รีวิว BMW 520d Sport หนุ่มใหญ่ มาดสุขุม ที่ว่องไวอย่างนุ่มนวล

ย้อนกลับไปราวกลางปี 2017 กับช่วงฤดูร้อนอันแสนวิเศษ ก่อนที่มรสุมต่างๆ จะพาฝนพัดเข้าถล่มเมืองไทยรวมถึงตัวผมแบบไม่ทันตั้งตัว ภาพท้องฟ้าสดใสสีฟ้าพร้อมกับแดดจ้ายังคงหอมหวานติดอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด เพราะภายใต้อุณหภูมิเฉียด 40 องศา สิ่งที่อยู่ในมือผมคือกุญแจ Display Key อันใหญ่โตที่เพิ่งจะเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก (และที่มันอยู่ในมือก็เพราะผมกำลังสับสนว่าควรจะจัดการกับกุญแจดอกใหญ่โตขนาดนี้ยังไงดี) ตลอดจนช่วงเวลาที่ได้อยู่หลังพวงมาลัยของรถสีขาวคันหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนในทีมเว็บ BIMMER-TH ทุกครั้งที่ได้ขับ

หากใครติดตาม BIMMER-TH มาซักระยะคงจะเดาได้ไม่ยากว่าผมกำลังพูดถึง BMW รุ่นไหนอยู่ ใช่ครับผมกำลังคิดถึง BMW 5 Series 530i M Sport คันที่เราเคยรีวิวไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา!

อ่าน >> รีวิว BMW 530i M Sport หล่อจัด หรูจริง ซิ่งได้ ในราคา 4.339 ล้าน!

530i M Sport

หลังจากที่ BMW Thailand เปิดตัว All New BMW 5 Series (G30) รุ่นนำเข้า (CBU) ไปในช่วงต้นปี 2017 ก็ถึงเวลาที่ BMW Thailand จะนำ 5 Series เข้ามาประกอบขายในประเทศ (CKD) เพื่อให้ได้สิทธิ์ภาษีที่ถูกกว่ารุ่นนำเข้า BMW Thailand จึงได้เสริมทัพนำ 5 Series รุ่นยอดนิยมเครื่องยนต์ดีเซล 520d ตกแต่งแบบ Sport line เข้ามาขายเพื่อทดแทน 520d Luxury ตัวประกอบนอกที่ยกเลิกการขายไป

520d Luxury

BMW 5 Series ที่เราจะรีวิวกันในวันนี้คือ BMW 520d Sport ที่ถูกแต่งหน้าทาปากเพิ่มเติมจากรุ่น Luxury โดยรายละเอียดภายนอกที่ต่างจากเดิมได้แก่ ขอบประตู หน้าต่าง และซี่กระจังหน้าไตคู่ที่เป็นสีดำเงาจากเดิมที่เป็นโครเมี่ยม เพื่อเพิ่มความ Sport ให้กับตัวรถ

ด้านหน้าของตัวรถมาพร้อมกับชุดไฟแบบ Adaptive LED ที่ปรับองศาตามมุมเลี้ยวของพวงมาลัย และสามารถปรับเป็นไฟสูงให้ได้อัตโนมัติเมื่อเซ็นเซอร์ที่ซ่อนอยู่หลังกระจกมองหลังตรวจพบว่ามีแสงไฟในบริเวณนั้นน้อย อีกทั้งยังสามารถกั้นไฟเป็นฉากๆ เพื่อไม่ให้ไฟหน้าไปแยงตาผู้สัญจรคนอื่นได้อีกด้วย ส่วนไฟตัดหมอกก็เป็นแบบ LED ตามสมัยนิยม

การตกแต่งภายนอกเมื่อมองดูรวมๆ แล้วแทบไม่แตกต่างจากตัว 520d Luxury เท่าไหร่นัก จุดที่สังเกตได้ชัดจะอยู่ที่ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Double Spoke ใหม่ที่ดู Sport ขึ้น รวมไปถึงโลโก้ Sport Line ที่ติดอยู่บนแก้มหน้ารถทั้งสองด้าน

BMW 520d จะได้จานเบรกด้านหน้าพร้อมคาลิปเปอร์แบบ 2 Pot แต่หากเป็น 530i M Sport คันที่พวกเราเคยทดสอบไปนั้นจะเป็นคาลิปเปอร์แบบ 4 Pot แต่มีขนาดจานเท่ากัน

รัดมาด้วยยาง Pirelli Cinturato P7 RFT ขนาด 245/45R18 ทั้งหน้าและหลัง

ช่องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุขนาด 530 ลิตร จุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้เท้าสอดไปใต้กันชนท้ายเพื่อเปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องสัมผัสตัวรถใดๆ เหมือนกับ 530i M Sport แต่ใน 520d Sport นั้นฝาท้ายต้องปิดด้วยมือเอง ไม่ได้เป็นฝาท้ายไฟฟ้าแบบ 530i M Sport

แม้ว่า BMW 520d Sport จะถือเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับตระกูล 5 Series ในบ้านเราในปัจจุบัน แต่ออพชันที่ BMW ใส่มาให้ก็คุ้มค่าไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกุญแจแบบ Display Key ที่สามารถเช็คสถานะรถ สั่งเปิดปิดพัดลมแอร์ล่วงหน้าก่อนขึ้นรถ และระบบเปิดล็อคประตูแบบ Comfort Access ที่ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มใดๆ อีกต่อไปในการเปิดรถ ขอเพียงแค่พกกุญแจไว้กับตัว นอกจากนี้ 520d Sport คันนี้ยังมีระบบประตูดูดมาให้ทั้ง 4 บานอีกด้วย (เหมือนพี่ใหญ่อย่าง 7 Series ไม่มีผิด)

นอกเหนือจากนั้นภายในของ BMW 520d Sport เมื่อคุณเปิดประตูเข้าไปจะพบกับเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport ทรงเดียวกันกับที่อยู่ใน 530i M Sport วัสดุหนังเป็นแบบ Dakota เช่นเดียวกัน และสามารถปรับส่วนรองรับบริเวณปีกเบาะด้านข้างและต้นขาได้ด้วย (ยกเว้นดันหลัง) ส่วนสวิทช์ Memory Seat 2 ตำแหน่งฝั่งคนขับก็ยังคงอยู่ที่ประตูด้านข้างเดิม

สคัพเพลท Sport Line แบบเรืองแสง

ย้ายตำแหน่งมากันที่เบาะหลัง ประตูทั้งสองด้านมีม่านบังแดดมาให้ พร้อมกับที่กระจกบานหลังอีกตำแหน่งนึง ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังก็มีมาให้เสร็จสรรพ

การตกแต่งภายในโดยรวมมีบรรยากาศที่ให้อารมณ์ผ่อนคลายมากกว่า 530i M Sport จากการใช้โทนสีและลายไม้แบบใหม่ที่สีเข้มขึ้นกว่ารุ่น 520d Luxury หน้าจอ iDrive แบบ Touch Screen ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุม iDrive ที่ข้างคันเกียร์ไฟฟ้า ถัดมาจากนั้นเป็นที่อยู่ของปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ เบรกมือไฟฟ้า และปุ่ม Auto Brake Hold ที่จะช่วยคุณให้ผ่อนคลายจากการฝ่าฟันเมืองที่มีรถติดเป็นอันดับหนึ่งของโลก


เมื่อชายตามองแบบผ่านๆ ดูเหมือนออพชันของ 520d Sport คันนี้แทบจะไม่ต่างจาก 530i M Sport มากนัก ยกเว้นแค่ซันรูฟบนหลังคา ระบบ Wireless charger ที่หายไปแต่ก็ยังมีช่อง USB ให้มาไว้เสียบชาร์จได้ (ซึ่งชาร์จได้เร็วมาก) และชุดเครื่องเสียงที่ไม่ใช่ Harman Kardon แต่เป็นเครื่องเสียงแบบ Hi-Fi แบบมาตรฐานของ BMW แทน ซึ่งคุณภาพเสียงก็จัดว่าไม่ได้น้อยหน้าคู่แข่งเยอรมันคันอื่น

จุดอ่อนหลักๆ ในเรื่องออพชัน 520d Sport คันนี้ คงอยู่ที่กล้องมองหลังที่ตกทะเลหายไป เหลือแต่ระบบ PDC ซึ่งมีเซ็นเซอร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งก็ช่วยได้เยอะในเรื่องการกะระยะไม่แพ้กล้อง แต่สำหรับคนที่เคยใช้รถที่มีกล้องมองหลังมาตลอดอาจจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง ในความคิดเห็นของผมก็เหมือนกับคนมีแฟนล่ะครับ คนมีแฟนอาจรู้สึกมีแฟนดีกว่าไม่มี แต่สำหรับคนไม่เคยมีหรืออกหักมานานๆ ก็จะค้นพบว่าไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ ก็เหมือนกับกล้องถอยหลังใน BMW 520d Sport นั่นแหละ (ฮ่าๆ โยงจนได้)

ถึงแม้กล้องมองหลังจะหายไปแต่ระบบ Gesture Control และ Navigation แบบ Professional ยังคงอยู่เป็นเพื่อนคุณ

คุณยังคงสามารถสั่งการชุดเครื่องเสียงให้เพิ่มลดระดับเสียงเพลงได้ผ่านการตวัดนิ้วมือเป็นวงกลมเหมือนกำลังร่ายมนต์ให้กับรถเช่นเดียวกับ 530i M Sport

ชุดพวงมาลัยหุ้มหนังแบบสปอร์ตหน้าตาเรียบหรูขนาดกำลังพอดีมือไม่แพ้พวง M ใน 530i M Sport ดีไซน์ได้ถูกถอดแบบมาจากพี่ชายอย่าง 7 Series ไม่มีผิดเพี้ยน มาพร้อมระบบจำกัดความเร็ว LIM และ Cruise Control  ด้านซ้ายบนพวงมาลัย และปุ่มปรับเครื่องเสียงรับโทรศัพท์เปลี่ยนคลื่นวิทยุ บนด้านขวาของพวงมาลัย

บอกลาเข็มไมล์ Analog แบบเดิมๆ

BMW 5 Series ทุกรุ่นจะได้ชุดหน้าปัดเรือนไมล์แบบจอภาพขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าปัดได้ตามโหมดการขับขี่ที่ผู้ขับเลือก ไม่ว่าจะเป็นโหมด Sport Comfort หรือ EcoPro และการตอบสนองของรถก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโหมดการขับขี่

นอกเหนือจากนี้ BMW 520d Sport ยังมีชุด Ambient lighting ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารมาให้อีกด้วย โดยสามารถเลือกปรับเปลี่ยนโทนสีของไฟได้จากชุดหน้าจอ iDrive

Engine and Drivetrain

ขุมพลังของ BMW 520d Sport คันนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 190 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงตามสไตล์เครื่องดีเซลเทอร์โบกับตัวเลข 400 นิวตันเมตร ที่ 1750-2500 รอบต่อนาที

Drive

ผมพา BMW 520d Sport ออกนอกกรุงเทพฯ เพื่อมาถ่ายรูปที่ต่างจังหวัด แน่นอนครับภาพครั้งที่ผมเคยขับ 5 Series คันสีขาวในความทรงจำได้หวนย้อนกลับขึ้นมาอีกครั้ง และในครั้งนี้ผมก็เลือกที่จะย้อนอดีตโดยการขับ 520d Sport ไปในเส้นทางเดิมที่เคยขับ BMW 530i M Sport ไปในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

ผมค่อยๆ ขับ 520d Sport สีดำคันนี้ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าสู่ถนนพระราม 2 ก่อนจะค่อยๆ กดคันเร่งเพิ่มขึ้นตามจังหวะการจราจรข้างหน้า อัตราเร่งของ 520d Sport มีกำลังเหลือพอและมีแรงดึงให้หลังติดเบาะได้เมื่อตอกคันเร่งลงไป ตัวเลข 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้นจะเป็นเช่นไร เรามีคลิปมาฝากเช่นเคยครับ

ผลอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้นหากอยู่ในโหมด Sport สามารถทำตัวเลขได้ 8.5 วินาที ส่วนโหมด Comfort ทำได้ 8.8 วินาที นับว่าไม่ขี้เหร่และถือว่าดีด้วยซ้ำ หากคุณไม่เคยขับ 530i มาก่อนอัตราเร่งของรถคันนี้เหลือพอแน่นอนครับ กดคันเร่งเผลอๆ แป๊บเดียวก็สามารถไหลไปเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ง่ายๆ

ยังคงต้องยืนยันอีกครั้งว่า BMW 5 Series G30 สามารถจัดการกระแสลมที่มาประทะกับตัวรถได้ดีมากๆ (จากค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ที่น้อยมากจนเป็นอันดับต้นๆ ของรถไซส์เดียวกัน) นอกจากนี้ BMW ยังใส่ใจในเรื่องการเก็บเสียงในห้องโดยสารเป็นอย่างมาก เสียงรบกวนเล็ดรอดเข้ามาในระดับน้อยทำให้ห้องโดยสารรู้สึกผ่อนคลาย และการขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อราวกับคุณกำลังคลานด้วยความเร็วแค่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วคุณกำลังวิ่งอยู่ตั้ง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

(เสียงภายนอกจะเริ่มดังเข้ามาจริงๆ ก็ต่อเมื่อคุณใช้ความเร็วเกิน 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป)

ช่วงล่างของ 520d Sport ใช้ชุดสปริงคนละตัวกับ 530i M Sport โดยตัวรถจะสูงกว่า 530i M Sport ที่เป็นช่วงล่าง M อยู่ 1 เซนติเมตร ฟิลลิ่งของช่วงล่างมาในสไตล์นุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบให้ชวนเวียนหัวแต่อย่างใด หากเจอพื้นถนนที่เรียบตัวรถกับช่วงล่างยังคงให้ความมั่นใจได้ถึงความเร็ว Top Speed จังหวะการเปลี่ยนเลนกะทันหันไม่ว่าจะโยกซ้ายขวา หรือการยัดเข้าโค้งหนักๆ ตัวรถยังคงให้ความสนุกคล่องตัวไม่แพ้รถเล็ก อีกทั้งคนขับก็ยังสามารถเข้าถึงลิมิตของตัวรถได้ง่ายเมื่อขับไปซักพักเดียว ต้องขอบคุณอานิสงฆ์น้ำหนักพวงมาลัยของ 520d Sport คันนี้ที่ไม่ว่าจะใส่โหมด Sport ให้น้ำหนักตึงมือมากขึ้นหรือโหมด Comfort ที่เบาขึ้นนิดนึง ก็ยังคงเป็นพวงมาลัยที่มีระยะฟรีน้อย คม และไวกำลังดี พอที่จะสร้างความมั่นใจได้ในทั้งสองโหมด

แต่กลับกันหากคุณเจอพื้นถนนที่เป็นลอนคลื่น ช่วงล่างที่เน้นมาให้นุ่มสบายเป็นหลักจะไม่สามารถเก็บอาการของสปริงได้ดีเท่าไหร่นัก จนทำให้บางครั้งเกิดเสียความมั่นใจไป แต่นั่นคือเมื่อคุณใช้ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไปบนถนนไม่ดีเท่านั้นนะ

ฟิลลิ่งของเบรกแม้ว่าจะเป็นแบบ 2 Pot ไม่ใช่ 4 Pot แบบ 530i M Sport ก็ถือว่าเหมาะสมกับตัวรถ วางใจได้ ฟิลลิ่งเบรกกะระยะง่าย กดแล้วหัวไม่ทิ่ม และสามารถหน่วงความเร็วจาก Top Speed ลงมาที่ความเร็วเดินทางปกติได้อย่างมั่นใจ

หลายคนคงสังสัยว่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ BMW 5 Series 520d Sport คันนี้จะเป็นเช่นไร เพราะ BMW 5 Series นับวันก็มีแต่ขนาดตัวจะโตขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับ 5 Series G30 รุ่นล่าสุดถึงแม้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น แต่น้ำหนักตัวรถกลับลดลงจากการเลือกใช้วัสดุทางเลือกแทนเหล็กในหลายส่วน ผลจะเป็นอย่างไรนั้นผมไม่รอช้า รีบอัดน้ำมันดีเซลเต็มถังแล้ววนขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปสุวรรณภูมิ แล้ววกกลับมาเติมน้ำมันปั๊มเดิม

ผมเลือกที่จะเติมน้ำมันดีเซลแบบธรรมดาเช่นคนส่วนใหญ่เติม โดยวิ่งที่ความเร็วราว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางช่วงแอบมีไหลๆ แบบไม่ได้ตั้งใจไปที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่บ้าง

หน้าปัดบอกระยะทางที่น้ำมัน 1 ถังวิ่งได้ บางจังหวะตัวเลขโชว์มากถึง 1000 กิโลเมตรต่อถัง

ผลสรุปผมวิ่งไปใช้ระยะทางทั้งหมด 81 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่หน้าจอ iDrive โชว์อยู่ที่ 19.1 กิโลเมตรต่อลิตร ผมนำเอาระยะทางไปหารกับหัวจ่ายน้ำมัน 81 หารด้วย 4.142 ก็ได้ออกมาอยู่ที่ 19.5 กิโลเมตรต่อลิตร !!!

บทส่งท้าย

BMW 520d Sport เป็นรถที่หรูหรานั่งสบายแต่ยังคงความสนุกเวลาขับไม่แพ้รถเล็ก ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นรถที่ชวนให้กดคันเร่งไล่ฆ่ารถคันอื่นเหมือนกับบุคลิกที่เจอใน 530i M Sport แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันคือรถที่ “พร้อมสรรพ” กลมกล่อมสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันปกติของคนส่วนใหญ่ และมีการตกแต่งภายในที่ชวนให้คุณผ่อนคลาย นั่งสบายกันทั้งเบาะหลังและเบาะหน้า และสามารถรองรับครอบครัวและผู้หลักผู้ใหญ่เวลาเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยที่ขนาดตัวรถไม่ได้ใหญ่จนเราขับแล้วเคอะเขินเหมือน 7 Series มันเป็นรถที่คุ้มค่าต่อเงินที่คุณจ่ายออกไป จนยากที่จะตัด 520d Sport ออกจากตัวเลือกทิ้ง หากผมจำเป็นต้องเลือกรถหรูสำหรับครอบครัวในการใช้ในชีวิตประจำวันซักคัน

ความเห็นเสริมจาก Pan Paitoonpong
520d G30 นี้ดูเหมือนจะถูกปรับให้เหมาะกับการเป็นรถรับผู้บริหารมากขึ้นด้วยพื้นที่เบาะหลังที่ยืดแข้งขาได้มาก และมีตำแหน่งการวางเบาะที่สบายขึ้นจนดีเป็นอันดับต้นๆของคลาส ช่วงล่างนุ่มนวลขึ้น แลกกับเสถียรภาพในความเร็วสูงที่ลดลงบ้างจากรุ่น F10 แต่พละกำลังของเครื่องยนต์ยังดีเหมือนเดิม กดเป็นพุ่ง แต่ประหยัดเชื้อเพลิง เกียร์ทำงานได้ดี เร็ว แต่ไม่กระชาก พวงมาลัยไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นใหม่ตอบสนองต่อการหักเลี้ยวได้ดี ทำให้มีความคล่องตัวเวลาขับในเมือง ภายใน พยายามตกแต่งให้ดูสวยงามขึ้นด้วยวัสดุสีเงินและโทนสีห้องโดยสารทีเหมาะกับมาดของรถ เป็นทางเลือกที่เหมาะมากโดยเฉพาะกับลูกค้าต่างจังหวัดที่ไม่ชอบรถไฮบริด ช่วงล่างซับแรงกระแทกได้ดี เติมน้ำมันทีวิ่งได้ไกล

ราคา BMW 5 Series G30 ทั้งสามรุ่นย่อย ข้อมูล ณ วันที่ 27/12/2017
BMW 520d Sport CKD(รุ่นที่นำมารีวิว) ราคา 3,439,000 บาท รวมแพ็คเกจ BSI Standard
BMW 530e Luxury CKD                 ราคา 3,639,000 บาท รวมแพ็คเกจ BSI Standard
BMW 530e M Sport CKD                ราคา 3,939,000 บาท รวมแพ็คเกจ BSI Standard

ขอขอบคุณ
BMW Thailand
ที่เอื้อเฟื้อรถในการทดสอบ
บทความโดย
ธิติพัทธ์ หิรัญบวรทิพย์
ตรวจอักษร
Thanapol Ratanaboon

สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาถ้อยคำรูปภาพในบทความโดยผู้เขียนและเว็บไซต์ BIMMER-TH.com
กรุณาขออนุญาตก่อนนำไปใช้
The following two tabs change content below.

Thitipat Hiranbavorntip

Eat Sleep Drive // First Jobber ผู้ลุ่มหลงกับเสียงเครื่องยนต์และโค้งบนภูเขา

Comments

comments