ปิดท้ายสายการผลิต BMW Z4(E89) ด้วยรหัสรุ่นย่อย sDrive35is

2014-bmw-z4-03-750x500

หลังจากที่มีการผลิตรถยนต์แนว Roadster อย่าง BMW Z4(E89) ร่วมกว่า 115,000 คันจากโรงงานในเมือง Regensburg แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี การผลิตก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ถึงตอนนี้ BMW Z4(E89) ก็ได้เดินทางมาถึงบั้นปลายของรหัส E89 ซึ่งมีอายุเกินกว่า 7 ปีมาแล้ว และเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ BMW Z4 ที่เคยผลิตมา ส่วนในเจนเนอเรชั่นถัดไปอาจจะต้องรออย่างน้อย 1 ปี หรือมากกว่านั้น นับจากที่ปล่อย BMW Z4 sDrive35is ออกไปแล้ว

BMW Z4 sDrive35is มาในสีส้มเมทัลลิคแบบ Valencia และติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ รหัส N55B58 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้าที่ 5800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1400-4500 รอบต่อนาที ในเดิมทีแล้วเป็นเครื่องยนต์รหัส N54 เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม แต่ในปีถัดมาก็ได้มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดมากขึ้นอีกแทนที่ N54 ด้วย N55B58

2014-bmw-z4-011-750x500

หลังจากที่ BMW Z4(E89) เจนเนอเรชั่นที่ 2 ได้เปิดตลาดช่วงฤดูร้อนในปี 2009 ก็ได้ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบเรียงในรหัสรุ่นย่อย sDrive23i และ sDrive30i จนถึงปี 2011 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงรหัสรุ่นย่อยเป็น sDrive20i และ sDrive28i พร้อมเครื่องยนต์ใหม่เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบแทน แต่สังเกตว่า Z4 นั้นจะไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลมาในแต่ละรุ่นย่อยเลย เนื่องการไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มนั่นเอง

ส่วนในด้านของหลังคารถนั้นมีความแตกต่างกับเจนเนอเรชั่นแรก คือในเจนเนอเรชั่นที่ 2 อย่าง E89 นั้นจะไม่มีหลังคาผ้าให้เลือก มีเพียงหลังคาแข็งให้เลือกเท่านั้น โดยการพับเก็บจะพับโดยการแบ่งหลังคาเป็น 3 ส่วนพับซ้อนกันเก็บในส่วนบริเวณฝาท้ายของตัวรถ006-2014-bmw-z4-sdrive35is

BMW Z4(E89) ได้มีการพัฒนาเรื่องการขับขี่ และในหลายๆด้านให้ดีขึ้นจากเจนเนอเรชั่นแรก แต่ก็มีกลุ่มคนไม่น้อยเลยที่ชอบความดิบและความคลาสสิกแบบเดิม แต่ทาง BMW ก็ปรับบุคลิกในด้านของความสบายเพื่อให้คล้ายกับคู่แข่งอย่างคนสำคัญอย่าง Mercedes-Benz SLK แต่ยังคงความสนุกแบบ BMW ไว้เช่นเดิม

ที่มา :BMWBLOG

 

Comments

comments