“ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ” ประโยคดังกล่าวเป็นประโยคสั้นๆ ที่เรามักจะคิดถึงในช่วงเวลาที่เรามีความสุขแล้วอยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ อาทิ ช่วงเวลาวันเสาร์อาทิตย์หรือช่วงเวลาปิดเทอม ที่หายใจได้ไม่กี่อึดก็ผ่านไปหมดเสียแล้ว
ถึงแม้ช่วงเวลาวันหยุดที่ผ่านมาจะหอมหวานชวนให้ย้อนเวลากลับไปแค่ไหน แต่หากคุณไม่ใช่พระเอกในหนัง About time ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับและอมยิ้มไปพลางๆ เมื่อคิดถึง

เช่นเดียวกันกับแบรนด์รถยนต์อย่าง BMW ที่ก็มักมีช่วงเวลาที่แสนวิเศษดุจวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่แสนสั้น เปรียบได้เหมือนช่วงเวลาที่ BMW นำรถรหัสเครื่องยนต์ 30i่ มาขาย ซึ่งมักเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และเป็นเหมือนวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัย F30 3 Series 330i ที่มาขายในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจแล้วยุติไป เช่นเดียวกับพี่ชายอย่าง G30 5 Series 530i ที่ทำตลาดได้ไม่นานก็ต้องหลีกทางให้กับเพื่อนร่วมรุ่นที่รักโลกกว่าอย่าง 530e Plug in hybrid มาทำตลาดแทนสร้างความเสียใจให้กับทีมงานไม่น้อย

ถึงแม้ช่วงเวลาในอดีตเราจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก แต่ช่วงเวลาวันหยุดดีๆ ก็ไม่ได้มีหนเดียวเสมอเพราะท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลาวันหยุดดีๆ ก็จะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งถึงแม้จะต้องใช้เวลารอคอยนานบ้าง แต่เมื่อใดที่เวลานั้นมาถึง มันก็คุ้มค่ากับความตั้งใจเสมอ
และในวันนี้ผมขอพาทุกท่านมารู้จักกับ BMW G20 3 Series 330i M Sport กันครับ

ก่อนหน้านี้ผมได้มีรีวิว BMW G20 3 Series 320d เครื่องยนต์ดีเซลไปแล้ว หากท่านใดสนใจอ่านเพิ่มเติมสามารถคลิกลิงค์ได้ที่นี้ รีวิว BMW 320d Sport (G20)- หนุ่มหล่อขี้เล่น ที่คล่องตัวไม่เบา
ภายนอกของ 330i M Sport นั้นมีจุดเด่นหลักที่คุณจะสามารถสังเกตุและแยกได้อย่างชัดเจนคงจะอยู่ที่ชุดไฟหน้า LED ที่มีการออกแบบของเส้น DAY Light ที่ต่างไปจากรุ่น 320d Sport ธรรมดาโดยในรุ่น M Sport นั้นจะได้ชุดไฟหน้าแบบ M Sport ซึ่งมีการออกของเส้นสายไฟ DAY light ในลักษณะเป็นรูปตัว U ซึ่งหากเป็นรุ่น Sport ธรรมดาจะเป็นติ่งเล็กๆใต้ไฟใหญ่แทน

ชุดกระจังหน้าใต้คู่แบบเปิด-ปิดรับอากาศอัตโนมัติคือส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องของ Aerodynamic ซึ่ง 3 Series ใหม่มีค่าแรงเสียดทานอากาศเพียง 0.23 Cd เท่านั้น ขนาดของชุดกระจังหน้ากว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยถูกออกแบบมาให้สอดรับไปกับชุดไฟหน้าที่เมื่อผสานเข้ากันแล้วจะส่งผลให้ดีไซน์หน้ารถดูกว้างขึ้น นอกเหนือไปกว่านั้นใต้ไฟหน้าลงมาจะพบกับชุดกันชนหน้าแบบ M Sport พร้อมไฟตัดหมอก LED ซึ่งในรุ่น M Sport นั้นดีไซน์ของช่องดักอากาศรูปตัว T จะหายไปแทนที่ด้วยช่องนี้แทน
ด้านข้างของรถนั้นมีการใช้เทคนิคเว้านูนที่ประตูมากขึ้นเพื่อสร้างมิติให้กับตัวรถให้ดูโตและเพรียวมากขึ้น พร้อมดีไซน์ของกรอบกระจกแบบสีดำและดีไซน์ Hofmeister Kink ที่เสา C แบบไร้กรอบเพิ่มความสดใหม่ให้กับตัวรถ

ส่วนของล้ออัลลอยใน 330i M Sport จะได้ล้อลาย Double Spoke ขนาด 18 นิ้ว ที่ดูเด่นขึ้นกว่ารุ่น Sport ธรรมดา รัดมาด้วยยางหน้าขนาด 225/45 และยางหลังที่มีขนาดกว้างกว่าล้อหน้าไซด์ 255/40 เทคโนโลยี Runflat

ในส่วนด้านท้ายรถ BMW เลือกใช้วัสดุตกแต่งไฟท้ายแบบสีดำเพื่อสร้างมิติให้กับชุดไฟท้ายให้ดู 3 มิติมากขึ้นโดยมีดีไซน์ลักษณะเป็นรูปทรง Slim L Shape ซึ่งเป็นเอกลัษณ์การออกแบบของ BMW ยุคใหม่ๆ มานี้ ชุดกันชนท้ายนั้นเปลี่ยนจากช่องระบายอากาศรูปตัว T แนวนอนในรุ่น 320d Sport เป็นชุดกันชนแบบ M Sport เว้าตรงแทน
ส่วนของท่อไอเสียคู่ช่องจริงๆ ไม่ใช่ช่องหลอกยังคงมีอยู่เช่นเคย


เปิดประตูส่องภายในกันบ้าง
ในส่วนของภายในตัวรถหากมองผิวเผินอาจจะดูแล้วไม่รู้สึกแตกต่างไปจากรุ่น 320d Sport มากนัก แต่ถึงกระนั้นก็มีลายละเอียดหลักที่ต่างกันอยู่ไม่น้อย อาทิชุดพวงมาลัยซึ่งในรุ่น M Sport จะได้พวงมาลัยแบบ M ที่มาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ด้านหลังพวงมาลัย ส่วนของวัสดุตกแต่งภายในรถจะใช้วัสดุอลูมิเนียมลาย Tetragon ซึ่งดูมีลวดลายมากขึ้นกว่า 320d Sport

หน้าตาของคันเกียร์และพื้นที่รอบๆ ถูกออกแบบใหม่ซึ่งได้รับการจัดเรียงให้อยู่รวมกันในที่เดียว ตัวปุ่มกดต่างๆ ถูกทำให้เรียบไปหมดไม่เว้นแม้แต่ปุ่ม Start เครื่องยนต์จากเดิมที่รุ่นเก่าจะมีส่วนของปุ่มที่เว้ามีนูนขึ้นมา ซึ่งการออกแบบใหม่ลักษณะนี้ทำให้ดูเรียบง่ายสะอาดตามากขึ้น แต่ก็ทำให้คลำหาปุ่มยากต้องอาศัยความคุ้นชินมากขึ้นกว่าเดิม

ชุดเบาะคู่หน้านั้นเป็นเบาะแบบ Sport เหมือนกับ 320d Sport ทุกประการ ตัวเบาะสามารถปรับรองน่องและดันหลังได้ โดยฝั่งคนขับจะได้ระบบ Memory มาให้ 2 ตำแหน่ง วัสดุของเบาะนั้นถูกหุ้มมาด้วยหนังแท้แบบ Vernasca แทนหนังแบบ Dakota ในรุ่นเก่า


ตำแหน่งนั่งในของ 3 Series ใหม่คล้ายจะมีตำแหน่งที่สูงขึ้นจากรุ่นก่อน ทำให้การเข้าออกรถนั้นใช้แรงน้อยกว่าเดิม แต่สำหรับท่านใดที่ชอบนั่งเบาะรถเตี้ยๆ อาจจะชอบตำแหน่งของเบาะรุ่นเก่ามากกว่า

พื้นที่ของเบาะหลังนั้น กว้างขึ้นและนั่งได้สบายมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ส่วนหนึ่งมาจากอานิสงส์ของมิติรถ ที่มีขนาดตัวโดยรวมแล้วใหญ่ขึ้นทั้งคัน ความแข็งของฟองน้ำเบาะหลังนั้นหากสัมผัสผิวเผินจะรู้สึกว่ายังคงมีความแข็งของตัวเบาะในมาตรฐานของรถยุโรป แต่หากใช้ความรู้สึกเทียบกับรุ่นเก่าจะพบว่าตัวเบาะแอบมีฟองน้ำที่นุ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้รู้สึกพื้นที่ของเบาะหลังนั่งสบายมากขึ้นจากรุ่นก่อน

ตัวชุดเบาะหลังนั้นสามารถแยกพับลงมาได้แบบ 40:20:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระของรถให้มากขึ้น จากเดิมที่ก่อนพับลงด้านท้ายจะสามารถเก็บของได้ 480 ลิตร

ฝาท้ายในรุ่น 330i M Sport นั้นจะได้ฝาท้ายที่เปิดปิดด้วยไฟฟ้า หากเป็นในรุ่น 320d Sport จะเป็นฝาท้ายพับลงแบบปกติ


ในส่วนของชุดจอกลางที่เป็นที่อยู่เก่าของระบบ iDrive Screen ล่าสุด BMW ก็ได้อัพเกรดหน้าจอดังกล่าวโดยใช้ชื่อเรียกใหม่ว่า BMW Live Cockpit Professional ซึ่งจะมีหน้าตาการจัดเรียง icon ต่างๆ แปลกตาไปจากรุ่น 320d Sport ที่เป็นจอ Live Cockpit แบบ Plus โดยตัวขนาดจอของรุ่น Professional จะมีขนาดจอที่ใหญ่กว่าและเต็มขอบมากกว่าเดิม


นอกเหนือจากนี้ยังมีระบบ Intelligent Personal Assistant ที่เป็นอีกจุดไฮไลทใหม่ที่ทาง BMW ตั้งใจนำเสนอ โดยระบบดั่งกล่าวสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วยคำว่า “Hey BMW” คล้ายกับ Siri ใน iPhone ความเด่นของตัวระบบที่ต่างจากระบบสั่งงานเสียงทั่วไป อยู่ที่ระบบสามารถเรียนรู้และประมวลผลได้ว่าเราต้องการอะไร เช่นหากผมสั่งว่า I’m Cold รถก็จะถามอุณภูมิที่เราต้องการปรับอุณหภูมิลงเป็นต้น
ซึ่งตัวระบบปฏิบัติการใหม่จะทำงานร่วมกับหน้าปัดแบบใหม่ ที่มีชื่อว่า Operating System 7.0 ที่มีหน้าตาทันสมัยขึ้น โดยชุดหน้าปัดดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือส่วนของ ความเร็ว แผนที่และฝั่งวัดรอบ คนขับสามารถปรับตั้งค่าให้แสดงแผนที่หรือไม่แสดงก็ได้
ส่วนของวัดรอบนั้นมีดีไซน์ในลักษณะกวาดขึ้นแบบสวนทางกับฝั่งความเร็ว สำหรับใครที่คุ้นเคยหรือชอบขับรถมองเข็มวัดรอบบ่อยๆ อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร เพราะดีไซน์ของหน้าปัดชุดนี้อาจสร้างความสับสนให้กับคนขับไม่น้อย แต่หากปรับตัวได้เมื่อไหร่คุณจะคุ้นชินไปเอง (ความคิดเห็นส่วนตัวผมอยากให้หน้าปัดแบบดิจิตอลชุดนี้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของข้อมูลต่างๆ ได้อิสระมากขึ้นกว่านี้อีกซักหน่อย)



ระบบ Reversing Assistant ที่ทำงานควบคู่กับชุดเซ็นเซอร์ PDC + กล้องมองหลัง คืออีกจุดไฮไลท์ใน 330i M Sport รุ่นใหม่และเป็นอีกจุดที่แตกต่างจาก 320d Sport โดยตัวระบบดังกล่าวจะทำงานโดยจดจำองศาการหมุนของพวงมาลัยขณะเคลื่อนที่มาข้างหน้า (ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งระบบจะจดจำองศาพวงมาลัยได้ยาวถึง 50 เมตร เหมาะสำหรับเมืองที่มีซอยตันหรือใครที่ต้องถอยหลังออกจากซอยบ่อยๆ โดยคนขับมีหน้าที่แค่ประคองเบรกเท่านั้น

ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรนั้นพี่อู๋ของเราได้ทำคลิปสาธิตไว้แล้วครับ
ใต้ชุดปุ่มควบคุมวิทยุกลาง ลึกเหนือช่องวางแก้วน้ำไปซักนิดจะเป็นที่อยู่ของแท่นชาร์จ Wireless Charging อันเป็นอุปกรณ์ที่ติดมากับ 330i M Sport เท่านั้น

ส่วนของชุดเครื่องเสียงใน 330i M Sport จะได้ลำโพงรอบคันแบบ Harman Kardon ที่ให้คุณภาพเสียงได้ใสกว่า 320d Sport อย่างชัดเจน โดยมีมิติของเสียงที่กว้างและเคลียร์กว่า

ส่วนของระบบปรับอากาศเป็นแบบ 3 Zone สามารถแยกปรับซ้ายขวาและผู้โดยสารตอนหลังได้อย่างอิสระ เหมือนกับที่พบได้ใน 320d Sport


นอกเหนือจากนี้ ดีไซน์ของภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาให้รองรับชุดไฟ Ambient Light ได้ลงตัวมากกว่า 3 Series รุ่นก่อน โดยโทนสีต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านชุดหน้าจอกลาง สร้างบรรยากาศให้ภายในห้องโดยสารตอนกลางคืนดูน่ารื่นรมย์มากขึ้น


Engine and Drivetrain
ขุมพลังที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงของ 330i M Sport คันนี้คือเครื่องยนต์เบนซินสันดาป รหัส B48B20 4สูบ ความจุ 1,998 (2.0) ลิตร TwinPower Turbo ที่จัดจ้านไม่เบา เพราะให้ตัวเลขแรงม้าที่มากถึง 258 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ส่วนของแรงบิดนั้นสูงถึง 400 นิวตันเมตรที่ 1,550-4,400 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลอย่าง 20d เลยทีเดียวแต่สำหรับ 330i จะสามารถรีดแรงบิดออกมาได้เร็วและกว้างยาวกว่าเครื่องดีเซล (นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงครับว่าเครื่องยนต์เบนซินสมัยนี้มีแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว)

ตัวเลขดังกล่าวถูกส่งกำลังออกมาลงล้อผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed แบบ Sport Steptronic
Dr!ve ถึงเวลาทดลองขับกันบ้าง

ความรู้สึกของช่วงวันหยุด Long weekend คือช่วงเวลาที่หลายต่อหลายคนฝันถึงและอยากจะพบในเร็ววัน เปรียบได้เหมือนกับความรู้สึกของผมในวันที่ได้มานั่งอยู่หลังพวงมาลัย 330i M Sport คันนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกันที่คนส่วนใหญ่มีเวลาเข็มนาฬิกาเคลื่อนเข้าสู่เลข 6 ในตอนเย็นและผมไม่รอช้าที่รีบปิดคอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อจะได้พบกับช่วงเวลาวันหยุดของผมอย่างเต็มที่

สิ่งแรกที่ผมสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างของพวงมาลัยระหว่าง 320d Sport คือระยะการหมุนของพวงมาลัยที่ในรุ่น 330i M Sport นั้นจะได้พวงมาลัยแบบ Variable sport Steering ที่ปรับอัตราทดความไวแบบแปรผัน ซึ่งทำให้การหมุนพวงมาลัยทั้งในความเร็วต่ำและสูงใช้องศาที่น้อยลงกว่า 320d Sport
ผมเองได้มีโอกาสทดลองขับ 330i M Sport ในสนาม Motor sport park สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามเล็กๆ ที่เกิดมาเพื่อรถ Go kart เป็นหลัก ทำให้โค้งหรือความกว้างของสนามบางจุดมีน้อย แต่การได้ขับ 330i M Sport ในนั้นทำให้เห็นถึงประโยชน์ของความไวพวงมาลัยแบบนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อตัวรถและการตอบสนองทั้งหมด ทำให้การบู้เข้าออกในโค้งนั้นไปได้ไวและดุดันมาก

