ย้อนรอย รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ BMW ตั้งแต่ปี 1972 ถึงปัจจุบัน

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับว่าโลกของรถยนต์ยุคใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้  อาจเต็มไปด้วยรถยนต์เสียบปลั๊กที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้าแบบเพียวๆ โดยไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและไม่จำเป็นต้องพึงพาน้ำมันอีกต่อไป แต่ก่อนที่รถเหล่านี้จะถูกพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ให้ไปได้ไกลถึงขนาดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเสียทีเดียวครับ วันนี้ BIMMER-TH จึงอยากขอนำทุกท่านมาร่วมทัวร์ย้อนเวลากลับไปถึงจุดกำเนิดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบันของ BMW กัน

Tips: ทราบหรือไม่ว่า BMW ได้พัฒนาวิจัยรถพลังงานไฟฟ้ามายาวนานกว่า 40 ปี โดยกำหนดเป้าหมายว่าภายในปี 2025 BMW จะต้องผลิตรถไฟฟ้าให้ได้ถึง 25 รุ่น

1972 BMW 1602e
BMW ได้เปิดตัวเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาในฐานะรถนำขบวนของนักวิ่งมาราธอน ในงาน Olympic Game ที่เมืองมิวนิค

เจ้า BMW 1602e คือรถยนต์ที่ถูกถอดเครื่องยนต์และถังน้ำมันเชื้อเพลิงออก แล้วถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 12 Volt จำนวน 12 ลูกนำมาใส่แทนเครื่องยนต์ในด้านหน้าของรถ ทำให้สามารถวิ่งได้จากกรุงเทพฯ-พระราชวังบางปะอิน หรือระยะทาง 60 กิโลเมตร นับว่าเป็นก้าวแรกที่ไม่เล็กสำหรับรถในปี 1972 เลยทีเดียวครับ

1975 BMW LS Electric
ในปี 1975 ทีมวิศวกร BMW ได้พัฒนาโปรเจคลับ เกิดเป็นรถยนต์ BMW LS Electric

BMW LS Electric เป็นโปรเจคการทดลองลับของเหล่าวิศวกร BMW ตัวรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ DC ใหม่จาก Borsch โดยจุแบตเตอรี่ 12 Volt ไว้ที่ห้องเครื่องรถเพียง 10 ลูก สามารถชาร์จไฟเต็มได้ในระยะเวลา 14 ชั่วโมง ชุดเบรกของ LS Electric เป็นแบบ Drum Brake ซึ่งมีเทคโนโลยี regenerative braking สำหรับการดึงพลังงานจลกลับเข้ามาสะสมในแบตเตอรี่เป็นหลักและเผื่อไว้สำรองสำหรับการเบรกที่หนักขึ้น

ตัวรถสามารถวิ่งได้เพียง 30 กิโลเมตร หรือระยะทาง กรุงเทพฯ-สุวรรณภูมิ แม้ตัวเลขระยะทางจะดูน้อย แต่ LS Electric คือรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของ BMW ที่มีฮีทเตอร์มาให้ในกระจกหน้าและหลังครับ

1987 BMW 325iX
อีกราวทศวรรษถัดมา ทีมวิศวกร BMW ก็จับเอา 3 Series325iX ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาแปลงร่างกลายเป็นรถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า

ในจำนวนรถทั้ง 8 คันที่ทีมวิศวกร BMW นำมาพัฒนานั้น เป็นตัวถัง Coupe จำนวน 5 คัน และ Touring 3 คัน โดยทั้ง 8 คันนี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมแบบใหม่ และถูกส่งต่อไปให้เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลเยอรมันกับบุรุษไปรษณีย์ใช้ในงานราชกาลต่อ

โดยเจ้า 325iX นี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 150 กิโลเมตร หรือ กรุงเทพฯ – พัทยา ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดขึ้นสำหรับยุค 80

1991 BMW E1
BMW Electric car คันแรกของค่าย ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หมด

E1 คือรถไฟฟ้าคันแรกของ BMW ที่ถูกวิศวกรออกแบบและดีไซน์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดจากใบกระดาษเปล่า เพื่อจุดประสงค์ของการเป็นรถยนต์ของคนเมือง โดยต้องสามารถจุผู้ใหญ่ได้ 4 คนแบบสบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีน้ำหนักเบา แต่ต้องปลอดภัย ซึ่ง BMW เลือกใช้วัสดุที่ล้ำสมัยในยุคนั้น คืออลูมิเนียมและพลาสติก Recycle

BMW E1 ถูกเผยโฉมรถต้นแบบครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show ปี 1991 สามารถวิ่งได้ไกลถึง 241 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าการเดินทางจากกรุงเทพฯ-เขาสามร้อยยอด ว่ากันว่า BMW​ E1 คือบรรพบุรุษโดยตรงของ​ BMW i3 ในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่ E1 เองแม้จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจนใกล้เคียงความจริงมากที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถูกนำมาขายจริง

1992 BMW 325 Electric
BMW ทยอยผลิตรถออกมาเพื่อใช้ทดสอบในองค์กรและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเยอรมัน

หากพูดถึงยุค 90 เราคงไม่สามารถข้าม BMW E46 3 Series ไปอย่างเฉยๆ ได้ โดย BMW 325 Electric ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบภายในองค์กรและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเยอรมันทั้งหมด 25 คัน ในจำนวนนี้มีบางส่วนใช้ Battery แบบโซเดียม-นิกเกิล-คลอไรด์ และบางส่วนก็เปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม

ซึ่งทำให้ BMW 325i Electric โฉมนี้สามารถทำ Top speed ได้ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลถึง 151 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับระยะทาง กรุงเทพฯ-พัทยา

2010 BMW 1Series ActiveE
ผลิตขึ้น 1,000 คัน เพื่อรวบรวมข้อมูลทำวิจัยโดยให้คนทั่วไปใช้ขับในระยะเวลา 2 ปี

BMW 1Series ActiveE คือรถที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูลทดสอบช่วงท้ายๆ ก่อนที่ BMW​ i3 จะเปิดตัว โดยตัวรถถูกดัดแปลงจาก 1Series ให้กำลังสูงสุดถึง 167 แรงม้า โดยแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม ไอออน สามารถทำ Top Speed ได้สูงถึง 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมากเพียงพอสำหรับการเร่งแซงรถคันอื่นบนถนนไฮเวย์

ตัวรถวิ่งได้ไกลถึง 151 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าระยะทางจากกรุงเทพฯ-พัทยา

2013 BMW i3
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ BMW ที่ถูกผลิตขายจริง

BMW i3 เปิดตัวเวอรชันขายจริงครั้งแรกในปี 2013 และยังคงขายอยู่จนถึงปัจจุบัน มันเป็นรถที่เกิดมาเพื่อเดินทางสัญจรในเมืองแบบไม่ปล่อยมลภาวะ แถมยังรักโลก โดยชิ้นส่วนตกแต่งภายในรถส่วนใหญ่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

การชาร์จไฟหนึ่งครั้งสามารถเดินทางได้ไกลถึง 183 กิโลเมตร หรือเทียบเท่าระยะทางจากกรุงเทพฯ-ระยอง ปํจจุบัน BMW i3 สามารถขายไปได้แล้วกว่า 165,000 คันทั่วโลก

2014 BMW i8
รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตแห่งอนาคต (และตลอดไป)

ไม่ว่าตัวเลขของเข็มนาฬิกาจะเดินผ่านไปเร็วแค่ไหน BMW i8 ก็ยังจะเป็นรถที่มีดีไซน์สุดล้ำ จนกาลเวลาไม่อาจทำร้ายดีไซน์ของรถคันนี้ได้อย่างแน่นอน BMW i8 ถูกเผยโฉมขายจริงในปี 2014 มันมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จเสียบปลั๊กชาร์จไฟแล้วใช้พลังงานไฟฟ้าเพียวๆ ได้ไกลถึง 37 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับกรุงเทพฯ-ปทุมธานี

โดยหลังจากนั้นได้มีการพัฒนาต่อเป็นระบบไฮบริด ซึ่งรถจะใช้พลังงานเครื่องยนต์เล็กพริกขี้หนู ขนาด 3 สูบ 1.5 ลิตร ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดมากถึง 357 แรงม้า ที่วิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับระยะทางจากกรุงเทพฯ-ลำปาง

2020 BMW iX3
SAV พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของ BMW

BMW iX3​ คือรถยนต์ SAV พลังงานไฟฟ้าล้วนของ BMW และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพียวรุ่นที่ 2 ถัดจาก BMW i3 ตัวรถนั้นมีพละกำลังมากถึง 286 แรงม้า โดยถ่ายทอดกำลังไปที่ล้อคู่หลัง อีกทั้งยังสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งมีระยะทางที่เทียบเท่ากับการเดินทางจากกรุงเทพฯ-เขาค้อ

พัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้าตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมานั้น ในทุกๆ ทศวรรษเราจะเห็นได้ถึงก้าวสำคัญของเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาจนใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตประจำวันในรูปแบบเดิมของพวกเราทุกคน และผมเชื่อว่าในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า โลกของ “รถยนต์ไฟฟ้า EV” จะไม่ใช่โลกของรถยนต์ในอนาคตอีกต่อไป หากแต่เป็นโลกของรถยนต์ในยุคปัจจุบันนั่นเองครับ

The following two tabs change content below.

Thitipat Hiranbavorntip

Eat Sleep Drive // First Jobber ผู้ลุ่มหลงกับเสียงเครื่องยนต์และโค้งบนภูเขา

Comments

comments