ขอต้อนรับสู่โลกแห่งวัยผู้ใหญ่ ที่ซึ่งคุณจะมีทางเลือกมากมายด้วยพลังเงินตราที่เหลือเฟือ แต่ก็มิใช่ว่าจะเอาเงินมาโปรยเล่นซื้อทุกอย่างได้ตามใจชอบ เรื่องรถก็เช่นกัน หากคุณอยู่ตัวคนเดียวโดดๆแล้วรวยล้นฟ้า ก็คงไม่มีใครว่าถ้าหากจะซื้อรถราคาสี่ล้านห้าล้านบาทสักคัน แต่ถ้าคุณต้องถูกบังคับด้วยเงื่อนไขต่างๆรอบตัวแล้วยังต้องการรถสักคัน..คุณนึกถึงรถรุ่นไหน
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_08-1024x671.jpg)
สมมติว่า..คุณมีอายุเลยหลักสามย่านมาหลายปี..หน้าที่การงานของคุณกำลังเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่าขนาดของเอวและน่องของคุณจะตามทัน คุณมีลูกที่ยังเล็ก ภรรยาที่ยังสวยโดยไม่ต้องใช้ยาย้อมผมออด๊าซ แต่คุณยังมีความซนแบบวัยรุ่นอยู่ในหัวใจ เมื่อเจอรถวิ่งช้าขวางทาง คุณเลือกที่จะแซงให้จบอย่างรวดเร็ว มากกว่าที่จะคลานตามเต่าแล้วรอให้มีจังหวะแซงโล่งชนิดที่ว่ากดคันเร่งเซนติเมตรเดียวก็แซงพ้น คุณมีภาระทั้งทางบ้านและที่ทำงานมากสำหรับคนในวัยคุณ..แต่บางสิ่งมันเรียกร้องว่า SUV หรือ MPV พรีเมียม ก็ยังดูแก่เกินไปที่จะนำมาเป็นพาหนะคู่ใจ .. คุณคิดว่าจะซื้อรถอะไรเป็นอันดับแรก?
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_02-1024x677.jpg)
แน่นอนว่า หากคุณเป็นคอรถยุโรป หนึ่งในรถที่คุณจะนึกถึงก็คือ BMW 5 Series รถที่เขย่าและรินเสิร์ฟคุณด้วยส่วนผสมจากวัย 30 up บวกกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน ครอบครัว เครดิตสังคม รสนิยม และข้อความที่จะส่งไปบอกโลกว่าคุณยังชื่นชอบที่จะขับรถเองแม้ว่าเงินเดือนของคุณจะพอให้จ้างคนขับรถได้เดือนละสองคนสบายๆแล้วก็ตาม
ปัญหาอย่างเดียวคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีจะทุ่มเงินมากๆ ไปกับรถแค่คันเดียว คุณอาจจะเซฟเงินเพื่อไว้เตรียมส่งลูกเรียนอนุบาลอินเตอร์ฯ ซื้อ SUV อีกคันให้ภรรยา หรือนำไปลงทุนในการอื่น ดังนั้น แม้ว่าค่าตัวของ BMW 530e M Sport ซึ่งอยู่ที่ 3,939,000 บาท หรือรุ่น Highline ที่ตั้งเอาไว้ 3,539,000 บาท จะไม่ได้ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แต่ถ้าหากมีทางเลือกใหม่ในราคาที่ Sensible และทำให้ภรรยาคุณคลิก OK ให้คุณซื้อได้ง่ายขึ้น นั่นก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าสน
และนั่น..คือจุดที่ BMW 530e รุ่นย่อยใหม่ “Elite” ก้าวเข้ามาสะกิดไหล่คุณเบาๆแล้วบอกว่า How about me?
จัดอุปกรณ์ น้อยลงแต่ไม่ขาด แถมงงกับบางออพชั่น
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_13-1024x631.jpg)
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_07-1024x589.jpg)
ด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่น M Sport ถึง 940,000 บาท และน้อยกว่ารุ่น Highline 540,000 บาท รุ่นย่อยใหม่อย่าง Elite ทำให้การเล่น BMW รุ่นใหญ่กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากราคาขายที่แพงกว่า 320d Sport ซึ่งเป็นรถพิกัดเล็กกว่าเพียงไม่กี่หมื่นบาท ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่คุณจะสามารถเป็นเจ้าของ BMW ป้ายแดง 252 แรงม้าได้ในราคาไม่ถึง 3 ล้านบาท แต่มันเกิดขึ้นแล้ว
แต่แน่นอนครับ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ได้มาฟรีๆ ถ้าจะได้ราคามิตรภาพขนาดนี้ก็ต้องมีบางอย่างหายไปบ้างหากเทียบกับรุ่น M Sport อาทิ
- ชุดแต่งและปลายท่อไอเสียแบบ M Aerodynamics
- ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว กับยางหลังแบบขนาดกว้าง 275 มม.
- หลังคาซันรูฟ
- ฝากระโปรงท้ายแบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า (ของ Elite จะกดเปิดจากรีโมทได้ แต่ปิดด้วยมือ เหมือน 330e F30 M Sport)
- กุญแจรีโมทมีจอภาพ Display Key
- คอนโซลหน้าตอนบนแบบบุ Sensatec
- พวงมาลัยแบบ M Sport + Paddle Shift
- หน้าปัดแบบจอสีดิจิตอล
- Head Up Display
- ชุดตกแต่งวัสดุภายในแบบอะลูมิเนียมลาย Rhombicle
- จอกลางลดขนาดจาก 10.25 เหลือ 8.8 นิ้ว
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ระบบสั่งการด้วยการขยับมือ Gesture Control
- ชุดเครื่องเสียง Harman Kardon
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าออพชั่นของ 530e Elite จะน่าเกลียด เพราะคุณยังได้ระบบนำทาง, กล้องถอยหลังพร้อมเซนเซอร์ เบาะหน้าแบบสปอร์ต และที่แปลกก็คือ แม้ว่าออพชั่นในภาพรวมจะน้อยกว่ารุ่น Highline แต่รุ่น Elite กลับมีประตูดูดแบบ Soft-close Door เหมือนรุ่น M Sport รวมถึงมีระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติมาให้ ซึ่งสองอย่างนี้จะไม่มีในรุ่น Highline..นับว่าเป็นการจัดออพชั่นที่แปลกดี ทำเอาคนจะเลือกรุ่น Highline มีคิดสองตลบ
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_09-1024x620.jpg)
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_10-1024x613.jpg)
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_11-1024x613.jpg)
สำหรับขนาดมิติตัวถัง มีดังนี้
- ยาว : 4,936 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,868 มิลลิเมตร
- สูง : 1,483 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,975 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน : 46 ลิตร (ขนาดเล็กกว่าของรถเบนซินปกติ ซึ่งอยู่ที่ 60 ลิตร)
- น้ำหนักตัวรถ : 1,770-1,845 กิโลกรัม (เป็นตัวเลขที่ระบุจดสรรพสามิต)
เมื่อมองจากภายนอก ก็ต้องยอมรับว่าดีกรีความเท่ห์จะสู้รุ่น M Sport ที่มาพร้อมชุดแต่ง ล้อโต ยางหลังใหญ่ ไม่ได้ แต่ถ้าวัดกันที่ความแพงของหน้าตา เชื่อว่ามนุษย์ส่วนมากที่ไม่ได้เป็นนักเลงรถคงแยกความต่างได้ยาก 530e Elite มีองค์ประกอบทุกอย่างแบบที่คุณคาดหวังจากรถใหญ่ ล้ออัลลอย Double Spoke ขนาด 18 นิ้วก็มีลวดลายที่เหมาะกับบุคลิกสุขุมของตัวรถ ออกจะน่ามองกว่าล้อของ 520d M Sport ที่มีขนาด 18 นิ้วเหมือนกันเสียด้วยซ้ำ
ภายใน แว่บแรก..เกือบเหมือนรุ่น Highline
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_comset-1024x683.jpg)
หันมาดูที่ภายในกันบ้าง ถ้าคุณเปิดประตูเข้าไปดมๆสองสามวิแรก รับรองว่าแยกไม่ออกว่าอะไหนรุ่น Elite หรือ Highline (แต่รุ่น M Sport จะแยกออกง่ายเพราะผ้าหลังคาบุดำ) เบาะนั่งของ G30 เวอร์ชั่นไทยทุกรุ่นรวมถึง Elite จะบุด้วยหนัง Dakota ส่วนสีเบาะของรุ่น Elite นั้น ถ้าคุณเลือกรถสีเงิน จะได้เบาะนั่งสีดำ แต่หากเป็นสีอื่น ก็จะได้เบาะและภายในสีส้ม Cognac แบบที่เห็นในภาพนี้
เบาะคู่หน้า เป็นเบาะแบบสปอร์ต ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบหน่วยความจำ 2 ตำแหน่งด้านคนขับ ตัวเบาะรองนั่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่และไม่แข็งเกินไป พนักพิงหลัง โอบอุ้มร่างกายกำลังดี มีปีกข้างที่ดูใหญ่ แต่ไม่ได้บีบรัดตัวมากนักเพราะมันไม่ใช่ M5 จุดที่ชอบมากคือพนักพิงหลัง มีความนุ่มนวลพอเหมาะ และพนักพิงศีรษะก็สามารถปรับองศาการดันได้ที่ปุ่มใหญ่ๆด้านข้างพนักพิง นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยแบบที่ปรับได้ด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทางมาให้
ส่วนเบาะคู่หลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เหนือศีรษะ ซึ่งผมสามารถนั่งหลังตรงแล้วหัวไม่ติดเพดานรถ หรือพื้นที่สำหรับวางขา ต่อให้ตัวสูง 183 เซนติเมตรและหนัก 150 แบบผม ก็รู้สึกว่าผมสามารถขยับแข้งเหยียดขาได้สบายถ้าคนขับเป็นคนตัวผอมและสูง 175 ..แต่ให้พูดตามตรง ต่อให้คนขับข้างหน้ามันตัวเท่ากัน ผมก็ยังสามารถนั่งเบาะหลังของ G30 ได้สบาย สมฐานะรถผู้บริหาร ดังนั้น หากวันไหนต้องพาพ่อแม่ของภรรยาไปกินข้าว ก็ไม่ต้องห่วงว่าพวกท่านจะนั่งไม่สบาย
สิ่งที่แปลกหน่อยสำหรับเบาะหลังใน G30 คือ พนักพิงหลังตอนล่าง มันจะดันนูนขึ้นมามากกว่ารุ่นเก่าอย่าง F10 ซึ่งบางท่าน (รวมถึงผม) อาจจะชอบพนักพิงแบบดันเบาๆตามธรรมชาติมากกว่า อย่างไรก็ตามปัญหานี้จะเกิดเมื่อคุณนั่งหลังตรงก้นชิดใน แต่ถ้านั่งแบบไถลตัวมาข้างหน้าเหมือนตั้งใจจะหลับคาเบาะ ก็จะไม่รู้สึกอะไรครับ
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_rearlug-1024x768.jpg)
ฝากระโปรงท้ายออกแบบให้เว้ากินบริเวณลงมาถึงกันชน เพื่อให้ขนถ่ายสัมภาระได้โดยสะดวก ในซีรีส์ 5 G30 ใหม่นี้ หากเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน/ดีเซล เช่น 530i/520d จะมีพื้นที่ความจุใต้ฝากระโปรงตามมาตรฐาน VDA อยู่ที่ 530 ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริดจะโดนอุปกรณ์และแบตเตอรี่เบียดพื้นที่จนเหลือ 410 ลิตร แต่พื้นห้องเก็บของสามารถปรับให้ยุบลงไปได้แบบในภาพ เป็นความพยายามที่จะช่วยให้ใส่ของได้มากที่สุด (ดีกว่าไม่ทำ)
ฝากระโปรงท้ายของ 530e Elite จะต่างจากรุ่นย่อยอื่นๆตรงที่ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าในการเปิดและปิด คุณยังต้องใช้แรงในการปิดฝากระโปรงเองอยู่ อย่างไรก็ตาม มันยังมีระบบเอาเท้าแกว่งใต้กันชนแล้วโซลินอยด์ที่ฝากระโปรงจะถีบให้เปิดเด้งออกด้วยแรงสปริง ดังนั้นในการใช้งานจริง ผมว่าระบบนี้เพียงพอแล้ว ตัดมอเตอร์ออกไปตัวนึง ลดน้ำหนัก ประหยัดต้นทุนได้อีก
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_03-1024x723.jpg)
แผงแดชบอร์ดดูแล้วคล้ายกับซีรีส์ 7 โดยเฉพาะบริเวณช่องแอร์กลาง และการจัดวางตำแหน่งสวิตช์ต่างๆก็คล้ายกัน แต่มีส่วนต่างที่มุมเว้ามุมโค้งบางจุดเพียงแค่นั้น ลักษณะการออกแบบก็เป็นไปตามแนวทางของ BMW ยุคใหม่ เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว การเปลี่ยนแดชบอร์ดช่วงกลาง จากเดิมที่ใหญ่โต อูมขึ้นจนคลุมจอกลางเอาไว้ทั้งชุด มาเป็นแดชบอร์ดแบบแบนราบ แล้วนูนขึ้นมาเฉพาะตรงหน้าปัด ส่วนจอกลางตระหง่านอยู่ตรงกลาง วิธีนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งทางสายตา
สัมผัสของวัสดุต่างๆ ให้ความรู้สึกดีตามราคารถ สิ่งที่หายไปเมื่อเทียบกับ G30 รุ่นย่อยอื่นๆ ก็คงมีเพียงแค่แดชบอร์ดตอนบนที่ไม่ได้บุ Sensatec และเย็บตะเข็บ กับวัสดุตกแต่งซึ่งใช้พลาสติกเคลือบเงาสีดำ Gloss ซึ่งแม้จะไม่สวยสง่าแบบลายไม้ หรือเก๋แบบอะลูมิเนียม Rhombicle แต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารดูกลายเป็นรถราคาถูกๆ แต่พกผ้าไมโครไฟเบอร์ไว้ในรถสักผืนก็จะดี เพราะเวลาฝุ่นจับ หรือมีคนเอานิ้วไปแตะ จะเห็นรอยได้ง่าย
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_13-1024x730.jpg)
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_14-1024x732.jpg)
สิ่งหนึ่งที่ยังคงมีอยู่ใน 530e Elite คือไฟเสริมอารมณ์ในห้องโดยสารยามค่ำคืน หรือ Ambient Light ในซีรีส์ 5 คุณสามารถเลือกได้ 6 สี (ม่วง, น้ำเงิน, ส้ม, ทองแดง, เขียว, ขาว) และผสมสีเป็น Combination ต่างๆได้ 11 แบบ เลือกโทนแบบที่ใช่สำหรับคุณได้ และมีส่วนช่วยให้ห้องโดยสารยามอาทิตย์อัสดง ดูสมกับเป็นรถพรีเมียมจริงแท้
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_05-1024x684.jpg)
บนแดชบอร์ด ไล่จากขวาไปซ้าย บริเวณใต้ช่องแอร์ขวา จะเป็นที่อยู่ของสวิตช์ระบบไฟหน้า รวมถึงไฟตัดหมอกหน้าและหลัง พร้อมสวิตช์ปรับความสว่างส่วนตัว P< และ >P ตรงนั้นคือ Parking Light ที่สามารถเปิดแยกซ้ายหรือขวาให้เป็นจุดสังเกตสำหรับผู้อื่นเมื่อเราจอดรถริมถนนยามค่ำคืน จอดชิดซ้ายก็เปิดไฟด้านขวา ส่วนนี้ผมชอบมากเพราะยังเป็นแบบลูกบิดใช้ง่าย ไม่ใช่แบบของ 3 Series G20 ที่เป็นแบบกดปุ่ม
ก้านปัดน้ำฝน จะอยู่ด้านขวามือ โดยปกติ BMW เวลาจะสั่งให้ระบบอัตโนมัติทำงานจะต้องกดปลายก้าน แต่ซีรีส์ 5 ใหม่ใช้วิธีปัดก้านขึ้น 1 Step แล้วระบบอัตโนมัติจะทำงาน (ถ้ายกก้านขึ้นอีก 1 ระดับจะกลายเป็นการปัดปกติในจังหวะปานกลาง) คุณสามารถเซ็ตระดับความขี้ตื่นขี้กลัวของเซ็นเซอร์ปัดน้ำฝนได้ด้วยลูกบิดที่อยู่บนก้าน
ก้านซ้ายมือ เป็นชุดไฟเลี้ยว ตรงปลายก้านเป็นปุ่ม BC สำหรับเลือกการแสดงผลที่จอชุดเล็กตรงหน้าปัด เช่น ตั้งให้โชว์อัตราการสิ้นเปลืองขณะขับขี่ โชว์ระยะทางที่เหลือวิ่งได้ หรือจะปิดไปเลยก็ได้
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_15-1024x688.jpg)
ส่วนบนแผงคอนโซลกลางนั้น ใต้ช่องแอร์จะเป็นที่อยู่ของชุดควบคุมเครื่องเสียง ซึ่งในรุ่น Elite นี้ แม้หน้าตาจะดูเหมือนกับรุ่นอื่น แต่มันเป็นชุดเครื่องเสียงแบบธรรมดาพร้อมระบบนำทางแบบ Business ไม่ใช่แบบ Professional อย่างของรุ่นอื่น และไม่มีทวีตเตอร์ที่ประตูให้ด้วย แต่ถ้าไม่ใช่ว่าคุณเป็นนักฟังตัวยง ก็ลองปรับ Bass และ Treble ดีๆ อาจจะได้เสียงแบบที่พอให้ใจชื้นรื่นหูได้ แต่อย่าหวังมิติและความละเอียดเสียงแบบ Harman Kardon ในรุ่น M Sport ก็พอ
ระบบ Gesture Control ที่มีมาให้ในรุ่นย่อยอื่น ก็ไม่มีในรุ่นนี้ ผมไม่แน่ใจว่าแต่ละท่านคิดอย่างไรกัน แต่พูดตามตรงว่าทดสอบ BMW มานับสิบคัน ไม่เคยรู้สึกชอบระบบนี้เลยเพราะไม่ใช่คนที่รับโทรศัพท์ขณะขับรถ และการเบา/ดังเสียงวิทยุ ก็ใช้วิธีกดปุ่มบนพวงมาลัยเอา ง่าย และเร็วดีอยู่แล้ว
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ฝั่งซ้ายขวาสามารถเลือกปรับอุณหภูมิและแรงลมต่างกันได้ สามารถกดเลือกให้ทำงานแบบ 1 Zone หรือ 2 Zone ได้ และเมื่อเข้าสู่ยามราตรี สีที่เรืองแสงขาวตามปกติ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มอำพันตามประเพณี BMW
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_06-1024x768.jpg)
ส่วนบริเวณรอบคันเกียร์ ก็จะเป็นสวิตช์ควบคุมระบบการขับขี่ต่างๆ ทางด้านขวาเป็นสวิตช์เปิดปิดระบบ DSC และสวิตช์โหมด Drive Select: ECO PRO>COMFORT>SPORT ซึ่งภายในโหมด SPORT นี้ ก็จะมีทั้ง SPORT แบบปกติ กับ SPORT Individual ซึ่งคุณสามารถเข้าไปตั้งค่าผ่าน iDrive ได้ว่าจะเลือกการตอบสนองของแต่ละองค์ประกอบได้
- Steering (พวงมาลัย) – Sport/Comfort
- Engine (เครื่องยนต์หรือคันเร่ง) – Sport/Comfort
- Transmission (เกียร์) – Sport/Comfort
ตามมาด้วยปุ่มสำหรับปรับโหมดการทำงานของ eDrive ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 โหมด
- AUTO – คือให้คอมพิวเตอร์บริหารจัดการระบบไฮบริดให้หมด
- Max eDrive – คือสั่งให้รถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วน (EV Mode)
- Battery Control – คือการพยายามควบคุมให้มีปริมาณไฟคงเหลือในแบตเตอรี่ตามตัวเลขที่คุณกำหนด เมื่อกดไปโหมดนี้ จะมีค่าที่เซ็ตไว้ปรากฎบนจอกลาง ใช้สวิตช์ iDrive หมุนเพื่อปรับค่า ผมมักชอบตั้งไว้ที่ 100% ให้มันชาร์จเต็มๆหม้อ แล้วค่อยกดไปโหมด AUTO เองภายหลัง
ด้านหลังคันเกียร์ เป็นสวิตช์สำหรับระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Brake Hold ซึ่งเมื่อกดปุ่มนี้แล้วเวลาขับมาจอดที่แยกไฟแดงรถติด คุณสามารถถอนเท้าออกจากเบรกได้ รถจะไม่เคลื่อนที่ และเมื่อไฟเขียวก็กดคันเร่งออกไปได้เลย
ไชโยให้กับกล้องหลัง..แต่ว่าหน้าปัดนี่สิ
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_centralscreenset-652x1024.jpg)
จอกลางขนาด 8.8 นิ้ว เล็กกว่าของรุ่นอื่นแบบรู้สึกได้ อันที่จริงเมื่อสมัยที่ G30 ยังเป็นรถ CBU จะมีรุ่นออพชั่นน้อย Luxury Limited ที่ใช้จอแบบเดียวกัน แต่เรื่องฟังก์ชั่นก็มิได้ขาด เพราะคุณจะได้ระบบนำทาง “Business” และกล้องมองถอยหลังมาใน 530e Elite (ไชโยให้กับทีมเลือกอุปกรณ์หน่อย) แล้วที่สำคัญคือ คุณได้ระบบ Park Assist ถอยจอดอัตโนมัติที่เหมือนกับของรุ่น M Sport มาด้วย ต่างกันแค่ Elite จะไม่มีมุมมองกล้องรอบคันมาให้ วิธีใช้ก็ไม่ยากครับ
- ใช้ความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมงระหว่างการหาช่องจอด
- กดปุ่ม PDC ที่ข้างขวาของคันเกียร์
- จากนั้นวิ่งผ่านช่องที่คิดว่าน่าจะจอดได้ ระบบจะประเมินความลึกและยาวของพื้นที่
- หากระบบตรวจพบว่าช่องนั้นลึกมากและกว้างมาก ก็จะถามคนขับว่าจะเลือกจอดแบบชิดขอบทางหรือถอยเข้าซอง กดสั่งบนจอกลางได้เลย
- ในบางกรณีที่มีที่จอดว่างทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนน ระบบจะถามว่าจะจอดฝั่งไหน ให้ตอบโดยการปัดก้านไฟเลี้ยวไปยังฝั่งที่ต้องการ
- เมื่อหน้าจอแสดงระบบ PDC พร้อม สิ่งที่คุณต้องทำก็คือกดปุ่ม PDC ค้างไปเลย แป้นเบรกจะยู่ลง คุณปล่อยเท้าจากเบรกกับพวงมาลัยได้เลย แค่กดปุ่ม PDC คาเอาไว้ รถจะเดินหน้า ถอยหลัง เปลี่ยนเกียร์ เบรกและหมุนพวงมาลัยเองจนรถจอดเสร็จค่อยปล่อยมือจากปุ่ม PDC
อย่างไรก็ตาม หากคุณปล่อยปุ่มระหว่างกำลังถอยเข้าจอด รถจะหยุดอยู่กับที่ หากปล่อยเอาไว้นานๆ คุณก็จะต้องไปเริ่มขั้นตอนการจอดใหม่ทั้งหมดนะครับ
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_int_instruset-648x1024.jpg)
แผงมาตรวัดเป็นแบบ Partially digital ไม่รู้จะเรียกยังไง ถ้าคุณสังเกตดีๆ ตรงกลางหน้าปัดจะเป็นจอสี นั่นก็รวมถึงส่วนที่เป็นเข็มด้วย แต่บางส่วนเช่นมาตรวัดความเร็วตั้งแต่ 0-200 (เฉพาะช่วงนี้) และมาตรวัดการใช้พลังงานช่วง 0-100% จะเป็นอนาล็อกเรืองแสง ต่างจากรุ่นอื่นๆที่ได้หน้าปัดดิจิตอลกันทั้งหมด ส่วนที่เป็นอนาล็อกจะเปลี่ยนหน้าตาไม่ได้ แต่ส่วนที่ไปตกอยู่ในอาณาเขตของจอสี จะพอมีลูกเล่นบ้าง การกดโหมด Sport ก็แค่มีตัวเลขวัดความเร็วแบบดิจิตอลโผล่มาที่ฝั่งซ้าย และตำแหน่งเกียร์โผล่ที่ฝั่งขวา
เรื่องความสวยงาม ไมใช่ปัญหาหรอกครับ เวลาขับจริงมันก็ดูสวยไม่แพ้ชุดมาตรวัดจอสีของรุ่นอื่นๆเลยแม้แต่น้อย แต่จุดที่ผมเซ็งเป็ดเซ็งไก่ที่สุดน่าจะเป็นการที่มันไม่มีมาตรวัดรอบครับ ผมกับคุณอู๋ spin9 และทีมเว็บ bimmer-th ทั้งเว็บช่วยกันหาแล้วยังไงก็ไม่มีวิธีทำให้มันโชว์มาตรวัดรอบ คือ..ไม่รู้สิ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยขับ BMW ที่ไม่มีวัดรอบอ่ะครับ E21 แก่ๆของน้าผมยังมีเลย
จริงอยู่ว่าความฉลาดของเกียร์ BMW มันดีพอจนผมแทบไม่ต้องใช้ฟังก์ชั่นชิฟท์เกียร์แบบ Manual ก็อยู่ได้ แต่ในการขับทางไกล ที่มีโค้งหรือเป็นเขตภูเขา การเล่นเกียร์มันช่วยให้เราขับได้ปลอดภัยขึ้นและจะมั่นใจขึ้นถ้าไม่มีวัดรอบ พอมาเจอหน้าปัดของ Elite ผมต้องใช้วิธีจำให้ขึ้นใจเอาว่า เกียร์สอง สุดแถวๆ 70 เกียร์สามแถวๆ 120 เกียร์สี่ได้ 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันก็ช่วยให้ผ่านอุปสรรคไปได้
พลังขับแรงสะใจ ไม่ต้องทำเพิ่ม (ถ้าเมียไม่อนุมัติ)
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_eng_01-1024x712.jpg)
ขุมพลังของ 530e Elite มาจากต้นกำเนิด 2 แหล่ง แหล่งแรกก็คือพระเอกวงการสหกรณ์โคนมมึนเช่น “Twin Power Turbo” 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์เดี่ยว รหัส “B48B20A” ซึ่งเป็นบล็อคพื้นฐานในพิกัด 2.0 ลิตร กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 ในขณะที่เครื่องตัวแรงของ 530i จะเป็นรหัส B48B20B ขนาดกระบอกสูบเท่ากันแต่ลดกำลังอัดลงเหลือ 10.2 : 1
เครื่องยนต์รุ่นนี้ ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,250 รอบ/นาที
ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous electric motor ที่แซนด์วิชเอาไว้ระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์ ตัวมอเตอร์ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า (PS) ที่ 2,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 0-2,500 รอบ/นาที
รวมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด420 นิวตันเมตร
ทั้งหมดนี้ ส่งกำลังสู่ล้อหลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ที่ได้รับการปรับอัตราทดใหม่ไม่เหมือนกับ 530i
- เกียร์ 1 = 4.71
- เกียร์ 2 = 3.14
- เกียร์ 3 = 2.11
- เกียร์ 4 = 1.67
- เกียร์ 5 = 1.28
- เกียร์ 6 = 1.00
- เกียร์ 7 = 0.84
- เกียร์ 8 = 0.67
- เกียร์ถอยหลัง = 3.29
- อัตราทดเฟืองท้าย = 3.23
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_03-1024x768.jpg)
ช่วงล่างของซีรีส์ 5 G30 ด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน และช่วงล่างหลังแบบ Five-link (Multi-link) ตัวปีกนกทำจากอะลูมิเนียม มีการออกแบบเพื่อช่วยต้านไม่ให้รถเกิดอาการหน้าทิ่มท้ายยกเวลาเบรกหนักๆ
เรื่องสเป็คช่วงล่างนี่ปวดหัวมากเพราะเอาเลขตัวถังไปค้นบนเว็บ ก็ทราบแค่ว่าเป็น “Standard Spec” ดีว่าได้ฝ่ายเทคนิคของ BMW ช่วยค้นกระจุย ถึงทราบเพิ่มเติมว่าสปริงและโช้คของ 530e Elite และ Highline นั้น จะเป็นคนละเบอร์กับ 520d Luxury/Sport โดยจะแข็งหนืดขึ้นเพื่อรองรับน้ำหนักตัวและแบตเตอรี่ และสปริงหลังก็จะเป็นคนละเบอร์กับ 530e M Sport (ไม่แข็งเท่า) และทั้งหมดที่ว่าไปนี้ จะไม่มีใครแข็งหนึบไปถึงระดับ 520d M Sport หรือ 530i M Sport ส่วนยางที่ติดรถทดสอบมา เป็น Pirelli Cinturato P7 ขนาด 245/45R18 Run-flat ทั้งสี่ล้อ
พวงมาลัยของ G30 ทุกรุ่น เป็นเพาเวอร์แบบไฟฟ้า Servotronic ปรับน้ำหนักตามความเร็ว และยังเลือกโฟกัสของความหนืดได้ 2 ระดับตามโหมดการขับขี่ ECO PRO>COMFORT จะเป็นพวงมาลัยแบบเน้นเบา ส่วน SPORT จะมีการหน่วงพวงมาลัยเพิ่มขึ้น ในโหมด SPORT INDIVIDUAL คุณจะสามารถเข้าไปเซ็ตน้ำหนักพวงมาลัย 2 ระดับได้ตามใจชอบ อัตราทดพวงมาลัยอยู่ที่ 16.3:1
ระบบเบรก เป็นดิสก์ 4 ล้อ สเป็คมาตรฐาน ด้านหน้าคาลิเปอร์ 2 Pot และด้านหลัง 1 Pot ทำงานผ่านชุดหม้อลมไฟฟ้าเชื่อมกับระบบ Regenerative Braking System ที่แปลงแรงหน่วงของรถเป็นพลังไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ มีกล่อง ECU คอยบริหารแรงในการเบรกและเลือก/จัดการ การทำงานระหว่างระบบเบรกไฮดรอลิก กับระบบเบรกด้วยแรงหน่วงมอเตอร์ไฟฟ้า
Hit the road, Jack
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_12-1024x664.jpg)
อัตราเร่ง ในโบรชัวร์ ระบุไว้ว่า 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จบใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอได้มาขับจริง มีเซอร์ไพรส์เหมือนกัน ผมทำการทดสอบด้วยตัวเองและนาฬิกาจับเวลา น้ำหนักบรรทุก 150 กิโลกรัม สัมภาระ 20 กิโลกรัมและน้ำมัน 3/4 ถัง ได้ตัวเลขดังนี้
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Comfort Mode = 7.55 วินาที / Sport Mode = 7.15 วินาที
80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Comfort Mode = 5.20 วินาที / Sport Mode = 4.71 วินาที / Sport Mode + คาเกียร์ 3 รอไว้แล้วกระแทกคันเร่ง = 4.35 วินาที
แรงดึงของ 530e นั้นมากพอที่จะทำให้คุณฉีกยิ้มกว้างๆได้ทุกครั้งที่กดคันเร่ง ด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยดีดออกตัวตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องเทอร์โบทำให้รอรอบเลยแม้แต่น้อย เข็มความเร็วกวาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นยันปลาย ผมลองจับเวลา 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเล่นๆก็ได้ 25.8 วินาที นี่ถ้าเป็นยุค 90s คุณจะต้องใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรเทอร์โบถึงจะทำได้ แต่ในปัจจุบันเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าก็ให้คุณได้แล้ว
ความเร็วสูงสุด เอาเข้าจริงเมื่อถึง 235 ก็ยังไหลต่อได้ แต่ในที่สุดก็ไปล็อคอยู่ที่ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนั่นก็เหลือพอและเกินพอสำหรับการวิ่งบนถนนในเมืองไทยแล้ว ส่วนการใช้งานตามปกติ แทบไม่มีจุดให้ต้องติ กดคันเร่งมากหรือน้อยก็ได้พลังตามต้องการ โหมด SPORT ช่วยดึงรอบเครื่องไว้สูงและสั่งให้เครื่องยนต์ติดคาไว้ตลอดเวลา เวลาขับในสถานการณ์ที่ต้องเหยียบบ้างยกบ้าง ให้ความมั่นใจได้ดี
ส่วนการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าล้วน (Max eDrive) นั้น สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกือบ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และให้พลังอัตราเร่งพอๆกับอีโคคาร์ 1.2 ลิตร ซึ่งถ้ามองว่านี่คือพลังจากมอเตอร์อย่างเดียว ก็ถือว่าพอแล้วสำหรับการขับใช้งานในเมือง และยิ่งถ้าเป็นช่วงออกตัว แรงดึงจะดีกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำไป
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_15-1024x619.jpg)
เรื่องพวงมาลัย ไม่มีปัญหา มันให้น้ำหนักหน่วงกลางที่ดี มีความคล่องตัวเวลาหมุนซ้าย/ขวายามขับในเมือง BMW เซ็ต Servotronic ในรถรุ่นนี้มาได้ดีมากจนสามารถครอบคลุมทั้งการใช้งานในเมืองและการวิ่งทางไกลด้วยความเร็วสูง ดูเหมือนว่าน้ำหนักพวงมาลัยจะหนืดขึ้นกว่า 520d Luxury G30 ตัวนำเข้ายุคแรกๆด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ต้องปรับน้ำหนักพวงมาลัยไป SPORT ก็สามารถขับเส้นมอเตอร์เวย์ยาวๆได้โดยไม่เมื่อยล้าเลย
จุดเดียวที่ยังรู้สึกว่าปรับปรุงได้ก็คือช่วงล่าง ถูกล่ะ รุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นย่อยราคาย่อมเยา คงไม่ควรคาดหวังอะไรมาก แต่อย่างน้อย ความนิ่ง หนักแน่น ที่ความเร็วสูงเกิน 140 ก็ควรดีกว่านี้ เพราะคนขับ BMW โดยเฉพาะคนที่เลือกรถ 252 แรงม้า คงมีน้อยคนที่ไม่เคยวิ่งเกินความเร็วระดับนั้น 530e Elite มีอาการยวบยาบไปตามพื้นถนน ท้ายส่ายเหมือนรถโช้คอ่อนเวลาเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งแล้วเจอถนนที่ไม่เรียบ นี่คืออาการแบบเดียวกับ 520d Luxury/Sport เด๊ะๆ และท้ายรถไม่นิ่งเท่า 530e M Sport กลายเป็นว่ายิ่งใช้ความเร็วสูงมาก ยิ่งต้องอาศัยสมาธิในการคุมมากขึ้น ทำให้ผมคิดถึงช่วงล่างของ 630d GT ขึ้นมาทันที เพราะรถรุ่นนั้น ทั้งนุ่ม ทั้งนิ่งและแน่นในแบบที่ผมคาดหวังจาก BMW เวอร์ชั่นรถผู้ใหญ่
แต่อย่าเพิ่งมองทุกอย่างในแง่ลบ เพราะในชีวิตจริง คุณยังสามารถสั่งของแต่ง M Performance หรือของแต่งสำนักต่างๆมาใส่ได้ และต่อให้คุณไม่ทำอะไรกับมันเลย ขอแค่ความเร็วไม่เกิน 100 530e Elite จะเล่นกับคุณอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะในโค้งแคบความเร็ว 70-80 ซึ่งมันสามารถรักษาอาการตัวถังได้ดี ยังเป็นรถที่ขับบนเขาแล้วสนุกได้อยู่
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_consu-1024x578.jpg)
สำหรับอัตราการสิ้นเปลืองนั้น ก็เป็นไปตามวิสัยของรถ Plug-in ครับ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% คุณจะมีระยะวิ่ง EV range ให้ใช้ 30-35 กิโลเมตร ซึ่งนั่นก็พอสำหรับการขับไปทำงานและกลับบ้านของผู้บริหารหนุ่มหลายๆท่าน พอถึงบ้านก็เสียบปลั๊กชาร์จไฟ รุ่งขึ้นก็ขับไปทำงานอีก ถ้าเป็นแบบนี้ 530e อาจไม่ต้องการน้ำมันเลยสักหยดจนกว่าคุณจะกระแทกคันเร่งเรียกพลังนั่นล่ะ
ถ้าขับเดินทางไกล โดยชาร์จแบตเตอรี่ไว้ 100% จากนั้นปล่อยโหมดไฮบริดไว้ที่ AUTO eDrive คุณจะสามารถวิ่ง 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วยังได้ตัวเลขระดับ 15.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งผมทดลองมาแล้วโดยการวิ่งจากพระราม 9 ไปถึงไร่องุ่น Silverlake
อย่างไรก็ตาม หากแบตเตอรี่หมดแล้วจำเป็นต้องมีการสั่งให้เครื่องยนต์ชาร์จไปด้วยระหว่างขับขี่ ..สมมติว่าแบตเตอรี่อ่อน เหลือแค่ 4-5% แล้วคุณกดโหมด Battery Control ให้ไปที่ 100% คุณจะต้องขับประมาณ 60 กิโลเมตร หรือ 45-50 นาทีมันถึงจะชาร์จเต็ม และในระหว่างนั้น 530e จะบริโภคน้ำมันได้ตั้งแต่ 8.6-11 กิโลเมตรต่อลิตรแล้วแต่สภาพการวิ่ง ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่ต้องขับรถไกลๆบ่อยมากและมีโอกาสแวะชาร์จน้อยครั้ง 520d เครื่องยนต์ดีเซลก็คงเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า
ส่วนเรื่องการเก็บเสียงนั้น ทำได้ดีมากครับ เสียงจากใต้ท้องรถ จากยาง และกรอบกระจก มีเข้ามาน้อย ต้องวิ่งเกิน 130 ขึ้นไปถึงจะดังรบกวนบ้าง มันคือความเงียบแบบที่คุณคาดหวังจากรถยุโรป
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_14-1024x654.jpg)
สรุป: ซื้อมาใช้เดิมๆประหยัดงบ หรือซื้อมาแต่งต่อก็ได้เพราะงบเหลืออีกบาน
BMW 530e Elite นับว่าเป็นรุ่นย่อยหนึ่งที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย จากการนำเอาขุมพลัง i Performance ที่มีสมรรถนะสูง อัตราเร่งตามเท้าตามใจ และสำหรับคนที่ส่วนใหญ่ใช้รถวันละไม่เกิน 30 กิโลเมตร ก็ยังเป็นทางเลือกที่ประหยัดเชื้อเพลิงมาก ทั้งหมดนี้ นำมารวมกับออพชั่น ที่แม้จะไม่อู้ฟู่เท่ารุ่น M Sport แต่คุณก็ยังได้ประตูดูด Soft Close มีกล้องถอยหลัง และระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติ ในขณะที่ภายนอกและภายในของรถ ก็ยังดูแล้วมีความแพงในตัว ใกล้เคียงกับรุ่นย่อย Highline
สิ่งที่ยังไม่ถูกใจก็มีอยู่บ้าง แต่บางเรื่องก็เป็นรสนิยมหรือการใช้งานของแต่ละคนที่อาจมองไม่เหมือนกัน อย่างแรกที่ทำใจไม่ได้และอยากจะเขียนจดหมายไปหาสำนักงานที่มิวนิค บอกว่า หน้าปัดน่ะ จะไม่ใช่จอสีแบบเต็มก็ไม่ว่าหรอก แต่ช่วยใส่ฟังก์ชั่นโชว์วัดรอบมาให้หน่อยเถอะจะเป็นพระคุณอย่างสูง
อย่างที่สองคือ ช่วงล่าง ยังไม่ถึงกับประทับใจนัก ถ้าเป็นรถยี่ห้ออื่น ผมอาจจะไม่ว่าอะไร แต่ 530e เป็น BMW และเมื่อเป็นลูกชายแห่งแบรนด์ใบพัดฟ้าขาวแล้ว ผมคาดหวังให้มันเป็นรถที่ให้ความสนุกและมั่นใจในการขับขี่ ช่วงล่างของ 530i M Sport กับ 630d GT M Sport เป็น BMW ซาลูนในแบบที่ผมคิดว่ามันควรเป็น
แต่เมื่อมามองส่วนต่างของราคา.. 2.999 ล้านบาท ถูกกว่า 530e M Sport เกือบล้านบาท เงินตรงนั้นเหลือมากพอให้พวกเราไปแต่งรถ เปลี่ยนล้อและยาง หาช่วงล่างสปอร์ตจากยุโรประดับพรีเมียมเกรดสูง หรือทำสิ่งอื่นๆตามใจชอบได้อีกมาก ดังนั้นจึงเป็นจุดที่ชดเชยข้อด้อยของช่วงล่างได้เป็นอย่างดี
ถ้าคุณเป็นผู้บริหารหนุ่ม ไฟแรง ทั้งโลกนี้ก้มหัวให้คนเดียวคือภรรยา คุณมีลูกที่กำลังน่ารัก และกำลังมองหารถที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพอันสง่างามแต่ไม่ขี้โวยวาย รักสงบแต่พร้อมรบเมื่อจำเป็น 530e Elite น่าจะเป็นตัวเลขที่ลงล็อคตามความต้องการดังกล่าวของคุณ และสามารถขออนุมัติการซื้อจากสุดที่รักของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2019/08/530e_ext_05-1024x636.jpg)
TEAM’s OPINION by Thitiphat H. (Mr. Mo)
BMW 530e Elite คือน้องใหม่ในตระกูลอนุกรม 5 ที่ BMW Thailand เพิ่งคลอดออกสดๆร้อนๆและสร้างเสียงฮือฮาให้กับบรรดาสาวก Bimmer ได้ไม่ใช่น้อย หากผมนึกย้อนความกลับไปเมื่อราว 2 ปีก่อน คือช่วงเวลาสุดวิเศษที่ผมและทีมงาน Bimmer-th ได้มีโอกาสทดสอบ 530i M Sport Sedan 4 ประตูที่ขับดีจนถูกยกย่องจากพวกเราว่าเป็นรถที่มี Setting ที่ลงตัวที่สุดและสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันในบทบู้และบทสบายได้มากที่สุด
มาในวันนี้แม้ BMW 530e Elite จะไม่ได้เป็นรถที่มี Setting ต่างๆ ออกมาได้ลงตัวสำหรับที่สุดสำหรับคนชอบขับรถ แต่สิ่งที่ 530e Elite คันนี้มีและทำให้รถคันนี้โดดเด่นจนน่าจับตามอง เห็นทีจะอยู่ที่อุปกรณ์ที่มาพร้อมกับตัวรถและพละกำลังของเครื่องยนต์ ที่เมื่อผสมผสานเข้ากับตัวรถทั้งคันและราคาที่วางจำหน่ายแล้ว นับว่าเป็นรถที่ลงตัวกับเงินที่จ่ายไปจนคุณไม่อยากที่จะติอะไรมันอีก Option ที่หายไปบนหน้ากระดาษโบรชัวร์ (นอกเหนือจากมาตรวัดรอบ) คือ Option ที่เมื่อคุณใช้ชีวิตจริงแล้ว คุณแทบจะไม่ได้ใช้มันเลยซักนิด
อัตราเร่งที่ว่องไวและพวงมาลัยที่คมในลักษณะที่มีความไวกำลังพอดีคือส่วนสำคัญ มอบประสบการการขับขี่ที่คู่ควรกับการเป็น BMW อยู่แม้ว่าช่วงล่างจะติดนิ่มไปบ้าง แต่หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ขับรถเกินกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว ข้อเสียเรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหาของคุณเลยเมื่อเทียบกับด้านบวกด้านอื่นเช่น พื้นที่โดยสารภายใน ตำแหน่งนั่งของเบาะต่างๆ และการเก็บเสียงภายในรถ ทั้งหมดนี้คือความดีงามสมกับการเป็นรถ Executive car 4 ประตูที่มีอารยธรรม ผมไม่แปลกใจเลยหาก BMW Thailand จะมียอดจอง 530e Elite ถล่มทลายจนต้องรอคิวนาน เพราะนี้คือ BMW ที่คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายไปที่สุดในรอบปีนี้อย่างเถียงไม่ออกจริงๆ ครับ
EXTRA READ
ชมภาพเพิ่มเติมแบบจุใจ ใน Gallery รวมรูปเก็บยกคันของ 530e Elite คลิกที่นี่
ถ้าภรรยาถามว่าแล้วรุ่น M Sport ต่างกันแบบไหน คลิกที่นี่ แล้วเอาให้เขาดู แล้วขอให้โชคดี 530e แปะโรงรถครับ
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2016/08/14021667_1336334723060704_4430312290286543396_n-150x150.jpg)
Pan Paitoonpong
![](https://bimmer-th.com/wp-content/uploads/2016/08/14021667_1336334723060704_4430312290286543396_n-150x150.jpg)
Latest posts by Pan Paitoonpong (see all)
- BMW 2 Series Coupe ใหม่ รหัส G42 สนุกแบบขับหลังได้เช่นเดิม - July 9, 2021
- 6 Application ที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักรถ - June 8, 2021
- BMW i4: เจาะรายละเอียด EV สปอร์ต Gran Coupe ที่มีโอกาสมาไทย - June 7, 2021