BMW มีอะไร? ใน Motor Expo 2016

พรุ่งนี้แล้วสำหรับงานโชว์รถประจำช่วงปลายปี Motor Expo 2016 ที่จัดโดยทีมสื่อสากลจะเปิดรอบปฐมทรรศ สำหรับประชาชนคนทั่วไปได้เดินดูกันถ้วนหน้า งานนี้จะมีตั้งแต่วันที่ 2-12 ธันวาคม 2559 วันธรรมดาเริ่มงานเวลา 12.00 น. และวันหยุดกับวันนักขัตฤกษ์จะเริ่ม 11.00 น. และเลิกในเวลา 22.00 น. ทุกวัน

 

งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด เชื่อมโลก เชื่อมคน ยานยนต์อัจฉริยะซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ BMW Group ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่พร้อมขับเคลื่อนโลกยานยนต์สู่อนาคต โดยที่ยังรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถในค่ายเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบจอดอัตโนมัติ ระบบช่วยเหลือในการขับเคลื่อนต่างๆ ขุมพลังขับเคลื่อน e-Drive ไฮบริด Plug-in หรือเครื่องยนต์เทอร์โบ เบนซิน และดีเซลสมรรถนะสูงต่างๆ ทั้งหมดล้วนถูกคิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองสัญชาติญาณในการขับขี่…เพราะคนที่ขับ BMW จำนวนไม่น้อยเลยที่ซื้อเพราะชอบในธรรมชาติของรถ  BMW ที่ตอบสนองไว สั่งแบบไหนได้อย่างนั้น แต่ก็ต้องไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย เทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆที่ BMW ได้คิดค้นขึ้นมา ต่างก็ช่วยส่งเสริมคุณลักษณะหลักของตัวรถทั้งสิ้น

ในปีนี้ ทาง BMW ได้ส่งรถเข้าร่วมงานหลายสิบคัน โดยมีดาวเด่นสำหรับงานโชว์ และรถใหม่เปิดตัวในงานอีก 4 รุ่น จะเป็นรุ่นใดบ้างนั้น bimmer-th จะพาคุณไปชมรถเหล่านั้น

BMW M4 GTS
ราคาจำหน่าย 13
,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
m4gts01

M4 GTS เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษที่เกิดจากการนำ M4 รุ่นปกติที่แรงระดับ 431 แรงม้าอยู่แล้ว นำมาปรับปรุงเพิ่มให้มีสมรรถนะสูงขึ้น และมีรูปแบบของรถใกล้เคียงรถแข่งของแท้มากขึ้นไปอีก ทั้งโลกนี้มีอยู่แค่ 700 คันเท่านั้น และประเทศไทยได้โควต้ามา 2 คัน..ไม่ต้องบอกก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าทั้ง 2 คันนั้นต่างก็มีเจ้าของไปแล้ว

 m4_gts01b

M4 GTS ใช้ขุมพลังเทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร รุ่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู M3 และ M4 รุ่นเดิม แต่เสริมสมรรถนะอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีระบบหัวฉีดน้ำ (water injection) ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก หลังจากที่ช่วยขับเคลื่อนให้รถแข่ง บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM ของนักขับชาวเยอรมัน มาร์โก วิทแมนน์ สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันทัวริ่งคาร์รายการ DTM (Deutsche Tourenwagen Masters) ประจำปี 2014 และ 2016 ไปครองได้สำเร็จ

อนึ่ง ในความเข้าใจของคนทั่วไป การฉีดน้ำเข้าเครื่องยนต์นั้นน่าจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า…แต่ระบบฉีดน้ำเข้าเครื่องยนต์นั้น ไม่ได้สักแต่ว่าพ่นน้ำเข้าไป เพราะหัวฉีดน้ำจะมีการคำนวณปริมาณการจ่ายมาอย่างดี และฉีดพ่นน้ำเป็นฝอยละเอียดเล็ก ทำให้อุณหภูมิของไอดีเย็นลง เรื่องนี้ไม่ใช่ของแปลก เพราะรถแข่งใช้กันมาเป็นทศวรรษแล้ว

เทคโนโลยีหัวฉีดน้ำนี้ช่วยให้เครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู M4 GTS มีพละกำลังสูงสุดถึง 500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ M-DCT แบบ 7 จังหวะที่ถูกปรับจูนการทำงานใหม่เพิ่มเติมจากเกียร์ในรุ่น M4 ทั่วไป ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

m4gts02
นอกจากเครื่องยนต์อันทรงพลังแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู M4 GTS ยังตอบสนองฉับไวด้วยตัวถังน้ำหนักเบาที่มีอัตราน้ำหนักต่อกำลังขับที่ 3.0 กิโลกรัมต่อแรงม้า โดยในส่วนกระโปรงหน้า-หลัง หลังคา ลิ้นหน้า และสปอยเลอร์ เลือกใช้วัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) ที่ทั้งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา

m4_gts_03

ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาสีส้ม Acid Orange รุ่น 666 M Styling เสริมความมั่นใจบนทุกเส้นทางด้วยระบบช่วงล่างแบบ M coilover และเบรกคาร์บอนเซรามิก

M4 GTS มาพร้อมกับการวิวัฒนาการเทคโนโลยีไฟท้ายแบบ OLED (BMW Organic Light) สำหรับการผลิตซีรี่ส์รถยนต์เป็นครั้งแรกในโลก โดยระบบไฟแบบ OLED นี้ ให้แสงสว่างบนพื้นผิวแบบกระจายตัวทั่วๆกัน แทนที่จะเป็นแบบจุดเฉพาะเช่นไฟ LED ทั่วไป ผ่านวัสดุเซมิคอนดัคทีฟบางเฉียบ

BMW 330e Luxury
ราคาจำหน่าย 2
,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

330e-lux-ex4

ต่อเนื่องจากการเปิดตัว 330e M Sport ราคา 3,099,000 บาทในช่วงต้นปี BMW รุกต่อด้วยการนำเสนอรุ่น 330e Luxury แล้วย้ายจากเดิมที่เป็นรถนำเข้า เอามาประกอบในประเทศ ทำให้มีราคาที่ถูกลง 500,000 บาทและสามารถสร้างจุดเด่นเทียบกับคู่แข่งได้ดีขึ้น

ขุมพลังขับเคลื่อนของ 330e Luxury เหมือนกับรุ่น M Sport โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ TwinPower Turbo ซึ่งลำพังตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน สามารถสร้างพลังได้ 184 แรงม้า และมีแรงบิด 290 นิวตันเมตร (ซึ่งก็คือเครื่องยนต์ของ 320i นั่นเอง) จากนั้นจึง “อัพพลัง” ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพลัง 89 แรงม้า มีแรงบิด 250 นิวตันเมตร ซึ่งนี่ก็คือส่วนที่ใช้ขับเคลื่อน 330e ในโหมดไฟฟ้าล้วน ยามที่ต้องการความเงียบ เช่นการย่องเข้าบ้านในยามค่ำคืน และสามารถแปรเปลี่ยนเป็น e-Boost เพื่อเพิ่มพลังในการเร่งแซงที่ฉับไว้ โดยเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกัน จะได้แรงม้ารวม 252 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

330e-lux-ex-5

เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดในบีเอ็มดับเบิลยู 330e Luxury สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเลยในระยะ 40 กิโลเมตร แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระตอนท้าย เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ i Wallbox Pure กำลังไฟ 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 12 นาที

330e-lux-in-2

จุดที่ 330e Luxury แตกต่างจากรุ่น M Sport เมื่อมองจากภายนอก คือกันชนหน้า/หลัง เส้นโครเมียมรอบขอบกระจก และล้ออัลลอยแบบ Multi-spoke style 416 ส่วนภายในจะเล่นโทนสีน้ำตาลตัดดำ ลำยไม้แบบ Luxury พวงมาลัย 3 ก้านแบบปกติ (ของรุ่น M จะเป็นพวงมาลัยสปอร์ต)

จะว่าไป ลองหันไปดู 320d Iconic ที่จอดอยู่ข้างๆ…ภายในดูเผินๆแล้วเหมือนกันมาก หากแต่ว่า 330e จะได้จอ iDrive ขนาดโตกว่าและมีอุปกรณ์ติดรถเยอะกว่า

 

BMW i8 Protonic Red Edition
ราคาจำหน่าย 11
,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

i8_01

นี่คือ i8 รุ่นพิเศษที่ผลิตเป็นจำนวนจำกัด โดยมีพื้นฐานเป็นรถ i8 ซึ่งโด่งดังจากการเป็นรถสปอร์ตไฮบริด ใช้โครงสร้างห้องโดยสารทำจากวัสดุ CFRP (Carbon-Fibre Reinforced Plastic) ใช้ขุุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเบนซิน 3 สูบ (น่าจะเป็นรถสปอร์ตรุ่นเดียวในโลกที่ใช้เครื่อง 3 สูบในยุคนี้) ขนาด 1.5 ลิตร TwinPower Turbo แชร์โครงสร้างกันกับเครื่องยนต์ B38 ใน 118i และ X1 sDrive18i แต่ถูกปรับปรุงไปจนให้สมรรถนะเพิ่มเป็น 231 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตร เมื่อนำมาประกบกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพลัง 131 แรงม้า 250 นิวตันเมตร ทำให้ได้พลังขับเคลื่อนรวมถึง 362 แรงม้า และเมื่ออยู่ในโหมดไฟฟ้าล้วน i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางถึง 37 กิโลเมตร

i8_02

รถ Protonic Red Edition นี้จะได้ล้อหน้าและหลังที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นปกติ บวกกับล้ออัลลอย W-spoke 470 สีเทา Orbit Grey Metallic ภายในรถตกแต่งเพิ่มเติมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์

i8-red-in

 

BMW X3 xDrive20d M Sport
ราคาจำหน่าย 3
,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

x3-m-ex

อัปเดตอุปกรณ์ใหม่ แต่ไม่เพิ่มราคา กับ X3 xDrive20d M Sport ที่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล บล็อค B47 TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ควบคู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร

x3_panoramicroof

สิ่งที่เพิ่มเข้ามา และเป็นจุดเด่นของ X3 xDrive20d M Sport ใหม่ ก็คือหลังคากระจกแบบ Panoramic Glass Roof ภายในรถตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนังแท้ M Sport เพดานห้องโดยสารสีดำแอนทราไซท์ เพิ่มอุปกรณ์ Head-Up Display แบบเดียวกับในรถตระกูล Celebration ทั้งหลาย มีกล้องมองหลังและระบบนำทาง ชุดลำโพงแบบ Hi-fi และระบบ Comfort Access

สำหรับด้านสมรรถนะการขับขี่ มีการเพิ่มระบบ Performance Control ที่จัดสรรกำลังของเครื่องยนต์และการทำงานของเบรกที่แต่ละล้อในขณะเข้าโค้งเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีล้ออัลลอยแบบ Double-Spoke 622M ขนาด 19 นิ้ว และชุดแต่ง M Aerodynamic รอบคัน

BMW X5 xDrive40e M Sport รุ่นประกอบในประเทศไทย
ราคาจำหน่าย 4
,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

x5-ex-1

X5 xDrive40e M Sport เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของ BMW ซึ่งสำหรับบ้านเรานั้น ได้มีการนำเข้ามาขายแบบสำเร็จรูปมาแล้วในราคา 5,399,000 บาท แต่ในปัจจุบัน ภาวะการแข่งขันในตลาด Premium SUV กำลังดุเดือด BMW จึงตัดสินใจนำรถรุ่นนี้เข้ามาประกอบขายในไทย และทำให้ราคาถูกลงมาก

X5 xDrive40e M Sport มีขุมพลังขนาด 2.0 ลิตรที่คว้ารางวัล “International Engine of the Year” มาครองแล้วถึงสามสมัย ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นจากเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ TwinScroll ระบบหัวฉีดน้ำมันที่มีความแม่นยำสูง และระบบ VALVETRONIC เป็นเครื่องยนต์ N20 รุ่นเดียวกับที่เคยอยู่ใน BMW 328i F30 ก่อน LCI (ดังนั้นจึงเป็นเครื่องคนละรุ่นกับ 330e ไม่ใช่เครื่องบล็อคเดียวที่จูนต่างกันอย่างที่หลายท่านเข้าใจ) เครื่องยนต์ของ X5 xDrive40e ให้พลัง 245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร เสริมแรงถีบด้วยมอเตอร์ 113 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 230 กิโลวัตต์ / 313 แรงม้า ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

x5-ex2

เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดใน X5 xDrive40e ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสมกับการขับขี่แบบประหยัดพลังงานด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้า โดยเฉพาะในกรณีการเดินทางสัญจรในตัวเมืองโดยปราศจากมลภาวะ แบตเตอรี่กำลังไฟสูงของรถมีความจุ 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บของสามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มความจุได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 50 นาที หรืออาจเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) จาก BMW 360° ELECTRIC ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที

bmw-all-2 bmw-all-3

นอกเหนือจากรถรุ่นใหม่ รถโชว์ และอัปเดตต่างๆตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว ก็ยังมี BMW รุ่นอื่นๆมาโชว์โฉมกันในงานอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น 320d GT, 320d Iconic, 520d M Sport, 525d Luxury, 730Ld M Sport หรือจะเป็นตระกูลโย่งอย่าง X1 ทั้งเบนซินและดีเซล, X4 และ X6 xDrive30d

สำหรับท่านที่จองซื้อและออกรถจากงาน Motor Expo 2016 นั้น ทาง BMW Thailand จะขยายเวลารับประกันคุณภาพตามเงื่อนไข BSI  (BMW Service Inclusive) เพิ่มให้อีก 1 ปี รวมเป็น 6 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร และ รับประกันตัวรถ  6 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ขอให้ชาว bimmer-th ทุกท่าน มีความสุขกับการช้อปปิ้งรถคันใหม่ครับ

 

 

 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments