เจาะเปลือก รายละเอียด BMW Z4 (G29) กับตัวเลข สเป็ค และ 3 ทางเลือกเครื่องยนต์เทอร์โบ

นี่คือ Z..

แต่นี่ไม่ใช่ Nissan Fairlady ..ถ้าเข้ามาอ่านด้วยเข้าใจว่าเป็นรถค่ายนี้แสดงว่าคุณมาผิดเว็บครับ

Z ในที่นี้ เป็นตัวอักษรที่แสดงถึงมนตราแห่งการเปิดหลังคาโล่งที่ BMW ได้สร้าง และสืบทอดกันมานานครบ 30 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ BMW Z1 เริ่มต้นการผลิตในช่วงปลายปี 1988 และวิวัฒน์พัฒนามาโดยตลอดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเพราะ Z ย่อมาจากคำว่า Zukunft อันเป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า “Future” หรืออนาคตนั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าในยุคสมัยไหนก็ตาม รถ “Z” โรดสเตอร์ของค่ายนี้จะมีเอกลักษณ์การออกแบบที่นำเอาสไตล์จากอนาคตมาสู่ปัจจุบันเสมอ

Z4 เจนเนอเรชั่นล่าสุด รหัสตัวถัง G29 นี้ นับเป็น Z4 รุ่นที่ 3 แต่เป็น Z-car เจนเนอเรชั่นที่ 5 ก่อนหน้านี้ได้มีการเผยโฉมแบบ World Premiere ไปที่งานโชว์รถ Pebble Beach แล้วจะนำไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่งาน Paris Motorshow ในเดือนตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตาม สไตล์การทำตลาดของ BMW เวลาเปิดตัวรถใหม่จะใช้ยุทธวิธีซันวา คือมาเป็นก๊อก ค่อยๆเปิดภาพก่อน จากนั้นโชว์รถคันจริง แล้วค่อยเผยสเป็ครุ่นทั้งหมด แล้วค่อยเอาภาพรถหลากหลายรุ่นมาให้ดูกันอีกที ทำให้สื่อมวลชนมีโอกาสทำข่าวได้หลายรอบ

ในครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเวลาประมาณตีห้าตามเวลาประเทศไทยไก่ยังไม่ตื่น วันที่ 19 กันยายน 2018 BMW Press Website ก็ได้ปล่อยรายละเอียดเพิ่มเติมของ BMW Z4 รุ่นล่าสุด พร้อมเผยข้อมูลตัวเลขต่างๆและรุ่นที่จะมาให้เลือกในช่วงเปิดตัวไปจนถึงวันผลิตขายจริงในช่วงมีนาคม 2019 ผม Pan Paitoonpong ขอนำรายละเอียดเหล่านี้มาให้ท่านชม เผื่อท่านที่หลงใหลในโรดสเตอร์คันนี้มากอยู่แล้ว อาจจะได้เตรียมขายบ้าน ขายรถคันอื่นในบ้าน (ที่ไม่ใช่ BMW) เพื่อเตรียมทำพิธีรับน้องใหม่

ยิ่งถ้าใครได้อ่านข่าวล่าสุดที่ Sport Auto เอา Z4 M40i ไปหวดแล้วทำเวลาได้ดีกว่า M2 สารภาพมาเถอะว่าแค่นั้นมันก็ได้ใจคุณไปแล้วโดยไม่ต้องอ่านบทความนี้ด้วยซ้ำ! แต่ถ้าคุณไม่ได้คิดว่าจะต้องไปไล่ฆ่า M2 ของใครที่ไหน ก็ยังมีรุ่น 4 สูบเทอร์โบอย่าง sDrive20i และ sDrive30i ให้เลือก และด้วยสัญชาติญาณส่วนตัว หนึ่งในสองตัวหลังนี่ล่ะที่พวกเราจะมีโอกาสได้ซื้อใช้กันจริงๆ

DESIGN & CONCEPT: รถโตขึ้นแต่สัดส่วนต้องลงตัว

BMW ยึดถือแนวทางเดิมในการออกแบบ แต่ทุกหัวข้อต้องได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม

สัดส่วนของรถ ยังเป็นแบบหน้ายาว ท้ายสั้น 2 ที่นั่ง เป็นเอกลักษณ์ที่มีมาตั้งแต่ Z1 ตัวถังออกแบบตามแนวคิด “Clean-cut Surface Design” ที่ตัดเอาเส้นสายฉวัดเฉวียนบนตัวถังลง เหลือเฉพาะส่วนที่จำเป็นพอให้รถดูมีมิติ มีมัดกล้าม ช่องรับอากาศด้านหน้าถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ลวดลายกระจังเป็นแบบ Mesh แปลกใหม่ไปจาก BMW รุ่นอื่น ไฟหน้าออกแบบเป็นซ้อน 2 ชั้น ครั้งแรกสำหรับ BMW ที่เลือกดีไซน์ลักษณะนี้มาใช้

ด้านท้ายรถ ใช้ไฟท้าย LED ทรงเรียว ซ่อยความเป็นตัว L เอาไว้ในดวงไฟ ร่วมกับปลายท่อไอเสียแบบแนวนอน ซึ่งส่งผลให้ตัวรถดูแบนกว้างเมื่อมองจากด้านหลัง ฝากระโปรงท้ายออกแบบให้เป็นสปอยเลอร์ในตัวพร้อมไฟเบรกดวงที่สามติดตั้งไว้ตรงกลาง

การออกแบบตัวถังที่ลู่ลม เน้นประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้ Z4 ใหม่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd=0.29 ในรุ่นที่ใช้ล้อมาตรฐานขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่นที่ใช้ล้อ 18 นิ้วบวกกับยางหน้ากว้างจะเพิ่มเป็น 0.31

นอกจากนี้อีกสิ่งที่ทำให้ Z4 ใหม่แตกต่างไปจากเดิมก็คือการเลิกใช้หลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ เปลี่ยนเป็นหลังคาผ้าใบล้วน แต่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิดหลังคาจนจบขั้นตอนได้ภายใน 10 วินาทีเท่านั้น และในระหว่างเปิด/ปิดหลังคาก็สามารถใช้ความเร็วได้แต่ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเปิดหลังคาเล่นตอนรถติดไฟแดงแล้วจู่ๆไว้เขียวสว่าง ความไวในการทำงานของหลังคาบวกกับการอนุญาตให้ใช้ความเร็วได้ระดับนี้ ไม่โดนคันหลังบีบแตรด่าแน่นอน

หลังคาของ Z4 จะมี 2 สีให้เลือก โดยในแบบมาตรฐานจะเป็นสีดำ และมีหลังคาสีแอนทราไซต์แบบ Silver-effect ให้เลือกเสียเงินเพิ่ม ส่วนตัวรถจะมีสีธรรมดาให้เลือก  1 สีและสีเมทัลลิคอีก 8 สี มีการตกแต่งลักษณะของรถให้เลือก 3 แบบ

  • Sport Line – ใช้วัสดุสีดำเงาตกแต่งหน้าและหลังของรถ ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว
  • M Sport – เปลี่ยนกันชนหน้าเป็นแบบ M Sport มีช่องรับลมด้านหน้าแยกเป็น 3 ช่อง สเกิร์ตข้างแบบ M Sport และมาพร้อมกับล้ออัลลอย 18 นิ้ว
  • M Performance Model – มีให้เลือกในรุ่นท้อป M40i เปลี่ยนวัสดุตกแต่งหน้าและท้ายรถเป็นสีเทา Cerium Grey ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

DIMENSION & NUMBERS

BMW Z4 ใหม่ มีความยาวตัวถัง 4,324 มิลลิเมตร ความกว้างตัวถัง 1,864 มิลลิเมตร สูง 1,304 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,470 มิลลิเมตร ในรุ่น sDrive20i และ sDrive30i จะมีระยะแทร็คล้อหน้ากว้าง 1,609 มิลลิเมตร ด้านหลังกว้าง 1,616 มิลลิเมตร ความสูงจากจุดต่ำสุดใต้ท้องรถถึงพื้น 117 มิลลิเมตร ในขณะที่รุ่น M40i ซึ่งใช้ล้อและยางขนาดใหญ่และกว้างกว่า จะลดระยะความกว้างแทร็คล้อลงเหลือ 1,594 และ 1,589 มิลลิเมตรตามลำดับ ในขณะที่ความสูงใต้ท้องรถจะลดลงเหลือ 114 มิลลิเมตร ถังน้ำมันขนาด 52 ลิตร ความจุพื้นที่ใต้ฝากระโปรงท้าย 281 ลิตร (เพิ่มจากรุ่นเดิม 50%)

หากเทียบกับรุ่นที่แล้ว Z4 ใหม่นั้นยาวกว่าเดิม 85 มิลลิเมตร กว้่างขึ้น 74 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 13 มิลลิเมตรในขณะที่ฐานล้อสั้นลง 26 มิลลิเมตร ซึ่งมิติรถในลักษณะนี้น่าจะทำให้รถสะบัดท้ายออกได้ง่ายขึ้น แต่ BMW ก็ชดเชยด้วยการขยายความกว้างแทร็คล้อหน้าเพิ่มขึ้นถึง 98 มิลลิเมตร และแทร็คล้อหลังเพิ่มอีก 57 มิลลิเมตร

น้ำหนักตัวถัง วัดตามมาตรฐาน EU และใช้รถสเป็คมาตรฐานจากโรงงาน

  • รุ่น sDrive20i – 1,480 กิโลกรัม
  • รุ่น sDrive30i – 1,490 กิโลกรัม
  • รุ่น M40i – 1,610 กิโลกรัม

INTERIOR: หรูหราทันสมัยขึ้น

ภายในของรถ ได้รับการออกแบบตามแนวคิด Driver-focused โดยที่แผงคอนโซลกลางจะหันเข้าหาคนขับ อุโมงค์เกียร์ยกขึ้นสูงเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนชุดออกกำลังกายที่ห่อหุ้มคนขับเอาไว้แบบที่พอดีเป๊ะ

รุ่น sDrive30i จะตกแต่งภายในด้วยหนังแบบ Vernasca มีให้เลือก 4 สีคือ ดำ, ขาวงาช้าง, สี Cognac และ Magma Red เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีตัดกัน ในขณะที่รุ่น M40 จะได้ภายในเป็นหนัง ตกแต่งเพิ่มเติมบางส่วนด้วย Alcantara เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีฟ้า รุ่น M Sport และ M Performance จะได้พวงมาลัย M Sport มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน วัสดุตกแต่งเสริมภายใน ถ้าเป็นแบบมาตรฐาน จะเป็นวัสดุสีเงิน Quartz Silver แต่ถ้าไม่ชอบ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นวัสดุสีดำเงา, หรือ Aluminium Mesh Effect หรือ Aluminium Tetragon ได้

เบาะนั่งของ Z4 เป็นแบบที่ดีไซน์มาใช้เฉพาะกับรถรุ่นนี้ ไม่ได้แชร์กันใช้กับรุ่นอื่น พนักพิงศีรษะเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันกับพนักพิงหลัง และถัดจากเบาะไปด้านหลัง ก็จะมี Rollover bar (แท่นที่ทำไว้กันหัวกระแทกเวลาพลิกคว่ำ) มาไว้ให้ การทำสี Rollover bar ในแต่ละรุ่นก็จะต่างกัน ถ้าเป็นรุ่น Sport Line จะเป็นสีอะลูมิเนียมด้าน รุ่น M Sport จะเป็นสีดำเงา และรุ่น M40i M Performance จะเป็นสี Cerium Grey รับกับวัสดุตกแต่งกันชน

บริเวณคอนโซลกลางจะมีจอขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW OS 7.0 ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Gesture Control และระบบนำทาง ควบคุมโดยแตะที่จอหรือผ่านสวิตช์ iDrive

บริเวณรอบคันเกียร์ก็จะเป็นที่อยู่ของบรรดาสวิตช์ต่างๆ ปุ่มสตาร์ทถูกย้ายมาอยู่ข้างคันเกียร์เหมือนกับซีรีส์ 8 สวิตช์เลือกโหมด Driving Experience Control อยู่ในตำแหน่งที่คล้ายกับซีรีส์ 7 และมีโหมด Adaptive ซึ่งจะใช้สมองกลควบคุม ปรับไปมาระหว่างโหมดต่างๆเองโดยพิจารณาจากพฤติกรรมการขับและความเร็วที่ใช้

นอกจากดีไซน์จะใหม่แล้ว ยังมีอุปกรณ์เพิ่มเติมเอาใจนักซิ่ง เช่นจอ HUD ฉายข้อมูลความเร็วและระบบนำทางขึ้นกระจกหน้า เป็นแบบสี ถ้าใครชอบฟังเครื่องเสียง ก็สามารถอัปเกรดจากชุดมาตรฐานเป็นแบบ 205 วัตต์ 10 ลำโพงได้ หรือถ้าให้สุดจริ ก็สั่งชุด Harman Kardon Surround Sound System พร้อม 12 ลำโพง กำลังขับ 464 วัตต์ กุญแจรถ เปลี่ยนมาเป็นแบบ Digital Key เช่นเดียวกับ BMW สมัยใหม่รุ่นอื่น และแน่นอนว่ามีระบบสื่อสารและแอพพลิเคชั่น BMW Connected Drive ที่ใช้เทคโนโลยี IT เข้ามาช่วยทั้งในด้านการอำนวยความสะดวก การเช็คสถานะของตัวรถ รวมไปถึงด้านความปลอดภัยอย่างระบบเรียกหน่วยกู้ภัยเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน

หน้าปัดของ Z4 ใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่เรียกว่าหน้าปัดแบบ BMW Live Cockpit Professional ซึ่งใช้เป็นครั้งแรกใน X5 และตามมาด้วยซีรีส์ 8 หน้าปัดแบบนี้จะเป็นจอสีขนาด 10.25 นิ้ว (เล็กกว่าของซีรีส์ 8) ได้รับการจัดพื้นที่และการวางแนวมาตรวัดใหม่ โดยเฉพาะมาตรวัดรอบซึ่งจะเดินทิศสวนทางกับวัดรอบของรถปกติ การวางตำแหน่งแบบใหม่นี้ ทำให้เหลือพื้นที่ตรงกลางมากพอที่จะแสดงผลของระบบนำทางได้อย่างชัดเจนขึ้น

NEW TECHNOLOGY

นอกจากมีตัวถังที่ใหม่หมดจดแล้ว BMW Z4 ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ในรถตระกูล Z เป็นครั้งแรกอีกหลายอย่าง อาทิเช่น

  • ระบบ Active Cruise Control รักษาความเร็ว และระยะห่างจากรถคันหน้าเองโดยอัตโนมัติ และมีฟังก์ชั่น Stop & Go ที่สามารถหยุดรถจนนิ่งสนิทและออกรถได้เองถ้าไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่นานเกิน 30 วินาที ทำให้ Z4 มีขีดความสามารถในการขับแบบกึ่งอัตโนมัติและช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าในสภาพการจราจรแบบที่จะไปก็ไม่ไปจะหยุดก็ไม่หยุด (เป็นอุปกรณ์เสริม)
  • Lane Departure Warning เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน Collision and Pedestrian Warning พร้อมระบบหยุดรถอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ City Braking เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
  • ไฟหน้าในทุกรุ่นย่อย เป็นแบบ LED และมีไฟหน้าแบบ Adaptive LED with Matrix function เป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษ
  • ระบบ Lane Change Warning, Rear Cross Traffic Alert, ระบบ PDC, ระบบจอดรถอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์เสริม

ENGINE CHOICES: 3 ทางเลือกในช่วงเปิดตัว ยังไม่มีรุ่นดีเซล

ในช่วงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ BMW จะมีทางเลือกทางด้านเครื่องยนต์ให้ลูกค้าเลือก 3 แบบด้วยกัน ซึ่งจะเป็นเครื่อง TwinPower Turbo 2 รุ่น และ M Performance TwinPower Turbo อีก 1 รุ่น

sDrive20i จะใช้เครื่องยนต์ B48 ระบบหัวฉีดตรง แรงดัน 350 บาร์ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ความจุจริง 1,998 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 94.6 มิลลิเมตร ใช้เทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin scroll มีระบบ Valvetronic และระบบแปรผันแคมชาฟท์ Double VANOS (ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย) แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 197 แรงม้าที่ 4,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,450-4,200 รอบต่อนาที

sDrive30i จะใช้เครื่องยนต์ B48 ท่อนล่างและตัวเครื่องเกือบจะเหมือนตัว 20i แต่ปรับจูนให้แรงขึ้น ขนาด 2.0 ลิตร ความจุจริง 1,998 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 94.6 มิลลิเมตร ใช้เทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin scroll มีระบบ Valvetronic และระบบแปรผันแคมชาฟท์ Double VANOS (ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย) แรงม้าสูงสุดเพิ่มเป็น 258 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดโดดไป 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,550-4,400 รอบต่อนาที

ท้ายสุดกับเครื่องยนต์ตัวแรงสุดใน M40i ขยับไปใช้ขนาด 6 สูบบล็อค B58 ระบบหัวฉีดตรงแรงดัน 350 บาร์ 3.0 ลิตร ความจุกระบอกสูบจริง 2,998 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ 82.0 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 94.6 มิลลิเมตร (ขนาดกระบอกเท่ารุ่น 4 สูบ แต่อาศัยที่จำนวนเพิ่มเป็น 6 สูบ) ใช้เทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin scroll มีระบบ Valvetronic และระบบแปรผันแคมชาฟท์ Double VANOS (ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย) แรงม้าสูงสุดเรียกออกมาได้ 340 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,500 รอบต่อนาที

เครื่อง 6 สูบรุ่นนี้ จะมีท่อร่วมไอเสียที่มีน้ำหล่อเย็นวิ่งเข้าไประบายความร้อนด้วย

ระบบส่งกำลังจะมีเพียงแบบเดียวคือเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic Sport ซึ่งมีอัตราทดเกียร์ดังนี้

  • เกียร์ 1 – 5.250
  • เกียร์ 2 – 3.360
  • เกียร์ 3 – 2.172
  • เกียร์ 4 – 1.720
  • เกียร์ 5 – 1.316
  • เกียร์ 6 – 1.000
  • เกียร์ 7 – 0.822
  • เกียร์ 8 – 0.640
  • เกียร์ ถอยหลัง 3.712
  • อัตราทดเฟืองท้าย 3.154

รุ่น sDrive20i, sDrive30i และ M40i จะใช้เกียร์อัตราทดเท่ากันรวมถึงเฟืองท้ายที่มีอัตราทดเดียวกัน แต่เกียร์ของรุ่น M40i จะถูกปรับจูนนิสัยการทำงานให้ดุดันเหมาะกับพละกำลังของรถมากขึ้น และแม้จะเป็นเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ แต่ Z4 ใหม่ก็มีฟังก์ชั่น Launch Control ให้ใช้เช่นเดียวกับ M2 และ M4 ทีเ่ป็นเกียร์คลัตช์คู่

เมื่อใช้เครื่องยนต์ ร่วมกับระบบเกียร์ดังกล่าว ทาง BMW เคลมตัวเลขออกมาดังนี้

  • รุ่น sDrive20i ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 137-139 กรัมต่อกิโลเมตร
  • รุ่น sDrive30i ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 137-139 กรัมต่อกิโลเมตรเท่ารุ่นที่แล้ว
  • รุ่น M40i ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 162-168 กรัมต่อกิโลเมตร

CHASSIS & SUSPENSION: M Adaptive เป็นมาตรฐานในรุ่นท้อป

ระบบบังคับเลี้ยวของ Z4 ใหม่ เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS พร้อมระบบ Variable Sport Steering ที่สามารถปรับน้ำหนักต้านมือและความไวของพวงมาลัยได้ โดยอัตราทดเฟืองพวงมาลัยจะอยู่ที่ 15.1:1 ในโหมดปกติ

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Double-joint spring strut ปีกนกทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Five-link ทำจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาผสมกับเหล็กกล้า นอกจากนี้ในรุ่นท้อปอย่าง M40i ยังได้ช่วงล่างปรับความหนืดควบคุมได้ระบบไฟฟ้า M Adaptive Suspension พร้อมทั้งเฟืองท้ายสปอร์ต M Differential มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเลยในขณะที่รุ่น sDrive30i จะต้องเลือกเป็นออพชั่นเสริมทั้งคู่ และ sDrive20i จะมีเพียงช่วงล่าง M Adaptive ที่สามารถติ๊กเลือกเป็นอุปกรณ์พิเศษ (หมดสิทธิ์ใช้ M Differential)

ระบบเบรก ในรุ่น sDrive20i และ sDrive30i จะให้เบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรก คาลิเปอร์แบบ Floating 1 Pot ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์ คาลิเปอร์แบบ Floating 1 Pot เหมือนกัน แต่ขนาดจะไม่เท่าด้านหน้า พร้อมระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) มาให้ ส่วนรุ่น M40i นั้น เพื่อให้พร้อมรับกับความแรงและน้ำหนักตกบนคานหน้าที่เยอะกว่า จึงเปลี่ยนเบรกหน้าเป็นแบบดิสก์ขนาดโตขึ้น พร้อมคาลิเปอร์แบบ Fixed 4 Pot  จานเบรกทุกข้าง และทุกรุ่น จะเป็นแบบมีครีบระบายความร้อนตรงกลางจานเบรก

ล้อและยาง ขนาดมาตรฐานของรุ่น sDrive20i และ sDrive30i จะใช้ขนาด 225/50 กับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วกว้าง 7.5 นิ้วที่ล้อหน้า และขนาด 255/45 กับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว กว้าง 8.5 นิ้วที่ล้อหลัง ส่วนรุ่น M40i จะขยับขนาดขึ้นเป็น 255/40 กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว กว้าง 9 นิ้วที่ล้อหน้า และยาง 275/40 จับคู่กับล้อขนาด 18 นิ้วกว้าง 10 นิ้วสำหรับล้อคู่หลัง ซึ่งถ้ายังไม่พอ ลูกค้าสามารถสั่งล้ออัลลอย M Performance ขนาด 19 นิ้วแล้วเสียเงินเพิ่มก็ได้

สรุปรายละเอียดเบื้องต้น

แม้ว่าตลาดรถยนต์ประเภทสปอร์ตและโรดสเตอร์กำลังจะถูกกลืนกินด้วยบรรดาครอสโอเวอร์และ SUV ก็นับว่าโลกนี้ยังปราณีแฟนๆสาย Hardcore ที่ BMW ยังทำรถประเภทนี้ออกมาขายได้อยู่ งบประมาณในการพัฒนาที่จำกัดอาจทำให้ BMW ต้องหาเพื่อนร่วมลงขัน ทำให้ BMW Z4 เป็นแฝดหน้าไม่เหมือนกับ Toyota Supra แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ Z4 เสียมนตร์ขลังแต่อย่างใด

ประการแรก ตามสัญญาว่าด้วยการพัฒนารถ Toyota จะใช้โครงสร้างตัวถังนี้ในการทำรถแบบหลังคาแข็งเท่านั้น ในขณะที่ BMW ก็จะทำแต่เวอร์ชั่นเปิดหลังคา ผลประโยชน์ที่ลงตัวแบบนี้ทำให้ต่างค่ายต่างสามารถรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้โดยที่ไม่ต้องลงทุนมากจนผู้บริหารตัดสินใจล้มเลิกโครงการไปเสียก่อน

ประการที่สอง..ก็อย่างที่คุณเห็น หัวใจแห่งความเป็น BMW ยังอยู่ใน Z4 อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นรถเครื่องยนต์วางหน้า ขับหลัง กระจายน้ำหนัก 50:50 อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์ TwinPower Turbo ทั้ง 2.0 และ 3.0 ลิตร ให้คุณเลือกได้ตั้งแต่ความแรงระดับข่มรถบ้านไปจนถึงไล่บี้ M2 ได้ ถ้าพูดถึง Driving Gear หรืออุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสริมความบันเทิงในการขับขี่ ก็มีมาให้ครบในรุ่นท้อป ไม่ว่าจะเป็นเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป M Differential ระบบ Launch Control ช่วงล่าง M Adaptive หรือพวงมาลัยแบบ Sport Variable พูดง่ายๆคือมันสามารถเป็นเครื่องมือสำหรับการวิ่งผ่านโค้งและขุนเขาไปจนถึงสนามแข่งได้หมดถ้าคุณกล้าพอ

นอกจากนี้ เมื่อคุณไม่ได้ต้องการใช้ความแรงเหล่านั้น BMW Z4 ใหม่ ก็ยังเป็นรถที่มีสไตล์แม้มันจะอยู่นิ่งๆ หรือในยามขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ คุณก็จะสุขใจไปกับอุปกรณ์ต่างๆที่มีมาปรนเปรอคุณไม่แพ้ซาลูนหรูของทางค่าย มีทั้งชุดเครื่องเสียงตั้งแต่เกรดกลางไปจนถึงระดับพรีเมียม มีระบบช่วยในการขับแบบกึ่งอัตโนมัติเอาไว้ใช้เวลาที่รถหนาแน่นจนคุณไม่สามารถชื่นชมกับพลังม้าได้มากกว่า 30 ตัว และที่สำคัญคือระบบความปลอดภัยต่างๆซึ่งพัฒนามาจนสมกับเป็นรถใหม่

ในตอนแรก ผมในฐานะแฟน BMW คนหนึ่งก็มีความกังวลว่า การที่ต้องพัฒนารถร่วมกันกับ Toyota Supra จะทำให้เกิดข้อจำกัดใดๆในการพัฒนา Z4 จนมันกลายเป็นรถที่ผิด Concept ไปจากเดิมหรือไม่

แต่จากที่เห็นและพิจารณาสเป็คดู ผมคิดว่าไม่น่าห่วงแต่อย่างใด BMW ยังรักษาเอกลักษณ์จาก Z รุ่นก่อนๆเอาไว้อย่างครบถ้วน มีแค่หน้าตาที่อาจจะลดความเซ็กซี่แบบผู้หญิงลงจากรถรุ่นที่แล้วบ้าง แต่ถ้าหากเราสามารถระลึกสัจธรรมของโลกการค้าว่าอะไรที่มันเหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรใหม่ และถ้าเราไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ หนทางในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงก็จะตีบตัน

ผมจะปล่อยให้เรื่องรูปลักษณ์ เป็นหัวข้อที่คนอื่นตัดสินกันโดยที่ผมไม่ต้องออกความเห็น แต่ในเรื่องการเป็น “The Best Enjoyment on wheels” นั้น..

ผมเห็น..ว่ามันจะถูกใจพวกท่านอย่างแน่นอน

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments