รีวิว BMW 530i M Sport หล่อจัด หรูจริง ซิ่งได้ ในราคา 4.339 ล้าน!

เมื่อเรานึกถึง BMW สักรุ่นเชื่อได้เลยว่าภาพของ BMW ที่เรากำลังนึกถึงอยู่นั้น จะต้องเป็นภาพของรถที่เท่ห์ขับสนุก วัยรุ่นขับแล้วชอบ ผู้ใหญ่ขับหรือโดยสารก็สบาย แม้ว่าทุกวันนี้เราจะมี BMW รุ่นต่างๆ เยอะมากขึ้นจากในอดีต เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น แต่รุ่นสำคัญที่ทำให้รถยนต์แห่งแคว้นบาวาเรีย Logo ใบพัดฟ้ามีทุกวันนี้ได้คงจะหนีไม่พ้น BMW 5 Series

BMW นั้นเริ่มใช้เลข ”5” มาตั้งแต่ปี 1972 โดยเริ่มแรกในรหัสตัวถัง E12 จนถึงปัจจุบันคันที่เรานำมารีวิวกันในครั้งนี้ มีรหัสตัวถังว่า G30 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 7

สำหรับท่านใดที่อยากอ่านประวัติ BMW 5 Series อดีตที่ผ่านมามีรุ่นใดบ้าง พี่เนยของเราได้รวบรวมไว้ให้แล้วครับ สามารถคลิกลิงค์เพื่ออ่านต่อได้เลย
รวมรหัสตัวถัง BMW ซีรีส์ 5

BMW G30 5 Series นั้นถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด Business Athletic โดยตัวรถทั้งคัน มีขนาดยาวขึ้น (36ซม.) กว้างขึ้น (6ซม.) สูงขึ้น (2ซม.) และมีขนาดฐานล้อที่ยาวเพิ่มขึ้น (7ซม.) เพื่อให้ตัวรถนั้นมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นและเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาร แต่ในขณะเดียวกันโจทย์ใหญ่ที่เหล่าวิศวกร BMW ต้องหาทางออกให้ได้คือ แม้ว่า G30 5 Series จะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมากแค่ไหน แต่ตัวรถจะต้องมีน้ำหนักที่เบาลง และลู่ลมให้มากขึ้นกว่า BMW 5 Series โฉมก่อนหน้า (รุ่น F10)

ผลลัพธ์ที่ได้จากการพยายามอย่างหนักของเหล่าวิศวกรและเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน ทำให้มนุษย์สามารถดึงแร่ธาตุต่างๆ บนโลกออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในราคาที่เอื้อมถึงมากขึ้น โดยการผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียมและแมกนีเซียมในชิ้นส่วนต่างๆ ของรถแทนเหล็กแบบเดิม รวมถึงโครงสร้างเหล็ก Hi-Tensile ที่มีความแข็งแรงปลอดภัยแต่มีน้ำหนักเบาลง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ BMW G30 5 Series มีน้ำหนักที่ลดลงจากรุ่นก่อนราว 100 กิโลกรัม นอกเหนือจากนั้นยังมีดีไซน์ที่ลู่ลมและสามารถจัดสรรกับอากาศที่วิ่งผ่านตัวรถให้ต้านได้น้อยลงอีกราว 10% (ค่า Cd. 0.22 น้อยที่สุดในคลาส) เมื่อเทียบกับโฉมก่อน

BMW 5 Series สีขาวรุ่นที่เรานำรีวิวกันในครั้งนี้ คือตัว BMW 530i M Sport อันเป็นรุ่นท็อปและแรงสุดของ
5 Series ในปัจจุบัน ในรุ่น 530i M Sport นั้นจะถูกตกแต่งด้วยชุดแต่งแบบ M Sport ด้านหน้ารถจะเห็นได้ชัดถึงชุดโคมไฟที่มีขนาดที่กว้างขึ้นยาวจรดกับกระจังหน้าไตคู่ ซึ่งเป็นกระจังหน้าที่ทำงานเปิด-ปิดได้อัตโนมัติเพื่อให้รถลู่ลมกว่าเดิมเมื่อเดินทางในความเร็วสูง

ส่วนของชุดไฟหน้าเป็นแบบ Adaptive LED Headlight ที่ปรับทิศทางแสงตามองศาการหมุนของพวงมาลัยและมีระบบ Auto-High beam ที่ช่วยเพิ่มระยะการส่องสว่างไกลสุดถึง 500 เมตร จะทำงานต่อเมื่อเซ็นเซอร์ที่หลังกระจกมองพบแสงไฟในบริเวนถนนนั้นน้อย อีกทั้งยังสามารถกั้นเป็นฉากๆ เพื่อไม่ให้แสงแยงตาผู้สัญจรคนอื่นได้อีกด้วย ส่วนของไฟตัดหมอกด้านล่างนั้นก็เป็นแบบ LED เช่นกัน

ท้ายของ 530i M Sport นั้นมีความแบนเตี้ยลงและกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับโฉมก่อนยิ่งบวกกับชุดกันชนท้ายที่ตกแต่งแบบ M Sport ทำให้ดีไซน์รถดูสปอร์ตเพรียวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมท่อไอเสียแบบคู่ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ในทุกๆ รุ่นย่อยของ BMW G30 5 Series (ขนาดอาจจะต่างกันไปตามขนาดเครื่องยนต์)
ชุดไฟท้ายด้านหลังเป็นแบบ LED เส้นยาวและมีไฟตัดหมอกหลังอยู่ร่วมด้วย ส่วนของเส้นสายด้านข้างของรถนั้นดูเฟิร์มหรูสมส่วนกับตัวรถทั้งคัน

ล้ออัลลอย M ลายใหม่แบบ 10 ก้านคู่ขอบ 19 นิ้ว พร้อมครีบอากาศ AIR BREATHER ที่ช่วยในการจัดสรรอากาศจากซุ้มล้อได้ดีขึ้นแถมยังดูหล่อเพิ่มขึ้นอีกด้วย

(ล้อหน้ากว้าง 8 นิ้วขนาดยาง 245/40 ล้อหลังกว้าง 9 นิ้ว ขนาดยาง 275/35 รัดมาด้วยยาง Goodyear Eagle F1 RFT )

530i M Sport นั้นจะได้คาลิปเปอร์เบรกหน้าแบบ 4 Pot พ่นสีน้ำเงินและโลโก้ M หากเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 520d จะได้เบรกหน้าคาลิปเปอร์แบบ 2 Pot ซึ่งมีขนาดจานเบรกเท่ากันทั้งสองรุ่นย่อย

ไฮไลท์สำคัญก่อนจะเปิดเข้าไปชมภายในห้องโดยสารคือกุญแจของรถคันนี้

กุญแจของ BMW 5 Series มาเป็นแบบ Display key เหมือนกับพี่ใหญ่ 7 Series ซึ่งมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่ากุญแจปกติทั่วๆ ไป โดยประโยชน์ของ Display key ชิ้นนี้ที่นอกจากจะดูสวยทันสมัยแล้วยังสามารถเช็คดูสถานะต่างๆ ของรถได้

เช็คสถานะรถว่าได้ทำการล็อกหรือยัง
บอกระยะทางที่สามารถวิ่งได้ของน้ำมันที่เหลือ
สามารถตั้งเปิดพัดลมปรับอากาศเวลาก่อนที่เราจะขึ้นรถได้
เช็คสถานะรถต่างๆ

เมื่อเปิดเข้ามาภายในห้องโดยสารของ 530i M Sport คันนี้ แน่นอนครับรุ่นสูงสุดแถมเป็นกำลังพลสำคัญของ BMW ก็ต้องจัดของมาเต็มหน่อย คุณจะได้หลังคาซันรูฟที่สามารถถ่ายทอดวิวภายนอกได้สวยเช่นนี้

การลุกเข้าออกจากตัวรถนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เบาะคู่หน้าเป็นแบบ Sport หุ้มด้วยหนังแท้แบบ Dakota ตัวเบาะนั้นเป็นแบบปรับไฟฟ้าในทิศทางต่างๆ และสามารถปรับซัพพอร์ทปีกเบาะด้านข้างรวมถึงดันหลังได้อีกด้วย
เหลือแค่ซัพพอร์ทขาที่ยังคงต้องใช้มือดึงออกมาเองและหากท่านใดช่างสังเกต ปุ่ม Memory ตำแหน่งของเบาะนั้นไม่ได้อยู่ติดกับตัวเบาะเหมือนก่อนแล้ว มันถูกย้ายมาที่แผงประตูข้างคนขับแทนครับ

การขึ้นลงประตูหลังก็เข้าออกได้ง่ายเช่นกัน มีม่านบังแดดด้านหลังมาให้ครบไม่ว่าจะในประตูหรือบนกระจกหลัง

พื้นที่วางขาเหลือเฟือและมากขึ้นกว่าในรุ่นเดิมอานิสงส์ของการยืดฐานล้อออกมา

ส่วนของห้องเก็บสัมภาระนั้นมีปริมาตรความจุมากถึง 530 ลิตร (เลขตรงรุ่น 530i เลยแหม่) เปิดปิดด้วยไฟฟ้าสามารถใช้เท้าในการเปิดปิดได้ วิธีการใช้งานเพียงแค่เราพกกุญแจรถไว้แล้วสอดเท้าเข้าไปใต้ชุดกันชนหลัง ฝาท้ายก็จะเปิดขึ้นมาให้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องสัมผัสตัวรถหรือกุญแจใดๆ เลย

เมื่อต้องการปิดฝาท้าย เพียงแค่กดปุ่ม ฝาท้ายหลังก็จะปิดลงให้เองหรือจะใช้เท้าสอดไปใต้กันชนท้ายเพื่อเตะปิดก็ทำได้
(ของเล่นนี้มีเฉพาะในรุ่น 530i M Sport เท่านั้นหากเป็นรุ่น 520d จะต้องปิดด้วยมือเองแต่สามารถเตะเพื่อเปิดได้)

ส่วนของภายในนั้นคอนโซลและชุดหน้าปัดถูกออกแบบใหม่ มีการเลือกใช้วัสดุที่ดูหรูทันสมัยขึ้น สำหรับ 5 Series การออกตำแหน่งการจัดวางปุ่มต่างๆ จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ขับขี่สำคัญที่สุดและใน 530i M Sport จะถูกตกแต่งด้วยแผงอะลูมิเนียมลาย Rhombicle พร้อมแถบโครเมียม

ชุดหน้าจอ iDrive แบบ Touch screen พร้อมระบบนำทางรุ่น Professional ขนาดจอ 10.25 นิ้ว ที่สามารถควบคุมสั่งงานได้จากการสัมผัสจอหรือปุ่มควบคุมข้างคันเกียร์

ไฮไลท์สำคัญซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ BMW 5 Series คันนี้เลยคือระบบ Gesture Control ซึ่งสามารถสั่งการชุดเครื่องเสียงเพียงแค่ตวัดนิ้วราวกับร่ายมนต์ ชุดหน้าจอนี้ก็จะทำงานตามที่สั่ง เช่น หากเพิ่มเสียงก็ใช้นิ้วชี้ ชี้ที่จอขยับมือเป็นวงกลม หรือหากต้องการปฏิเสธสายเรียกเข้าก็เพียงแค่ตวัดมือทิ้งเหมือนปัดของกลางอากาศได้เลย

ในรุ่น 530i M Sport จะได้ชุดเครื่องเสียงรอบทิศทางของ Harman Kardon ติดมาด้วย คุณภาพเสียงนั้นจัดว่าดี เสียงใสและแน่น แต่หากท่านใดที่หูเทพจับรายละเอียดจริงๆ อาจจะรู้สึกเสียงโดนปรุงไม่เป็นธรรมชาติไปซักนิด
แต่สำหรับการฟังทั่วไปเหลือพอแล้วครับ

ชุดพวงมาลัย M Sport พร้อมแป้น Paddle Shift ด้านหลังพวงมาลัย ใน 5 Series ใหม่นั้นพวงมาลัย M จะได้รับการดีไซน์ใหม่ให้มีขนาดใหญ่และอวบขึ้นเล็กน้อย จับได้กระชับล็อกมือดีขึ้นกว่าเดิม หนังและรอยต่อตะเข็บต่างๆยังคงเนียนนุ่มน่าสัมผัสตลอดเวลาเหมือนเคย

ปุ่ม Cruise control พร้อม Lim จำกัดความเร็ว
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงปรับเปลี่ยนคลื่นความถี่อยู่ทางด้านขวามือ

เครื่องปรับอากาศของ 5 Series เป็นแบบ 2 โซน ด้านบนสุดเลยที่วางแก้วไปเล็กน้อยคือแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายหรือ Wireless charger ที่สามารถชาร์จกุญแจรถได้เพียงแค่วางกุญแจทิ้งไว้ที่จุดนี้

ถัดมาด้านซ้ายมือของคนขับ เป็นที่อยู่ของคันเกียร์ไฟฟ้าหน้าตาคล้าย Joy stick เบรกมือเป็นแบบไฟฟ้าเพียงแค่กระดกสวิตช์ขึ้น มาพร้อมฟังก์ชัน Auto Brake Hold ที่ช่วยให้การเดินทางคลานๆหยุดๆ ในเมืองที่รถติดสบายขึ้น

ถัดจากนั้นด้านขวาของคันเกียร์ เป็นที่อยู่ของปุ่มปิดระบบ DSC และปุ่มเลือก Driving Experience Control ที่สามารถเลือกได้ ถึง 3 แบบ อันได้แก่ Eco Pro, Comfort และ Sport ซึ่งในโหมดของ Eco pro และ Sport นั้นผู้ขับสามารถเข้าไปเซ็ตค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย คันเร่ง การตอบสนองของเกียร์หรือการลดการทำงานของแอร์ ได้แบบ Individual

ใต้ลงมาอีกนิดคือปุ่มสั่งงาน Parking Assistant Plus หรือระบบถอยจอดเองอัตโนมัติ ที่สามารถเข้าจอดได้ทั้งการจอดแบบขนานหรือเข้าซอง โดยรถจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง! คนขับมีหน้าทีเพียงแค่กดปุ่มนี้ค้างไว้

ระบบจะทำงานเทพอย่างไร พี่อู๋ Spin 9 ของเราจะพาไปชมกันครับ

นอกจากไฮไลท์ของระบบ Parking Assistant Plus แล้วความดีงามของรถยังไม่หมด ระบบ PDC ของรถและกล้องรอบคันแบบ 360 องศา นั้นยังเป็นอีกส่วนที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ !

กล้องรอบคันของรถนั้นมีความคมชัดมากแสดงภาพได้ต่อเนื่องและกราฟฟิกที่เห็นตัวรถเองสวยเนียนจริงๆ ระบบ PDC เซนเซอร์รอบคันก็ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยคนขับเวลาจอดได้อย่างดีเยี่ยม

วิธีการปรับหมุนมุมกล้องต่างๆ สามารถใช้งานร่วมกับระบบ Gesture Control โดยทำนิ้วมือเป็นรูปจีบหมุนภาพเรื่อยๆได้ หรือจะใช้นิ้วจิ้มไปที่จอเลยก็ทำได้ครับ

ส่วนของโปรแกรม Driving Experience Control นั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ 3 แบบ
แบบแรกคือโหมด Eco Pro

โหมดการขับขี่แบบ Eco Pro นั้น คันเร่งของรถจะตอบสนองช้าลง เกียร์จะถูกเปลี่ยนขึ้นให้รอบเครื่องยนต์ต่ำที่สุดและพยายามปล่อยให้รถสามารถไหลเมื่อถอนคันเร่งออกจากเท้าให้ไปได้ไกลที่สุดเพื่อลดการใช้พลังงาน โดยเราสามารถตั้งค่าได้ตามใจผู้ขับไม่ว่าจะเป็นการปรับพวงมาลัยให้หนักขึ้นหรือจะเลือกไม่ปรับลดแอร์เป็นต้น

ส่วนหน้าปัดของ BMW 5 Series ใหม่ จะได้จอหน้าปัดแบบใหม่ตามรอยพี่ชายอย่าง 7 Series โดยจะมีกราฟฟิกที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละโหมดที่เราเลือกปรับ

โหมด Comfort นั้นจะเป็นค่าเริ่มต้นเมื่อสตาร์ทรถ พวงมาลัยจะเบาเหมือนในโหมด Eco Pro ส่วนคันเร่งกับเกียร์จะตอบสนองไม่เชื่องช้าแบบ Eco Pro แต่จะตอบสนองอยู่ตรงกึ่งกลางก่อนจะบู๊แบบตอนอยู่ในโหมด Sport และ
จะได้หน้าตามาตรวัดเป็นเช่นนี้

หากปรับมาโหมด Sport รอบเครื่องยนต์และเกียร์กับคันเร่งจะตอบสนองไวขึ้น รถจะคารอบทิ้งไว้และเกียร์จะเปลี่ยนลงมาให้รถพร้อมกระโจนไปข้างหน้า หากตบเกียร์มาที่ D/S การเปลี่ยนเกียร์จะยิ่งกระชากใจมากขึ้นและยิ่งใช้กับการเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual แล้วคารอบไว้สูงๆ ชุดหน้าปัดนี้จะมี Shift light กระพริบเตือนอีกด้วย เรียกได้ว่าถึงใจจริงๆ พวงมาลัยจะหน่วงมือขึ้นเล็กน้อยเพิ่มความั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง

ในโหมด Sport ผู้ขับก็ยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็น Sport แบบค่าโรงงานหรือเลือกปรับเองตามความต้องการเป็น Individual ได้ครับ ส่วนตัวแนะนำค่านี้เพราะบ้างครั้งเราแค่ต้องการให้รถมั่นใจขึ้นเมื่อใช้ความเร็วแต่ไม่ต้องการให้เกียร์ใช้บทบู๊คารอบสูงๆไว้ตลอด

วิธีเลือกระหว่าง Individual กับ Standard ให้กดปุ่ม Sport หนึ่งหรือสองทีหรือจะหมุนจากชุดควบคุม iDrive ก็ย่อมทำได้

Sport Plus หายไปเปลี่ยนมาเป็น Individual กับ Standard แทน

BMW 5 series ยังมาพร้อมกับชุด Light Package หรือไฟเพิ่มบรรยากาศที่จะซ่อนไฟ LED ที่สามารถปรับสีโทนต่างๆได้ไว้ตามแผงประตูและส่วนต่างๆ ในห้องโดยสารของรถ เมื่อเดินทางตอนกลางคืนคุณจะได้บรรยากาศที่ชวนน่าโดยสารแบบนี้!

ผู้ขับสามารถเลือกเปลี่ยนโทนสี ความสว่างหรือจะให้ Dim ลดไฟลงก็ทำได้ผ่านหน้าจอ iDrive เช่นเคย

Engine and Drivetrain

ขุมพลังของ BMW 5 Series 530i M Sport เมื่อเปิดฝากระโปรงขึ้นมาคุณจะพบกับเครื่องยนต์รหัส B48B20B เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo

ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 252 แรงม้า ที่ 5,200-6,500 รอบต่อนาที
แรงบิดนั้นมาตั้งแต่รอบต้นๆ 350 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,800 รอบต่อนาที

DRiVE

เมื่อได้ขับ BMW G30 530i M Sport คันนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รหัสตัวแรงสูงสุดเหมือนสเปกเมืองนอก แต่ผลงานที่เครื่อง 2.0 ลิตร 252 แรงม้า บล็อกนี้ทำออกมามันเหลือพอแล้วจริงๆ สำหรับถนนประเทศไทยหรือสำหรับเท้าของพวกเราทีมงาน Bimmer-th ทุกคน อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น บนสเปก BMW เคลมไว้ที่ 6.2 วินาที และ Top Speed อยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่เมื่อทดสอบเมื่อวิ่งถนนจริงจะเป็นเช่นไรเรามีคลิปมาฝากเช่นเคยครับ

ผลอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้ Launch control เมื่อนับเวลาหลังยกเท้าออกจากเบรกจริงๆ จะทำได้ราว 6.7 วินาที แต่หากเป็น Sport โหมดกับ Comfort ธรรมดาแล้วกดคันเร่งเต็มจะอยู่ราว 7 วินาที ส่วนของ Top speed  ผมสามารถพา 530i คันนี้ทะยานไปได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนมาตรวัดและใช้เวลาในการไปถึงไม่นานเสียด้วย

ช่วงล่างของ BMW 530i M Sport คันนี้เป็นช่วงล่างแบบ M Sport ที่มีชุดโช้คกับสปริงที่เตี้ยลงกว่าในรุ่น 520d Luxury 10 มิลเมตร หรือ 1 เซนติเมตร เป็นช่วงล่างตายตัวที่ยังไม่สามารถปรับได้ แต่การตอบสนองของช่วงล่างนั้นลงตัวระหว่างการขับปกติ หรือจะวิ่งใช้ความเร็วสูงก็ไม่ได้รู้สึกแข็งกระด้างอะไรและยังให้ความมั่นใจจนถึงความเร็ว Top speed ที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้แบบนิ่งๆ การเดินทางผ่านหลุมท่อในเมืองถึงแม้จะเป็นล้อขอบ 19 นิ้ว พร้อมกับ RunFlat แก้มเตี้ยก็ยังรู้สึกไม่ได้แข็งสะท้านอะไรแต่ก็ไม่ถึงกับนุ่มจนย้วยยวบยาบ

เรียกได้ว่าผู้ใหญ่ขับก็สบาย วัยรุ่นขับก็สนุก ตัวรถถึงแม้จะยาวใหญ่มากขึ้นแค่ไหนแต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกครั้งก็คือ BMW สามารถทำให้ตัวรถทั้งคันเฟิร์มแน่นและเป็นชิ้นเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเข้าโค้งโหดๆ หรือมุดสวมวิญญาณพระเอกสายลับซิ่งรถไปช่วยกู้โลกก็ตามที ตัวรถให้ความรู้สึกฉับไวได้ดั่งใจคิดเสมอสมกับความเป็นรถที่เกิดมาเพื่อเป็น
The Ultimate Driving Machine เสียจริงๆ

นอกเหนือจากนั้น การตอบสนองของพวงมาลัยที่มีน้ำหนักกำลังดีเมื่อใช้โหมด Comfort และความไวที่มาพร้อมความคมในลักษณะที่เหมาะสมทำให้การวิ่งในเมืองมุดลัดเลาะหลบหลุมหลบรถเมล์หรือเข้าซอยต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดายราวกับว่ากำลังขับรถเล็กอยู่ บทจะต้องการกำลัง เร่งแซงบนทางด่วนหากขับแบบคนปกติในโหมด Comfort ก็ให้ความมั่นใจและตอบสนองได้ไวเกินพอแล้วเมื่อมองถึงความเร็วที่กฎหมายกำหนด จนเอาเข้าจริงรถถ้าไม่ได้ต้องการบู๊อะไรการใช้โหมด Eco Pro แล้วขับนุ่มๆ ชิลๆ น่าจะทำให้โอกาสได้ใบสั่งมาที่บ้านลดลงมากกว่า

“การตอบสนองที่ทันใจสั่งได้ดั่งใจคิดเป็นเสน่ห์ของ BMW มาอย่างช้านานจริงๆ”

แป้นเบรกและฟิลลิ่งการเบรกนั้นสบายใจได้หายห่วง สามารถที่จะคุมรถได้อยู่มัดถึงแม้ว่าจะใช้ความเร็วมากถึง 200 กิโลเมตรต่อชัวโมง แล้วต้องการจะลดความเร็วลงฉุกเฉินก็ตาม อีกทั้งยังเป็นเบรกที่ไม่ไวเกินไปมีน้ำหนักและระยะพอดีเท้า สามารถคุมให้คลานๆในเมืองเบรกแล้วไม่หน้าทิ่มได้ เรียกได้ว่าเบรกคาลิปเปอร์ M แบบ 4 Pot ชุดนี้สอบผ่าน

การเก็บเสียงในห้องโดยสารนั้นต้องขอพูดว่าแม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงถึง 180-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้โดยสารในรถก็ยังคงรู้สึกสบายและไม่ได้รู้สึกว่ารถกำลังวิ่งเร็วเลยแม้แต่น้อย! การเก็บเสียงของ BMW G30 530i M Sport คันนี้ทำได้ดีมาก มากจนได้ยินเสียงท่อคำรามเข้าห้องโดยสารมาน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!

ส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากที่ได้ทดลองวิ่งทางไกล เป็นระยะทาง 94.5 กิโลเมตร เติมน้ำมันเต็มถังพอให้หัวจ่ายตัดแล้วกลับรถขึ้นทางด่วน โดยใช้ความเร็วเดินทางปกติที่ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางด่วนและมีการเร่งแซงเกิน 120 บ้างเป็นช่วงสั้นๆ ไปสองรอบ

 

ผลที่ได้หน้าจอคอมพิวเตอร์ แจ้งอัตตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมา 13.6 กิโลเมตรต่อลิตร แต่เมื่อนำไปหารกับจำนวนน้ำมันที่เติมกลับกับระยะทางที่วิ่งไปจะพบว่า สามารถทำได้ที่ 14.58 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าไม่แย่สำหรับรถที่มีกำลังแรงขนาดนี้และมีขนาดตัวแบบนี้

 

บทส่งท้าย

ความคิดเห็นเสริมจากทีมงาน Bimmer-TH

ความเห็นเสริมจาก Pan Paitoonpong

ในงบประมาณไม่เกิน 4.5 ล้านบาท มีซาลูนชั้นดีให้คุณเลือกหลายรุ่น แต่จะมีไม่กี่รุ่นที่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นรถขับสนุก และในความคิดของผม 530i M Sport มีลักษณะใกล้เคียงนิยามของสปอร์ตซาลูนมากที่สุด เครื่องยนต์มีแรงบิดดีเป็นช่วงกว้าง มีเสียงภายในรถที่คล้าย 6 สูบอย่างน่าประหลาด ซึ่งอาจจะเป็นเสียงสังเคราะห์ก็ได้..เกียร์ทำงานได้ไวเวลาที่คุณต้องการ และนุ่มนวลเวลาที่คุณอยากสบายตัวช่วงล่างของ 530i เป็นสเป็ค M Sport ที่ทำให้สามารถขับเร็วๆได้มั่นใจกว่า 520d Luxury แบบคนละเรื่อง
ในโหมด Comfort มันจะตอบสนองได้ดีปานกลาง แต่โหมด Sport นั้นตรงใจทุกอย่าง ตบคันเร่งรถก็ดึงแทบจะในทันที พวงมาลัยเบาและไวขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว เป็นรถที่สนุกได้ทั้งในโค้งและบนทางตรง นี่คือรถอีกคันที่รักษาเอกลักษณ์ BMW เอาไว้ได้ทั้งเรื่องการใช้งาน และความสนุกในการขับ มันจะน่าเสียดายมากถ้าในอนาคตเราจะไม่ได้มีรถรุ่นนี้เป็นตัวเลือกในตลาดประเทศไทย ถ้าใครซื้อได้ก็รีบซื้อก่อนเขาจะเลิกขายก็แล้วกัน

ความเห็นเสริมจาก Thanapol Ratanaboon

“ผมเคยคิดว่า E39 คือ 5 Series ที่ดีที่สุดตลอดกาล ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้ว”
ผมมีพื้นที่เล็กๆ ในใจให้ E39 เสมอ ผมหลงเสน่ห์ E39 มากพอๆ กับ คุณโอ๊ต ปราโมทย์ หลง คุณปู ไปรยา และคิดมาตลอดว่าไม่มีวันที่ BMW จะทำซีรีส์ 5 ที่ดีกว่า E39 ออกมาได้ ผมจึงไม่มีความคาดหวังใดๆ เลย
ในขณะที่กำลังเดินเข้าหา 530i M Sport G30 สีขาวที่จอดอยู่ตรงหน้าในค่ำคืนนั้น แต่ทันทีที่ล้อหน้ารถสัมผัสพื้นถนนใหญ่ ตัวรถสื่อสารผ่านทางฝ่ามือขึ้นมาราวกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน บนถนนโล่งมันสลัดภาพความสุขุมของรถผู้บริหารทิ้งไปจนหมดเกลี้ยงและกลายเป็นรถที่ดุแต่ไม่ก้าวร้าว ความเร็ว 200 กม./ชม. “มา” โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม และขณะที่มันทำอย่างนั้นผู้โดยสารก็ยังคงชิลประหนึ่งว่านี่เป็นเรื่องปกติ ช่วงล่างดูดซับแรงสะเทือนได้ดี พวงมาลัยคมกริบ เครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบมีกลิ่นอายของเสียง BMW 6 สูบอยู่จางๆ เรียกได้ว่าคนขับก็อิน คนนั่งหลังก็ฟิน ผมขับรถกลับมายังจุดเริ่มต้นพร้อมกับใจที่ครุ่นคิดว่าผมยังจะอยากได้ E39 อยู่อีกหรือ และถ้าเกิดมีคนมาถามว่าทำไมยังเลือก E39 อยู่ ผมควรจะตอบยังไงเพื่อไม่ให้เสียหน้าในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Bimmer-th ดี? ไม่ล่ะ…วันนี้ ผมจะบอกคุณว่า G30 คือซีรีส์ 5 ที่ดีที่สุดเท่าที่ BMW เคยสร้างมา แต่เมื่อก้มลงมาดูเงินในบัญชีแล้ว ผมก็คงต้องซื้อ E39 นั่นล่ะ…

ความเห็นเสริมจาก Spin9

BMW 5 Series เป็นหนึ่งในตัวเลือกของนักธุรกิจมาโดยตลอด และผมคงไม่แปลกใจที่จะได้เห็น BMW 5 Series ในโฉม G30 นี้ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก ไม่แพ้กับ 5 Series รุ่นก่อนหน้า แต่ความแตกต่างที่ชัดเจนของซีรีส์ 5 ตัวนี้ ที่ BMW ตั้งใจอย่างมาก คือมันไม่ใช่แค่ Business Saloon แต่มันคือ “Business Athlete” ถ่ายทอดคาแรคเตอร์จากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่หยุดอยู่กับที่ ไม่หลงไปกับความสำเร็จของตนเอง ไขว่คว้าที่จะหาเป้าหมายถัดไปอยู่เสมอ และ BMW ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมกับรถซาลูน ที่ให้ฟีลสปอร์ตได้มากอย่างน่าประทับใจใน BMW 530i M Sport คันนี้ มันมีหลายอารมณ์เลยในรถยนต์คันนี้ ภายนอกดูหรู เหมาะกับลุคนักธุรกิจอย่างไม่ต้องสงสัย ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ทั้งคนขับและคนนั่ง แต่มันก็พร้อมที่จะแปลงร่างให้เป็นรถที่พานักธุรกิจคนนั้น ไปซิ่ง ไปสนุกได้ทุกเวลาเช่นกัน นักธุรกิจที่แสวงหาสิ่งใหม่ที่ท้าทายความสามารถของตนเองอยู่เสมอ นี่คือรถที่เหมาะกับคุณครับ

ความเห็นเสริมจาก Thitipat Hiranbavorntip

ผมเคยคิดไว้ว่าคนเราชีวิตนี้ควรจะต้องมีรถอย่างน้อยไว้สองคัน คันหนึ่งเพื่อไว้โดยสารใช้ในชีวิตประจำวันขับเข้าเมืองเจอรถติดพาครอบครัวผู้ใหญ่นั่งออกต่างจังหวัดได้แบบสบายๆ สำหรับทุกคน ส่วนคันที่สองควรจะเป็นรถที่เหมาะสำหรับวันหยุดในการออกไปขับเล่นซึมซับบรรยากาศ สนุกกับการเข้าโค้งต้องเป็นรถที่สามารถสื่อสารกับคนขับได้อย่างรู้ใจกัน ผมมีอุดมการณ์ความคิดในแบบนี้
จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้มีโอกาสขับรถสีขาวที่มีโลโก้ด้านท้ายเป็นรูปใบพัดสีฟ้าพร้อมตัวเลข 530i แปะติดอยู่ ภายนอกของมันช่างดูสุขุมเหมือนจะแตะตาแต่ก็ไม่มากนัก แต่เมื่อมองเพ่งไปอีกทีมันเป็นรถที่มีเสน่ห์ให้ละสายตาได้ยากอย่างบอกไม่ถูก จนเมื่อได้ขึ้นมาสัมผัสหลังพวงมาลัยก็ต้องตกใจถึงความคล่องตัวของมัน ผมค่อยๆ วนกลับรถออกจากถนนวิทยุ คลานผ่านรถติดอย่างช้าๆ จนเมื่อเจอถนนโล่งผมเริ่มกดคันเร่งเยอะขึ้น จนค้นพบว่ามันเป็นรถที่เหมือนมีสองร่างในคันเดียวกันและสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจกันได้สนิทโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน มันตอบโจทย์ที่ผมตั้งไว้ได้ในร่างเดียว ตลอดเวลาระยะ 3วัน2 คืนที่ผมได้อยู่หลังพวงมาลัยรถคันนี้จนคืนรถไปผมมีความสุขมากทุกครั้งที่ได้ขับ มันเป็นรถที่สร้างรอยยิ้มให้ผมได้มากที่สุดตั้งแต่เคยขับรถมา ผมได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเราจะกลับมาเจอกันอีก วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ผมจะเปิดเพลง Star Man ของ David Bowie แล้วพา 530i ลัดเลาะในโค้งอีกให้เหมือนกับที่ผมเคยทำในรถคันนี้

ราคา BMW 5 Series G30 ทั้งสามรุ่นย่อย ข้อมูล ณ วันที่ 01/08/2017
BMW 520d Sport
CKD              ราคา 3,439,000 บาท
BMW 530i M Sport CBU           ราคา 4,339,000 บาท (รุ่นที่นำมารีวิว)

ขอขอบคุณ 

BMW Thailand
ที่เอื้อเฟื้อรถในการทดสอบ

บทความโดย
ธิติพัทธ์ หิรัญบวรทิพย์

ตรวจอักษร
Thanapol Ratanaboon


สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาถ้อยคำรูปภาพในบทความโดยผู้เขียนและเว็บไซต์ Bimmer-TH.com
กรุณาขออนุญาตก่อนนำไปใช้ 

The following two tabs change content below.

Thitipat Hiranbavorntip

Eat Sleep Drive // First Jobber ผู้ลุ่มหลงกับเสียงเครื่องยนต์และโค้งบนภูเขา

Comments

comments