BMW XPO2017-พบตัวจริง M4 DTM, ซีรีส์ 7 ประกอบในประเทศและรถใหม่หลายรุ่น

การจัดแสดงรถยนต์ในงานใหญ่อย่าง Bangkok Motorshow หรือ Motor Expo นั้น นับว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้บริโภคในการเลือกชมและจองรถที่ต้องการ เปรียบเทียบคุณลักษณะเช่นรูปลักษณ์และความสบายในห้องโดยสารระหว่างแต่ละค่ายได้ง่ายดายเพียงเดินข้ามบูธ แต่ในขณะเดียวกัน การจัดแสดงรถยนต์ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นผู้จัดงานเอง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้รู้จักรถภายใต้แบรนด์นั้นๆอย่างสะดวกสบาย ถือโอกาสทำความรู้จักกับรถรุ่นต่างๆที่ค่ายนั้นนำเสนอ และเทคโนโลยีต่างๆที่พวกเขาสามารถสร้างขึ้นมาได้

BMW Thailand เองนั้น ก็ได้จัดงานแสดงรถยนต์ของทางค่าย อย่าง BMW Xpo ขึ้นเป็นประจำในทุกปี พร้อมทั้งใช้สถานที่จัดงานในการสร้างสัมพันธ์กับผู้ที่ใช้ และผู้ที่หลงรักรถยนต์จากค่ายใบพัดฟ้าขาว ปีนี้พวกเขาก็ยังจัดงานที่ Central World เช่นเดิม โดยหากท่านสนใจก็สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 7 – 10 กันยายน 2017

หรือหากท่านกลัวจะพลาด Highlights สำคัญ ผมได้ทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเซฟเวลาในการเดินท่องโลก BMW ของท่าน ว่าจะไปชมรุ่นไหน ลองสัมผัสคันไหนบ้าง จะได้ประเมินการใช้เวลาชมรถถูก และส่งคุณผู้หญิงของท่านไปเดินช้อปที่ Sephora หรือ H&M ก่อน เข้าทำนอง ชายชม (รถ) หญิงช้อป ไม่ขัดผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน

ภายในงาน BMW Xpo 2017 ทุกท่านจะได้พบกับยนตรกรรมระดับพรีเมียมจากบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเต็มรูปแบบถึง 18 รุ่น ในพื้นที่จัดแสดงกว่า 5 โซน มีรถมาโชว์ทั้ง ซีรีส์ 3, 5, 7, ตระกูล X และตระกูล i โดยมีรถบางรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เมื่อ 1 กันยายน และรถที่เผยโฉมในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันมาหลายคัน รวมถึงรถที่ยังไม่เคยนำมาจัดแสดงในงาน BMW Xpo มาก่อนและผมแนะนำให้คุณไปลองเยี่ยมชม ดังนี้ครับ

BMW M4 DTM Champion Edition [13,939,000 บาท+BSI Standard]

BMW M4 DTM Champion Edition อาจจะไม่ใช่รถที่ใหม่สำหรับโลก แต่ใหม่สำหรับประเทศไทย และที่สำคัญ..มาปุ๊บ..ไปปั๊บ! เพราะ BMW ประเทศไทยได้โควต้ามาแค่คันเดียว มันคือรถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษที่ Marco Wittmann ได้แชมป์ DTM ปี 2016 จากการชนะที่ Hockenheimring

รถคันนี้ปรับแต่งมาในแนวยานยนต์มอเตอร์สปอร์ต ประเภทที่คุณสามารถนำมาวิ่งบนถนนหลวงได้อย่างถูกกฎหมาย แต่หากนำไปวิ่งในสนามแข่ง ก็พร้อมที่จะวาดลีลาได้น้องๆรถแข่งตัวจริง

เครื่องยนต์ S55B30A ของมันนั้นใช้พื้นฐานเดียวกันกับ M4 และ M4 Competition Edition แต่มีการเสริมระบบฉีดน้ำ Water Injection เพื่อลดความร้อนของไอดี ทำให้สามารถอัดพลังบูสท์และปรับไฟจุดระเบิดเพิ่ม จนได้แรงม้าออกมา 500 ตัว และแรงบิดสูงสุดระดับ 600 นิวตัน-เมตร ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็คือรถ Limited Edition ที่มาแทน M4 GTS นั่นเอง แถมยังราคาถูกกว่า มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกัน ยกเว้นเพียงแต่ว่า DTM Champion Edition จะมีลิ้นหน้ากับหางหลังที่ปรับระดับไม่ได้แบบของ GTS   ภายในรถ เน้นความดิบแบบเรียบง่ายด้วยการหุ้ม Alcantara หน้าปัดและแผงแดชบอร์ดต่างๆมีลักษณะคล้าย M4 รุ่นธรรมดา แต่ได้เบาะนั่งแบบสปอร์ต M Carbon Bucket Seat แถมยังมี Semi-roll cage แบบรถแข่งและถังดับเพลิงมาพร้อม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ M4 DTM Champion Edition คลิกที่นี่

BMW M2 [5,939,000 บาท + BSI Standard]

มันอาจจะเป็นรถที่เปิดตัวมานานแล้ว แต่น้องสุดท้องของตระกูล M คันนี้เพิ่งได้มีโอกาส “ตกถึงท้อง” สื่อมวลชน รวมถึงทีมงาน bimmer-th ได้ไม่นาน กล้าพูดได้เลยว่าถึงม้าจะน้อยที่สุดในบรรดา M แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีพิษสงน้อยที่สุด ด้วยความที่ขนาดตัวเล็ก มีน้ำหนักตัวไล่เลี่ยกับ M4 และมีเครื่องยนต์ที่พละกำลังน้อยกว่าไม่มาก แต่ราคาเขยิบเข้ามาหาคนฐานะปานกลางค่อนข้างรวยมากขึ้นทำให้ M2 เป็นขวัญใจของลูกค้าหลายคน และเป็นที่ชื่นชอบในบรรดาสื่อมวลชนจำนวนมากที่มีโอกาสได้ลองขับ

M2 ใช้เครื่องยนต์ N55B30T0 ซึ่งแม้จะเป็นเครื่องรุ่นเก่าตกทอดมาตั้งแต่สมัย 335i และ Z4 sDrive35i (ซึ่งปัจจุบันเหลือรถรุ่นเดียวที่ยังใช้อยู่คือ X4 M40i) แต่ด้วยพละกำลังระดับ 370 แรงม้า กับแรงบิด 465 นิวตัน-เมตร ซึ่งสามารถ Overboost เพิ่มแรงให้กลายเป็น 500 นิวตัน-เมตรได้ชั่วขณะ ประกบกับเกียร์คลัตช์คู่ M-DCT ที่ปรับจูนมาอย่างดี ทำให้มันมีคุณสมบัติทุกประการที่จะเรียกได้ว่า “รถของนักขับ” อย่างแท้จริง

อ่าน Full review ของ BMW M2 โดยคุณเนย คลิกที่นี่

BMW M760Li xDrive Model V12 Excellence [13,539,000+BSI Standard]

เช่นเดียวกับ M2..แม้ว่า M760Li จะมาทำตลาดในไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 แต่ในเมื่อ BMW ลงทุนนำมาจัดแสดงในงานนี้ ก็อย่าพลาดที่จะแวะไปเยี่ยมชม นี่คือรถยักษ์ยาว 5.2 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V12 สูบ 6.6 ลิตรเทอร์โบคู่ ที่มีพลังถึง 610 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดมากถึง 800 นิวตัน-เมตร และยังสามารถใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ดีดออกตัว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 3.7 วินาที ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ซูเปอร์คาร์กับรถสปอร์ตหลายคันที่ไม่แน่จริงเก็บไปฝันร้ายได้แน่นอน และที่สำคัญคือ ปัจจุบัน M760Li คือรถยนต์นั่งในเครือ BMW ที่มีพลังแรงม้าและแรงบิดสูงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยจำหน่ายในประเทศไทยมา

ในแรกเริ่มนั้น BMW Thailand นำรถรุ่นนี้เข้ามาเพียง 2 คันโดยตั้งราคาเอาไว้ 12,499,000 บาท ในปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มตามวิธีการคิดภาษีสรรพสามิตใหม่ ซึ่งคิดจากราคาหน้าโชว์รูม ทำให้ราคาเพิ่มเป็น 13,539,000 บาทและBMW Thailand จะรับสั่งจากลูกค้าเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น นับว่าเป็นรถหายากอีกรุ่นบนท้องถนนประเทศไทย

BMW 740Le xDrive Pure Excellence ประกอบในประเทศ [6,339,000 บาท +BSI Standard]

ก่อนหน้านี้ทาง BMW ได้นำ 740Le เข้ามาขายในประเทศไทยด้วยวิธีนำเข้าสำเร็จรูป ต่อมาจึงได้เปลี่ยนวิธีเป็นนำชิ้นส่วนเข้ามาประกอบเป็นคันในประเทศไทย ส่งผลให้สามารถตั้งราคาขายได้ถูกลงอีก 300,000 บาท โดยที่ไม่ได้มีการตัดอุปกรณ์ใดๆ ออกไป (รถประกอบนอก และประกอบใน อุปกรณ์เท่ากัน)

ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณยังได้ช่วงล่างแบบถุงลม 4 ล้อ ปรับความหนืดได้แบบ Dynamic Damper Control และสามารถปรับความสูงใต้ท้องรถได้ เบาะนั่งคนขับสามารถนวดได้ ส่วนเบาะนั่งคนหน้า สามารถขยับเลื่อนไปข้างหน้าสุด และเปิดเป็นที่สำหรับคนนั่งหลังวางขาแบบชั้น Business Class ในสายการบินชั้นนำได้เช่นเดิม

ขุมพลังขับเคลื่อนของ 740Le ในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปภายในนั้น จะเป็นบล็อค B48 (ใหม่กว่าเครื่องยนต์ของ X5 xDrive40e) มีแรงม้าสูงสุด 258 แรงม้า และมีแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลัง 113 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร พลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า กับแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือถ้าอยู่ในโหมดรักสันติ รักโลก ก็สามารถกดใช้ EV Mode ไฟฟ้าล้วน ก็ยังทำความเร็วระดับท้าใบสั่งได้ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อ่าน Full Review BMW 740Le xDrive Pure Excellence ได้ที่นี่

BMW 730Ld Pure Excellence ประกอบในประเทศ [5,839,000 บาท + BSI Standard]

ก่อนหน้านี้ หากคุณอยากขับซีรีส์ 7 แต่เป็นโรคแอนตี้รถถ่านไฮบริด คุณจะมีตัวเลือกแค่ M760Li ราคาทะลุ 13 ล้าน และมีรุ่น 730Ld M Sport ราคา 6,339,000 บาทเท่านั้น เพื่อความเหมาะสมในการทำตลาด และจัดรูปแบบรถให้ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้หลากหลายขึ้น (ซึ่งก็ไม่ได้จำกัดว่าคุณจะต้องเป็นโรงแรมห้าดาว) BMW Thailand จึงสร้าง 730Ld Pure Excellence ที่มีราคาถูกลงกว่ารุ่น M Sport อยู่ครึ่งล้านบาท

ถ้าคุณชื่นชอบพลังขับเคลื่อนที่ดึงดิบเหมือนรถสปอร์ตแต่เร่งแล้วเสียงหวานเหมือนไม่ใช่ดีเซล 730Ld Pure Excellence ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ B57 3.0 ลิตรแบบเดียวกันกับ 730Ld M Sport นั่นเอง มันให้พลัง 265 แรงม้ากับแรงบิด 620 นิวตันเมตร ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้รถวิ่งไปแตะ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ และยังมีพละกำลังสำรองเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซงทั้งบนทางเรียบและขุนเขา เป็นที่ถูกใจเศรษฐี นายหัวปักษ์ใต้ และเจ้าของรีสอร์ทภาคเหนือ เพราะเดินทางสบาย ขับเองก็มันส์ หรือนั่งอยู่เบาะหลังก็รื่นอารมณ์

จุดแตกต่าง (ที่สำคัญ) ระหว่างรุ่น Pure Excellence และรุ่น M Sport มีดังนี้ครับ

  • ล้ออัลลอย เปลี่ยนจากขนาด 20 นิ้วเป็นขนาด 19 นิ้วลาย V spoke
  • เปลี่ยนยางจาก 245/40R20 (หน้า) และ 275/35R20 (หลัง) เป็นขนาด 245/45R19 และ 275/40R19
  • เปลี่ยนขอบกระจกหน้าต่างจากสีดำเงาเป็นโครเมียม
  • ตัดชุดแต่งกันชนและสเกิร์ต M ออก
  • ภายในตกแต่งด้วยลายไม้ Ash grain chestnut แทนแบบ Fineline Black
  • เอาระบบ Head-Up Display ออก
  • เอากล้องรอบคัน (Surround View Camera) ออก
  • เพิ่มเบาะคนขับแบบมีฟังก์ชั่นนวด
  • เพิ่มเบาะหลังแบบ Executive Lounge (ปรับไปข้างหน้าให้บอสวางขาบนแท่นได้แบบ 740Le)

นอกเหนือจากนี้ไป ออพชั่นดีๆยังคงอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น Gesture Control, กุญแจแบบ Display Key, ช่วงล่างถุงลมแบบปรับสูงต่ำและแข็งอ่อนได้, เครื่องเสียง Harman Kardon หรือแม้แต่หลังคากระจก Sky Lounge ก็ยังอยู่

BMW X5 xDrive40e Pure Experience [4,439,000 บาท + BSI Standard]

อีกทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์ SUV (หรือที่ BMW เรียกว่า SAV) และต้องการก้าวเข้าสู่ยุคพลังขับเคลื่อนไฮบริด โดยก่อนหน้านี้ทาง BMW จะมี X5 xDrive40e M Sport จำหน่ายอยู่แล้วในราคา 4,639,000 บาท แต่เพื่อการแข่งขันเพื่อครองใจลูกค้า BMW Thailand จึงลองจัดออพชั่นและวิธีการตกแต่งใหม่ให้กับ X5 xDrive40e เพื่อกดราคาลงอีก 200,000 บาท

X5 xDrive40e Pure Experience มีจุดที่แตกต่างกันกับรุ่น M Sport ดังนี้

  • ล้ออัลลอย เปลี่ยนจากขนาด 20 นิ้วเป็นขนาด 19 นิ้วลาย Star spoke
  • เปลี่ยนยางจาก 275/40R20 (หน้า) และ 315/35R20 (หลัง) เป็นขนาด 255/50R19 ทั้ง 4 เส้น
  • เปลี่ยนขอบกระจกหน้าต่างจากสีดำเงาเป็นโครเมียมแบบด้าน
  • Roof Rack เปลี่ยนจากสีดำเงาเป็นโครเมียมแบบด้าน
  • ตัดชุดแต่งกันชนและสเกิร์ต M ออก
  • ตัดหลังคา Panoramic Glass roof ออก
  • เปลี่ยนเบาะกับพวงมาลัยเป็นแบบธรรมดา (M Sport จะเป็นเบาะกับพวงมาลัย M)
  • เปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในที่เคยเป็นอะลูมิเนียม Hexagon เป็นลายไม้แบบ American Oak

นอกเหนือจากนี้ไปแล้ว อุปกรณ์รายการอื่นๆยังอยู่ครบ รวมถึงช่วงล่างล้อหลังแบบถุงลม โช้คอัพแปรผันความหนืดแบบ Adaptive M เป็นต้น ที่สำคัญ ขุมพลังขับเคลื่อนยังคงเป็นแบบไฮบริด เครื่องยนต์สันดาปภายใน 2.0 ลิตรเทอร์โบที่ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร พลังขับเคลื่อนรวม 2 หน่วย ให้แรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถใช้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งได้ด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW i8 Protonic Frozen Black Edition [11,839,000 บาท + BSI Standard]

รถรุ่นนี้ถูกผลิตมาในจำนวนจำกัด โดยสีดำด้านที่เด่นโดดดูดีจากภายนอกนั้น เป็นฝีมือการทำสีของ BMW Individual ซึ่งใช้สีแบบดำด้าน Protonic Frozen Black ตกแต่งสลับกับสีเทาเมทัลลิค Frozen Grey เพื่อไม่ให้ดูมืดเกิไป วัสดุด้านนอกของตัวรถที่ทำมาจาก CFRP ก็มีการทำสี Frozen Black ลงไป ทำให้รถ i8 ที่เดิมๆ สีธรรมดาก็ดูล้ำอนาคตอยู่แล้ว กลายเป็นรถที่ดำ ล้ำ และดุ ชนิดที่ว่าถ้า Batman อยากจะเล่น BMW เมื่อไหร่ นี่คงเป็นรถที่เขาซื้อ

ภายในห้องโดยสารของ i8 Protonic Frozen Black Edition นี้ จะมีการตกแต่งด้วยตะเข็บเบาะและคอนโซลกลางสีเหลืองตัดกับพื้นผิววัสดุสีดำ และยังมีการเดินด้ายตะเข็บเหลืองสะดุดตาเพิ่มที่ด้านในแผงประตู พรมปูพื้น และส่วนล่างของแดชบอร์ด ผ้าบุเพดานเป็นสีดำแอนทราไซต์ตามสไตล์ BMW รุ่นแรง สายเข็มขัดนิรภัยเป็นสีเทา คันเกียร์และปุ่ม iDrive เคลือบเซรามิก นอกจากนี้ที่ขอบประตูด้านล่างยังมีการสลักอักษรเป็นคำว่า “Edition” ให้คนอื่นรู้ว่านี่ไม่ใช่ i8 เวอร์ชั่นทั่วไป

เป็นที่หน้าสงสัยเหมือนกันว่าหลังจากทำรถสีแดงจำนวนจำกัด และตามมาด้วยสีดำจำนวนจำกัด ในงานโชว์ครั้งต่อไป BMW Individual จะทำ i8 สีอะไรมาให้เราดูอีก (จนกว่า i8 จะตกรุ่น)

ข้อเสนอพิเศษในงาน BMW Xpo 2017 (สำหรับรถยนต์ใหม่เท่านั้น)

ลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ BMW ทุกรุ่นยกเว้น i และตระกูล M ถ้าสั่งจองภายในงาน BMW Xpo 2017 พร้อมด้วยแพ็คเกจบริการ BSI Ultimate (บำรุงรักษาฟรี 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง) โดยมีกำหนดส่งมอบรถไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2560 จะได้รับการขยายระยะเวลาโปรแกรม BSI ครอบคลุมการบำรุงรักษาฟรี 6 ปี / 120,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกัน 6 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง

นอกจากนี้ ลูกค้าทุกท่านที่สั่งจองรถยนต์ภายในงาน BMW Xpo 2017 โดยมีกำหนดส่งมอบรถไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2560 จะได้รับลำโพงบลูทูธ Bowers & Wilkins T7 เป็นของสมนาคุณอีกด้วย

พร้อมกันนี้ อย่าลืม! สำหรับคนที่ชอบ BMW พันธุ์แรง ในวันเสาร์ที่ 9 กันยายนนี้ จะเป็นวาระพิเศษฉลองการครบรอบ 45 ปีของแบรนด์ M ซึ่งจะมีการขนทัพ M หลายรุ่นจากอดีตถึงปัจจุบันมาให้ชม งานนี้พลาดไม่ได้เลยเชียว! ถ้าคุณไม่เชื่อว่า “M is the most powerful letter in the world” ขอให้ลองมาชมกัน

แล้วคุณจะรู้ ว่าการที่อยากได้ M (รถ) แต่ไม่มี M (Money) แบบผม มันเจ็บปวดยังไง

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments