BMW 333i E30 ของแปลกจากแอฟริกาใต้ที่เกิดขึ้นเพราะพลาดหวังจาก M3

โดยปกติถ้าใครเล่น BMW E30 คลาสสิค เครื่องแรงๆ คงไม่ต้องบอกว่าขวัญใจลายครามเท้าหนัก ก็มักจะเป็นรถอย่าง M3 หรือไม่ก็รถจากรั้ว Alpina อย่างเช่น B6 3.5S ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรถระดับเทพในวงการ BMW ที่ซื้อขายกันในมูลค่าสูง แน่นอนว่ามีคนไทยน้อยคนมากที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของรถ M3 หรือ B6 แท้ทั้งคัน แต่ใช่ว่าจะมีแต่ชาวไทยที่เหงาชาติเดียวซะเมื่อไหร่ ชาวแอฟริกาใต้เขาก็เหมือนกันนั่นล่ะ

image source: jalopnik.com

นี่คือ BMW 333i ผลิตผลจากความร่วมมือของ BMW South Africa และ Alpina ในการสร้างรถที่จะตอบโจทย์ให้กับสิงห์นักขับผู้หลงใหล BMW ซึ่งในโลกนี้ ว่ากันว่ามีอยู่แค่ 210 คันเท่านั้น และในปัจจุบันน่าจะเหลือน้อยกว่านั้นอีกด้วยซ้ำไป

ในช่วงยุค 80s หลังจากที่ BMW สร้าง M3 ขึ้นมาอาละวาดไปทั่วโลก ชาวแอฟริกาใต้ก็รอว่าเมื่อไหร่ BMW ที่เยอรมนีจะส่ง M3 มาขายในประเทศของพวกเขา การรอนั้นดูเหมือนจะเสียเวลาเปล่า เพราะจนแล้วจนรอด BMW M Division ก็ไม่ส่ง M3 มาขายเสียที ส่วนหนึ่งก็เพราะตลาดแอฟริกาใต้นั้นเป็นพวงมาลัยขวา ในขณะที่ M3 มีแต่รถพวงมาลัยซ้าย (รถแท้พวงมาลัยขวามีไม่กี่คันในโลก ใช้สำหรับการทดสอบ และที่เหลือเป็นรถแปลงข้างพวงมาลัย) สิ่งนี้อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในการผลิตจนไม่สามารถทำราคาที่เหมาะสม BMW บริษัทแม่จึงตัดสินใจไม่นำมาขาย

image source: jalopnik.com

แต่ถ้าไม่มี M3 ขายเลย แล้วจะมีรถอะไรมาเอาใจตลาดแอฟริกาใต้ล่ะ? จะให้ทำเป็นเมินเฉยเสียก็คงไม่ดี เพราะประเทศนี้ก็เป็นหนึ่งในตลาดหลักของ E30 ที่โกยยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ ว่าแล้ว BMW South Africa จึงชงเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่ ให้ช่วยทำรถ E30 พวงมาลัยขวาที่แรงกว่า 325i เครื่องยนต์ M20 170 แรงม้าที่มีขายอยู่ ทางสำนักงานใหญ่ ก็นำเรื่องไปปรึกษากับสำนักแต่ง Alpina และพวกเขาก็ได้คำตอบ

คำตอบที่ว่านี้ก็คือ การนำเครื่องยนต์ M30B32 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียงขนาดใหญ่ ความจุ 3,210 ซี.ซี. เพลาราวลิ้นเดี่ยวเหนือฝาสูบ 2 วาล์วต่อสูบ ซึ่งในขณะนั้นวางอยู่ในรถรุ่นเรือธงอย่าง BMW 7 series 733i E23 และ 6 series 633 CSi E24 ซึ่งในสมัยนั้นก็จัดว่าเป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ในระดับแรงสูงของทางค่ายแล้ว ด้วยพลัง 194 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบ Close-ratio 5 จังหวะ พร้อมเฟืองท้าย Limited-slip Differential

สิ่งที่เป็นข้อเสียเปรียบประการหนึ่งนอกจากน้ำหนักที่กระจายมาหน้ารถเยอะกว่า M3 ยุโรป ก็คือขนาดความยาวและใหญ่คับห้องเครื่อง ของเครื่องยนต์ M30 ที่ทำให้ลูกค้าผู้สั่งจองต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง ระบบปรับอากาศ กับ พวงมาลัยเพาเวอร์ สองอย่างนี้จะติดตั้งพร้อมกันไม่ได้

ส่วนช่วงล่างนั้น BMW Motorsport ของ South African กับ Alpina ร่วมมือกันปรับจูนเพื่อให้ 333i สามารถขับได้สนุกแบบไม่ให้เสียชื่อความเป็น Ultimate Driving Machine ระบบเบรกด้านหน้าของเดิมจาก 325i ถูกถอดออกเปลี่ยนเป็นเบรกหน้าแบบ Dual Ventilation พร้อมผ้าเบรกสมรรถนะสูงจาก Alpina ล้ออัลลอยที่เห็นก็เป็นของ Alpina ห่อหุ้มด้วยยาง Pirelli ไซส์ 195/50R16

image source: jalopnik.com

นอกจากนี้ 333i ยังมาพร้อมความหรูหราภายใน มีหน้าปัด Alpina เข็มแดง พิเศษเฉพาะรุ่น มีการติดตั้งมาตรวัดดิจิตอลสำหรับอุณหภูมิน้ำ น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเกียร์ที่ช่องปรับอากาศคอนโซลกลาง และพวงมาลัยสปอร์ตแบบ 3 ก้าน

333i สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 7.4 วินาที และวิ่งผ่านหลัก 1 กิโลเมตรได้ใน 27.7 วินาที แน่นอนครับว่าตัวเลขระดับนี้ในปัจจุบันถือว่า “แรงใช้ได้” แต่อย่าลืมว่ารถคันนี้มาจากยุคที่แม้แต่ M3 ก็ยังมีแรงม้าไม่ถึง 200 ตัว และพวก Grand Tourer แรงๆ ก็ยังมีม้าแค่ 200-250 แรงม้าเท่านั้น ดังนั้นการที่ใครสักคนได้เป็นเจ้าของ 333i ในยุคของมัน ถือว่าเป็นของแรง ที่แม้จะแตกต่างจาก M3 ทั้งเรื่องรสชาติและการขับ แต่ก็เหมือนกันตรงที่เป็นรถชั้นดีควรค่าแก่การสะสมทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม การที่ในปัจจุบัน ยังมี 333i ที่วิ่งได้อยู่บนโลกนี้เหลือไม่ถึง 200 คัน และการที่มันมีขายเฉพาะที่สาธารณรัฐแอฟริกาใต้เพียงแห่งเดียวในโลก มันจึงน่าจะเป็นการยากมากสำหรับนักเลงรถชาวไทยที่จะได้ลองของพิเศษเช่นนี้

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments