BMW M4 Competition Convertible เปิดหลังคาท้าความแรง

วันที่ 26 พฤษภาคม 2021 ทาง BMW ที่เยอรมนีได้เผยแพร่ภาพอย่างเป็นทางการชุดแรกของ BMW M4 Competition Convertible ซึ่งนับเป็นตัวถังที่สามในบรรดา Performance Car ไซส์กำลังน่าฟัดกระทัดรัดแต่ไม่เล็กเกินไป โดยในช่วงเปิดตัวนี้ ทาง BMW เผยว่าจะมีเพียงสเป็คเดียวเป็นรุ่นท้อปสุด คือ M4 Competition Convertible ซึ่งมาพร้อมกับระบบ M xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งทาง BMW เพิ่งติดตั้งลงใน M4 Coupe ปี 2021 นี่เอง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่สนุก เพราะปรับเป็นขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมเพนท์สีดำบนถนนด้วยยางได้เช่นเดียวกับ M5 และที่สำคัญ เมื่อมีม้าทะลุครึ่งพันใต้ฝากระโปรง คุณไม่ต้องเลี้ยวก็สนุกกับแรงจีได้

.

โดยปกติแล้ว ตลาดรถ Performance Car จะมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เน้นสมรรถนะในการขับเป็นอันดับแรก ทำให้รถบอดี้คูเป้หลังคาแข็งฟันยอดขายได้มากกว่า แต่ก็มีลูกค้ากลุ่มเล็กอีกส่วนหนึ่งที่เน้นเรื่องความเร็ว และสมรรถนะในการขับขี่น้อยลง แต่อยากได้อรรถรสในการใช้งานแบบรถเปิดหลังคา เช่นในอเมริกา หรือยุโรป บริเวณที่สภาพอากาศเป็นใจ หรือบางคนก็ชอบการขับแบบให้มีลมตีหน้า ฟังเสียงเครื่องยนต์และเสียงท่อได้ชัดเจน ซึ่งทาง BMW ก็ไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มนี้ ดังจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ M3 E30 Convertible ก็มีเวอร์ชั่นเปิดหลังคาของ M3/M4 ออกมาให้เลือกอยู่เสมอ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในรถรุ่นนี้ นอกจากจมูกที่โตจนตอนแรกคนตกใจกันเยอะ (แต่เริ่มรับได้ เริ่มชอบกันในภายหลัง) ก็คือเรื่องของหลังคา ใน M4 Convertible เจนเนอเรชั่นที่แล้วจะใช้หลังคาแข็งแบบพับได้ แต่รุ่นใหม่นี้จะเปลี่ยนเป็นหลังคาผ้าใบ พับหรือกางด้วยไฟฟ้า มาในแนวทางเดียวกับ Z4 และรถเปิดประทุนรุ่นใหม่ๆหลายรุ่น ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ หลังคาแบบ Soft Top ได้รับความนิยมเพราะสองแง่มุม จากมุมมองของลูกค้า หลังคาแบบนี้ดูหรูหรากว่า ส่วนในแง่มุมของวิศวกรรม หลังคาแบบนี้ เปิดอิสระในการออกแบบกลไกการพับ ทั้งยังประหยัดเนื้อที่จัดเก็บ และส่งผลให้น้ำหนักหลังคาเบาลงอีกด้วย

โดยวิศวกรของ BMW เคลมว่า พอเปลี่ยนมาใช้หลังคา Soft Top แทนหลังคาแข็งพับได้แบบเดิม น้ำหนักของหลังคาก็ลดลงถึง 40% ชุดหลังคาได้รับการบุเก็บเสียงอย่างดี และมีกระจกที่บานหลังเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานไม่ขุ่นมัวแบบพลาสติก เมื่อกดสวิตช์ จะใช้เวลาในการเปิด/ปิด 18 วินาที และสามารถกดสั่งกาง/เก็บหลังคาได้ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. และจากการกินเนื้อที่จัดเก็บน้อยลง BMW ก็สามารถออกแบบคานแนวขวางบริเวณตัวถังช่วงหลังขึ้นมาใหม่ การวางตำแหน่งคานที่ถูกต้อง ทำให้ลดน้ำหนักตัวรถลง แต่กลับได้ความต้านทานการบิดของตัวถังที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รถมีการบังคับควบคุมที่แม่นยำขึ้น และยังได้เนื้อที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมอีก 80 ลิตรเป็น 385 ลิตร พอๆกับรถเก๋งแฮทช์แบ็คขนาด Compact

M4 Convertible รุ่นใหม่ มีขนาดตัวถังที่โตขึ้นในทุกมิติ เพิ่มความยาวขึ้นถึง 122 มม. เป็น 4,794 มม. ความกว้างเพิ่ม 17 มม. เป็น 1,887 มม. และยังกว้างกว่า 4 Series Convertible รุ่นปกติถึง 40 มม. ซึ่งเป็นผลมาจากการมีโป่งซุ้มล้อที่กว้างกว่ากันอย่างชัดเจน ความยาวฐานล้อ ก็เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมอีก 45 มม. เป็น 2,857 มม. ความใหญ่โตนี้ก็อาจจะส่งผลเรื่องน้ำหนักด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้หลังคา Soft Top แล้ว M4 Competition Convertible M xDrive ก็ยังมีน้ำหนักถึง 1,995 กิโลกรัมตามมาตรฐาน EU ซึ่งหนักกว่ารถผู้บริหารอย่าง BMW 530e เสียอีก แล้วก็ยังหนักกว่า M4 เวอร์ชั่น Coupe Competition รุ่นขับสี่ อยู่ถึง 145 กิโลกรัม

แต่อย่าได้คิดว่าตัวหนักมากขนาดนี้จะไร้ซึ่งพิษสง เพราะใต้ฝากระโปรงมีม้าอยู่กว่าครึ่งพัน จากเครื่องยนต์ S58 แบบเดียวกับ M4 Competition Coupe ซึ่งเป็นแบบ 3.0 ลิตร 24 วาล์ว 2,993 ซี.ซี. จากขนาดปากกระบอกสูบ 84.0 มม. และช่วงชัก 90.0 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 ใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ลูก เป็นเทอร์โบแบบธรรมดาไม่ใช่ Twin-scroll ใช้วิธีต่อแบบ Parallel โดยลูกที่หนึ่งจะรับไอเสียจากลูกสูบที่ 1-3 และอีกลูกหนึ่งรับไอเสียจากสูบที่ 4-6

ในขณะที่ M3 Sedan และ M4 Coupe จะมีขุมพลัง 2 ระดับ มีทั้งรุ่นขับหลังและขับสี่ และมีเกียร์ธรรมดาในรุ่นเบสิก M4 Convertible นั้น ทาง BMW จัดสเป็คมาเพียงแบบเดียวไม่ต้องเลือกให้มาก โดย M4 Competition Coupe จะมีพลัง 510 แรงม้า/6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด พุ่งไปถึง 650 นิวตันเมตร/2,750-5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พัฒนาโดย ZF จูนโดย M Division โดยเหตุผลที่ M Division ตัดสินใจเลิกคบกับเกียร์คลัตช์คู่ เพราะในปัจจุบัน พวกเขาสามารถทำเกียร์อัตโนมัติให้ตอบสนองได้ไวเทียบเท่าเกียร์คลัตช์คู่ มีความซับซ้อนน้อยกว่า และมีน้ำหนักเกียร์น้อยกว่า

เมื่อเข้า Manual Shifting Mode เกียร์จะไม่ชิฟท์ขึ้นให้แม้จะลากทะลุเรดไลน์ เป็นไปตามความต้องการของนักขับโดยเฉพาะ และถ้าขับอยู่เกียร์สูงแล้วต้องการลงเกียร์ต่ำสุด ก็ไม่ต้องตบแป้นหลายที แค่กดแป้น – คาไว้ ระบบจะพาไปเกียร์ต่ำสุดเท่าที่รอบเครื่องสามารถรับได้ โดยมีอัตราทดเกียร์ดังนี้

  • เกียร์ 1  = 5.000
  • เกียร์ 2  = 3.200
  • เกียร์ 3 = 2.143
  • เกียร์ 4  = 1.720
  • เกียร์ 5  = 1.313
  • เกียร์ 6  = 1.000
  • เกียร์ 7  = 0.823
  • เกียร์ 8  = 0.640
  • เกียร์ถอยหลัง  3.478
  • อัตราทดเฟืองท้าย  3.154

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive กระจายกำลังแบบเน้นไปที่ล้อหลังมากกว่าด้านหน้า เพื่อลดอาการหน้าดื้อขณะเข้าโค้ง และสามารถกวาดท้ายออกได้ตามคันเร่ง การแบ่งพลังขับหน้าและหลัง เป็นหน้าที่ของชุดตัดต่อกำลังแบบ Multi-plate Clutch และยังมีเฟืองท้ายแบบ Active M Differential เพื่อรักษาความสัมพันธ์ในการหมุนระหว่างล้อซ้าย/ขวา ลดอาการฟรีทิ้งของล้อวงในโค้ง

นอกจากนี้ M xDrive เป็นระบบขับเคลื่อนที่เปิดโอกาสให้นักขับสามารถเลือกอุปนิสัยในการส่งกำลังได้

  • 4WD – โหมดค่าเริ่มต้น จะเน้นการเกาะถนนเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยทุกสภาพอากาศ โดยยังส่งกำลังไปล้อหลังในอัตราส่วนมากกว่าล้อหน้าเพื่อการเลี้ยวที่เฉียบคม
  • 4WD Sport – ปรับส่งพลังขับเคลื่อนไปล้อคู่หลังมากขึ้นอีก จนสามารถทำให้ดริฟท์แบบท้ายออกนิดๆ แก้อาการได้ไม่ยาก สนุก แต่ไม่ต้องลงไปคุยกับร่องน้ำข้างทาง
  • 2WD – ปิด DSC แล้วเลือกโหมดนี้ คุณก็จะได้ความสนุก สร้างศิลปะพู่กันคู่บนถนนด้วยยางของคุณเฉกเช่นวิถีชาว M ที่เคยเป็นมา ระบบนี้จะปรับส่งกำลังไปล้อคู่หลัง 100% และคุณสามารถปรับดีกรีการช่วยเหลือของระบบป้องกันล้อหมุนฟรีได้ 10 ระดับ ผ่านระบบ M Traction Control ซึ่งถ้าปรับเหลือศูนย์ ก็เท่ากับว่ารถของคุณจะไม่มีระบบช่วยเหลืออิเล็กทรอนิกส์ใดๆทำงาน รับความเสี่ยงและความสนุกแบบยุค 80s โดยที่มีพลังของยุคปัจจุบันเผายางอยู่

ช่วงล่างของ M4 Competition Convertible ได้ระบบปรับความหนืดอัตโนมัติ M Adaptive Suspension เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบเบรกยกมาจาก M4 Competition Coupe พร้อมระบบ Integrated Braking System ซึ่งนักขับสามารถเลือกปรับความรู้สึกในการตอบสนองของแป้นเบรกได้ 2 ระดับ เลือกตามที่ถนัดได้เลย

สำหรับตัวเลขสมรรถนะ ทาง BMW เคลมว่า M4 Competition Convertible สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.7 วินาที (เร็วกว่า M4 Competition Coupe รุ่นขับหลัง) 0-200 กม./ชม. ภายใน 13.1 วินาที (ช้ากว่า M4 Competition Coupe ขับหลัง 0.6 วินาที) ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ยกเว้นว่าลูกค้าสั่ง M Drive Professional Package ซึ่งจะเพิ่มความเร็วสูงสุดให้ไปล็อคที่ 280 กม./ชม. แทน

สำหรับภายในของ M4 Competition Convertible ใหม่นั้น หากไม่นับเบาะหลังที่ปรับลดขนาดให้เหมาะกับการเป็นรถเปิดประทุนแล้ว องค์ประกอบอื่นๆจะเหมือนกับ M4 Coupe สำหรับในด้านเทคโลโลยีภายในที่ให้มา ก็จะมีระบบปฏิบัติการ BMW OS 7.0 หน้าปัด BMW Live Cockpit Professional สำหรับ M Car ที่มาพร้อมกับจอ TFT 12.3 นิ้ว และจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว สิ่งที่ให้มาเพิ่มสำหรับนักซิ่งก็คือระบบ Drift Analyser ซึ่งมอนิเตอร์ลักษณะการดริฟท์ของรถ, M Lap Timer ซึ่งสามารถจับเวลารอบสนามและแสดงผลบนจอ HUD ได้ นอกจากนี้ กล้องรอบคันของ M3/M4 ยังสามารถจับภาพจากกล้องทุกตัวและบันทึกเป็นวิดิโอได้ยาว 40 วินาที

เบาะแบบมาตรฐานของ M4 Convertible จะเป็นแบบสปอร์ต ปรับด้วยไฟฟ้า แต่รถคันในภาพโปรโมทในบทความนี้ เป็นเบาะคาร์บอนบัคเก็ตซีท น้ำหนักเบา ลดน้ำหนักลงจากเบาะสเป็คมาตรฐานไปถึงตัวละ 9.6 กิโลกรัม

และนี่คือความสะใจ ไปกับพลังขับเคลื่อนและสายลมอีกครั้ง โดย BMW เยอรมนี แจ้งว่าพวกเขาจะเริ่มผลิต M4 Competition Convertible ในเดือนกรกฎาคม 2021 จากนั้นจะทยอยส่งมอบสู่ประเทศต่างๆทันที และในเดือนเดียวกันนั้นจะมีการนำระบบเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์เวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้ครั้งแรกในรุ่น Convertible นี้ ไป Install ลงในรถ M4 ตัวถัง Coupe และ M3 ผ่าน Remote Software Upgrade อีกด้วย

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments