เปิดตัว BMW 1 Series และ 2 Series รุ่นปรับโฉมใหม่ (LCI)

BMW ปรับโฉม ซีรีส์ 1 และ ซีรีส์ 2 ใหม่อย่างเป็นทางการ ปรับลุคให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ทั้ง Edition Sport Line Shadow และ Edition M Sport Shadow โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

BMW ปรับโฉมรถยนต์ขนาดเล็กของตนเอง ทั้งซีรีส์ 1 และ ซีรีส์ 2 ใหม่ หลังจากเปิดตัวโฉมปัจจุบันมาได้สักระยะหนึ่ง ตามรอบการปรับโฉมปกติ (ที่เรียกกันว่า LCI) โดย BMW ซีรีส์ 1 รุ่นปรับโฉมใหม่ มีจุดเด่นดังต่อไปนี้

The new BMW 1 Series

  • ปรับโฉมทั้งรุ่น 3 ประตู และ 5 ประตู ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
  • รุ่นย่อยใหม่ ประกอบไปด้วย Edition Sport Line Shadow, Edition M Sport Shadow และ BMW M140i Edition Shadow Special Edition โดดเด่นด้วยกระจังหน้าคิดนีย์กริลสีดำ, โคมไฟหน้าสีรมดำ และ โคมไฟท้าย สีมืดลงกว่าเดิม
  • สีตัวถังใหม่ จำนวน 2 สี คือ สีส้ม Sunset Orange และ สีฟ้า Seaside Blue รวมถึงเปิดตัวล้ออัลลอยด์ลายใหม่อีก 5 ลาย ทั้งรุ่น 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว

  • ภายใน ออกแบบคอนโซลใหม่ เพิ่มพื้นที่ให้ดูสะอาดตามากขึ้น มาพร้อมลวดลายหนังแบบใหม่ให้เลือกเป็นออปชั่น
  • อัปเกรดระบบ iDrive ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ และมีออปชั่นหน้าจอขนาด 8.8 นิ้วแบบทัชสกรีน , รองรับการสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงปุ่ม iDrive รองรับระบบสัมผัส

  • อัปเกรด BMW ConnectedDrive ให้มีฟีเจอร์เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น รองรับระบบทราฟฟิกแบบเรียลไทม์ (ในประเทศที่รองรับ), Microsoft Exchange สำหรับเชื่อมต่อตารางนัดหมาย, รองรับ Apple CarPlay รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และ รองรับ WiFi hotspot ได้มากถึง 10 อุปกรณ์
  • รุ่นเครื่องยนต์ มีทั้งรุ่น 3 สูบ, 4 สูบ และ 6 สูบ โดยเริ่มตั้งแต่ BMW 116i ความแรง 109 แรงม้า ไปจนถึง BMW M140i ความแรง 340 แรงม้า
  • ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีออปชั่นของ BMW xDrive ขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกเป็นออปชั่นเสริม

ส่วน BMW ซีรีส์ 2 ที่ปรับปรุงโฉมใหม่ครั้งนี้ มีจุดเด่น ดังนี้ครับ

The new BMW 2 Series Coupe / 2 Series Convertible

  • ปรับโฉมใหม่ ทั้งรุ่น BMW 2 Series Coupe และ BMW 2 Series Convertible โดยเริ่มตั้งแต่โมเดลเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
  • กระจังหน้า มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น, โคมไฟหน้าเป็นแบบ LED ทุกรุ่น โดยมีออปชั่นเสริมเป็นไฟหน้าแบบ adaptive full-LED พร้อมปรับรูปแบบของไฟหน้าให้ดูโมเดิร์นมากขึ้น ส่วนบริเวณกระจังหน้าคิดนีย์กริล มีการขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้รถดูมีความกว้างกว่าเดิม เสริมให้ดูสปอร์ตกว่าเดิม พร้อมเพิ่มพื้นที่ให้อากาศผ่านเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ได้มากขึ้น

  • ไฟท้าย เป็นไฟท้ายแบบ LED รูปทรงตัว L เป็นออปชั่นมาตรฐาน
  • เพิ่มสีตัวถังใหม่ จำนวน 3 สี คือ สีส้ม Sunset Orange, สีฟ้า Seaside Blue และ สีฟ้า Mediterranean Blue
  • เพิ่มล้ออัลลอยด์ใหม่จำนวน 4 ลาย ทั้งรุ่น 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว รวมมีให้เลือกทั้งหมด 17 ลาย ตั้งแต่ขนาด 16 – 18 นิ้ว
  • หน้าปัด เปลี่ยนดีไซน์ใหม่เป็นสีดำ เพิ่มออปชั่นของหนังที่หุ้มภายในด้วยตัวเลือกที่มากขึ้น และ ปรับเปลี่ยนดีไซน์ของช่องแอร์ใหม่
  • มีหน้าจอขนาด 8.8 นิ้ว รองรับทัชสกรีน เป็นออปชั่นเสริม

  • อัปเกรด BMW ConnectedDrive ให้มีฟีเจอร์เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น รองรับระบบทราฟฟิกแบบเรียลไทม์ (ในประเทศที่รองรับ), Microsoft Exchange สำหรับเชื่อมต่อตารางนัดหมาย, รองรับ Apple CarPlay รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และ รองรับ WiFi hotspot ได้มากถึง 10 อุปกรณ์
  • รองรับฟังก์ชั่น Adaptive Cruise Control รวมถึง Stop and Go และเพิ่มออปชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่ เตือนเมื่อรถยนต์เบนออกจากเลน (Lane Departure Warning System) และป้องกันการชนที่ความเร็วต่ำ (City Collision Mitigation) ที่จะรถยนต์เบรกให้อัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน เมื่อใช้ความเร็วน้อยกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

  • รุ่นเครื่องยนต์ มีทั้งรุ่น 3 สูบ, 4 สูบ และ 6 สูบ ทั้งรุ่น Coupe และ Convertible โดยเริ่มตั้งแต่ BMW 220i ความแรง 136 แรงม้า ไปจนถึง BMW M240i ความแรง 340 แรงม้า
  • ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีออปชั่นของ BMW xDrive ขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกเป็นออปชั่นเสริม

ทั้งซีรีส์ 1 และ ซีรีส์ 2 ใหม่นี้จะเข้าไทยมาช่วงไหน ต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิดอีกครั้งนะครับ

Comments

comments