25 รุ่นภายใน 2025: แผนลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของ BMW

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความต้องการที่ถูกผลักดันจากการลดมลภาวะในเขตบริเวณต่างๆ (เช่นในตัวเมือง) รวมถึงความช่วยเหลือจากรัฐบาลท้องถิ่นในรูปของส่วนลดภาษี BMW Group เองก็ต้องปรับเป้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ล่าสุดเสนอแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า/ไฮบริด 25 รุ่นและทั้งหมดนี้จะมาภายในปี 2025

จากภาพสรุปข้างบนนั้น พบว่ามีรถอยู่ 2 รุ่นที่เผยโฉมไปแล้ว ซึ่งก็คือ BMW i8 Roadster และ Mini Cooper S E ALL4 และตามตารางเวลา เราจะได้พบกับ MINI ที่ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าล้วน ในช่วงต้นปี 2019 กับ BMW X3 เวอร์ชั่นพลังไฟฟ้าปี 2020 ในกรณีของ X3 นั้น อาจจะได้ชื่อ Sub-brand ใหม่เป็นรุ่น iX3 เพื่อให้สอดคล้องการกับที่ BMW มีรถตระกูล i ที่สร้างชื่อเสียงเรื่องพลังไฟฟ้ากรุยทางไว้แล้ว

จากนั้นในช่วงกลางปี 2021 ก็จะเป็นคิวของรถตระกูล iNext ซึ่งอาจมีชื่อรุ่นว่า i9 โดยที่รถ iNext นั้นจะมีตัวถังเป็นแบบครอสโอเวอร์ ซึ่งได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีขับเคลื่อนตัวเองโดยอัตโนมัติ (self-driving system) และแบตเตอรี่ที่พัฒนาไปจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ห้า ซึ่งสามารถวิ่งได้ไกลถึง 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา BMW ยังมีจุดที่สามารถปรับปรุงให้รถตระกูล i ได้อีก ยกตัวอย่างเช่นรถอย่าง i3 กับ i8 ซึ่งต่างคันต่างใช้แพลทฟอร์มคนละแบบ ไม่แชร์กันใช้กับรถรุ่นอื่น แถมยังมีความซับซ้อนต่อการผลิต ซึ่งทาง BMW กล่าวว่าถ้าต้องการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ในราคาดีและจำนวนมาก จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้

ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป ทาง BMW จะใช้แพลทฟอร์มแบบที่สามารถรองรับได้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบธรรมดา, ขุมพลังไฮบริด และพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าหากทำได้ ก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดสิ่งที่ต้องใช้เนื่องจากการเปิดสายการผลิตพิเศษลง และยังส่งผลให้รถที่จำหน่ายมีราคาไม่สูงเกินไป

BMW คิดค้นแพลทฟอร์มหลักออกมา 2 แบบ โดยแพลทฟอร์มแรกจะใช้กับรถขนาดเล็กเครื่องวางขวาง และอีกหนึ่งสำหรับรถขนาดเล็ก กลางและใหญ่ เครื่องยนต์วางตามยาว ซึ่งทั้งสองโครงสร้างล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานการพัฒนามาจากโครงสร้าง UKL และ CLAR ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยที่แพลทฟอร์มใหม่นั้นจะสามารถปรับรองรับขนาดที่ต่างกันของแบตเตอรี่และจำนวนมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยรุ่นที่แรงที่สุด อาจมีกำลังรวมได้มากถึง 800 แรงม้า

พวกเขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ภายในปี 2025 ประมาณ 15-25% ของรถที่ขายได้ทั่วโลก ต้องเป็นรถไฮบริดหรือไฟฟ้า ซึ่งรุ่นหลักๆของ BMW กับ MINI จะมีเวอร์ชั่น Plug-in ให้เลือกกันหมดแล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง

ที่มา : motorauthority.com

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments