าทีมดีไซน์ของ BMW ว่า กระจังหน้าไตคู่ของ BMW Vision iNEXT ที่มีขนาดใหญ่โต และไม่มีเส้นแบ่งระหว่างไตส่วนซ้ายกับขวานี้ มีเหตุผลที่แตกต่างจากการดักอากาศของกระจังหน้าไตคู่ของรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงในอดีต แต่ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันนี้ มีการฝังเอาเซนเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนอัตโนมัติต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เช่นเซนเซอร์ป้องกันการชน และเซนเซอร์การวัดระยะห่างจากรถยนต์คันข้างหน้า เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ไฟหน้าถูกออกแบบให้มีความเรียวเล็ก มีเส้นสายของหลอดไฟเป็นลักษณะของดวงตา 4 ดวง ที่เป็นซิกเนเจอร์ของไฟหน้าในรถยนต์ BMW

ด้านข้างของตัวรถ เด่นด้วยเส้นสายจำนวนน้อย และดูโปร่งมากจากมิติครึ่งบนของตัวรถที่เป็นกระจกทั้งหมด ไม่มีเสากลางรถ และประตูเป็นแบบเปิดออกจากกันตรงกลาง คล้ายกับใน BMW i3 แต่ถ้าเทียบมิติของตัวรถโดยรวมแล้ว BMW Vision iNEXT คันนี้มีขนาดเทียบเท่ากับ BMW X5 เลยทีเดียว ตัวรถมีฐานล้อยาว และมีช่วงโอเวอร์แฮงก์ที่สั้น ใช้ล้อใหญ่ถึง 24 นิ้ว ไม่มีกระจกมองข้าง แต่ใช้กล้องมาทดแทน

ด้านท้าย BMW ยังคงยึดรูปทรงไฟท้ายแบบ L Shape โดยปลายของไฟท้ายถูกยื่นล้นมาจากตัวถังของรถ เพื่อให้เป็นช่องผ่านของอากาศ กันชนท้ายมีดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่พร้อมตัดขอบด้วยไฟสีฟ้า สะดุดตา

ส่วนสำคัญของรถคอนเซ็ปต์คันนี้ คือคอนเซ็ปต์ภายในตัวรถ ที่ต้องการเน้นพื้นที่ให้ผู้โดยสารทุกคนให้มากยิ่งขึ้นกว่ารถยนต์ปกติทั่วไป ส่วนหนึ่งก็เพราะ BMW iNEXT จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ผู้โดยสารทุกคนรวมถึงคนขับ ก็จะมีเวลาส่วนตัวในรถกันมากขึ้น พูดคุยหรือสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในรถได้มากขึ้น เบาะหลังมีลักษณะคล้ายม้านั่ง ที่มีพนักพิงเชื่อมต่อกับแผงประตู ส่วนเบาะแถวหน้า ก็สามารถพับพนังพิงศีรษะลงมา ให้สามารถท้าวแขนและหันไปหาผู้โดยสารแถวหลังได้แบบสบาย รวมถึงมีหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหน้า ให้รับชมคอนเทนต์ร่วมกันได้

วัสดุภายในตัวรถ เป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ที่เจ๋งมากคือ รถคันนี้แทบจะไม่มีปุ่มใดๆ เลย ผู้โดยสารเบาะหลังสาสามารถควบคุมหน้าจอได้จากการลากนิ้วลงบนพื้นผิวของที่นั่ง (Intelligent Material) เป็นรูปต่างๆ เพื่อควบคุมได้ทันที เช่น ปาดนิ้วจากซ้ายไปขวา เป็นการเปลี่ยนเพลง หรือเอาสองนิ้วแตะ ถ่างนิ้วออกจากกันเป็นการเพิ่มเสียง เป็นต้น นอกจากนี้ ตัวรถยังรองรับระบบการสั่งงานด้วยเสียง ด้วยระบบผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ ที่เรียกใช้งานได้ทุกเมื่อเพียงแค่สั่ง Hey BMW และตามด้วยคำถามหรือคำสั่งที่เราต้องการ ได้ตลอดเวลา

รถคอนเซ็ปต์คันนี้ รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 4 ด้วย (และเมื่อวางจำหน่ายจริง ก็จะรองรับเช่นกัน) สามารถที่จะปรับโหมดการขับขี่ได้ โดยหากเราเลือกใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ พวงมาลัยก็จะถูกเก็บเข้าไป รวมถึงแป้นเบรกและคันเร่งก็ยุบลงไปรวมกับพื้นที่วางเท้า เพิ่มพื้นที่ให้กับคนขับให้มากขึ้น และไม่ต้องโฟกัสกับท้องถนนแต่อย่างใด หรือถ้าหากคนขับอยากจะขับด้วยตัวเองขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็แตะที่โลโก้ BMW บนพวงมาลัย เพื่อกลับมาสู่โหมดการขับขี่ปกติได้ทุกเวลา

อนาคตแห่งยานยนต์ BMW คือพลังงานไฟฟ้า

BMW ประกาศในงานเปิดตัว BMW Vision iNEXT ว่า ภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้ BMW Group จะมีรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากถึง 25 รุ่น และในนี้ จะมีจำนวน 12 รุ่น ที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ซึ่งแผนในอนาคตอันใกล้ คือ ปีหน้า (2019) จะมี MINI พลังงานไฟฟ้าเปิดตัวเพื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และในปีถัดไป (2020) จะมี BMW iX3 ผลิตออกมาเพื่อวางจำหน่ายจริงเป็นครั้งแรก และจากนั้น ก็จะเป็นคิวของ BMW iNEXT คันที่ได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ในวันนี้นั่นเองครับ

ขอขอบคุณ:
BMW Thailand
BMW USA

บทความโดย:
อู๋ spin9

Comments

comments