มันคือพวงมาลัยที่เกิดมาเพื่อมนุษย์ที่ชอบชีวิตในสนามหรือชอบเล่นโค้งเป็นหลัก แต่ถึงกระนั้นก็ต้องแลกไปกับความสบายเมื่อวิ่งทางตรงไกลๆ ไปบ้าง เพราะเมื่อเราทดลองวิ่งทางตรงไกลๆ ผมกับพบว่าพวงมาลัยของ 320d Sport จะทำให้ผมสบายได้มากกว่า เครียดน้อยกว่าเวลาเดินทางไกลๆ แม้จะสนุกในโค้งไม่เท่า 330i M Sport แต่มันเป็นความไวที่ขับทางไกลแล้วเราไม่ต้องตื่นตัวตลอดเวลา นับว่าเป็นราคาที่ต้องแลกกับการจะไต่โค้งได้สนุกแบบนี้
นอกเหนือจากนี้ ในส่วนของน้ำหนักพวงมาลัย ตัวคนขับยังสามารถเลือกปรับน้ำหนักความหนืดได้ผ่าน Driving Experience Control เช่นเคย
การตอบสนองของช่วงล่างคืออีกจุดเด่นที่น่าเชิดชู เพราะในรุ่น 330i M Sport จะได้ชุดช่วงล่างแบบ M Sport ที่มีลักษณะของโช๊คอัพและสปริงที่แข็งขึ้นกว่ารุ่นดีเซล ทำให้อาการของตัวรถเมื่อวิ่งทางไกลตรงๆ นั้นแม้จะไม่ได้ผ่อนคลายเท่า 320d Sport แต่เมื่อใดที่คุณได้เจอโค้งหรือรับบทบู้เปลี่ยนเลนหนักๆ ช่วงล่างชุดนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้มากกว่าเพราะมันสามารถเชื่อมความรู้สึกของรถกับคนขับได้ไวและชัดเจนกว่าช่วงล่างของ 320d Sport
ทว่าความแข็งดังกล่าวแม้จะไม่ได้มีอาการแข็งแบบรถเล็กๆ ที่ใส่โช๊คสตรัทซิ่ง แต่มันก็เป็นช่วงล่างที่ผู้ใหญ่ที่ใช่ชีวิตกับรถแบบ 530e Elite หรือ 7 Series มาเจอก็คงจะมีเสียงบ่นไม่น้อย เพราะในบางจังหวะชุดช่วงล่างนี้จะพาตัวรถและผู้โดยสารขึ้น-ลงตามพื้นถนนในไทยอยู่บ้างแม้ว่า 330i M Sport จะมีเทคโนโลยี Lift-related damper หรือชุดโช๊คอัพแบบ 2 จังหวะเหมือนกับ 320d Sport แล้วก็ตาม

แต่ถึงกระนั้นอาการแข็งดังกล่าวก็ยังไม่มากเท่า F30 330e M Sport ประกอบไทยที่ได้ช่วงล่าง M Sport เพราะจริงๆ แล้วอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นบนถนนที่มีลักษณะเป็นคลื่นแบบที่พบได้ในแทบเส้นวงแหวนอุตสาหกรรม หรือบนทางด่วนช่วงที่แย่ๆ จริงๆ เท่านั้น ส่วนของการผ่านฝาท่อหลุมบนถนนในเมืองกรุงต่างๆ ยังสามารถเก็บอาการต่างๆ ได้ดี
หากจะสรุปได้โดยง่าย ช่วงล่างของ 330i M Sportเป็นช่วงล่างที่ถ้าคุณชอบสนุกในโค้ง คุณจะรักมันอย่างไม่มีข้อแม้ แต่หากคุณชอบรถที่หนักแน่นเน้นการขับขี่เดินทางไกลๆ แบบสบายๆ โดยไม่ได้ชอบบู้อะไรในโค้ง คุณจะชอบช่วงล่างของ 320d Sport มากกว่า

ส่วนของเครื่องยนต์นั้น ยิ่งเวลาผ่านนานไปยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีว่า ไม่มีเลขรหัสเครื่องยนต์ใดของ BMW จะเหมาะสมสำหรับถนนเมืองไทยไปมากกว่าเลข 30i นี้อีกแล้ว กล่าวคือมันเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดกำลังเหมาะสมกับถนนประเทศไทยและมีแรงม้าแรงบิด ที่ไม่เป็นรองใคร แถมยังสามารถเป็นรถบ้านที่ขับใช้งานได้ทุกวันโดยกระเป๋าเงินค่าน้ำมันไม่ฉีกอีกด้วย
ตัวเลข 0-100 นั้น BMW เคลมตัวเลขไว้ที่ 5.8 วินาที เสียงของเครื่องยนต์ที่กวาดเข้า Red line อย่างรวดเร็วนั้นหวานเสนาะห์หูเกินความคาดหมายของใครหลายคนไม่น้อย แรงบิดที่ถีบตัวคนขับไว้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นระเบียบ จะเรียบร้อยต่อเมื่อคนขับสุภาพและดุดันต่อเมื่อคนขับรุนแรงกับคันเร่ง การทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์นั้นสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำทันใจ เหมือนเป็นคู่ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แท้กัน
ชุดเบรก M ทำงานได้ดีไร้ที่ติ สามารถบังคับน้ำหนักของเบรกได้ง่าย ส่วนเรื่องของการเก็บเสียงนั้นยังเป็นรองพี่ชายคนกลางอย่าง 5 Series อยู่บ้างแต่ก็จัดอยู่ในเกฑณ์มาตรฐาน
บทส่งท้าย

และแล้วช่วงเวลาวันหยุดที่แสนวิเศษของผมก็ได้ผ่านไป แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่ความประทับใจในช่วงเวลานั้นจะอยู่กับเราเสมอ
330i M Sport คือรถที่คุณสามารถใช้ชีวิตกับเขาได้ในทุกเช้าวันทำงานและทุกสายของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มันคือความประนีประนอมระหว่างทุกคนในบ้านกับความรู้สึกวัยรุ่นที่ยังมีอยู่ในตัวคุณถึงแม้จะโดนกลบไปแล้วบ้างจากหน้าที่การงานหรือความรับผิดชอบหลายๆ อย่าง แต่การได้ขึ้นมาอยู่หลังพวงมาลัยรถคันนี้นั้นจะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้ทั้งสองรูปแบบ
เพราะเมื่อใดที่คุณนุ่มนวลกับคันเร่งและพวงมาลัย รถจะสงบสุขุมเป็นผู้ใหญ่มากพอให้น่าเคารพแต่เมื่อใดที่คุณได้พบเจอกับถนนที่โล่งหรือทางที่คดเคียวจนคุณรุนแรงกับมัน 330i M Sport คันนี้ก็พร้อมจะรับมือกับความซุกซนของคุณเสมอ
ราคาของ G20 3 Series ใหม่นั้น มีด้วยกันสองรุ่นย่อย
- BMW 320d Sport ราคา: 2,959,000 บาท
- BMW 330i M Sport ราคา: 3,359,000 บาท
* ราคาข้างต้นรวมแพคเกจ BSI Standard ข้อมูล ณ วันที่ 18/08/2019

ขอขอบคุณ
BMW Thailand
ที่เอื้อเฟื้อรถในการทดสอบ
บทความโดย
ธิติพัทธ์ หิรัญบวรทิพย์
สงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาถ้อยคำรูปภาพในบทความโดยผู้เขียนและเว็บไซต์ BIMMER-TH.com
กรุณาขออนุญาตก่อนนำไปใช้

Thitipat Hiranbavorntip

Latest posts by Thitipat Hiranbavorntip (see all)
- Review BMW 320Li Gran Sedan หรู ยาว ซนได้! - April 24, 2022
- BMW เดินหน้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มประจุ! - December 1, 2021
- BMW x Coldplay ทัวร์คอนเสิร์ตรักษ์โลกจากพลังแบตฯ ใช้แล้วของ BMW i3 - November 15, 2021