เปิดตัว BMW X7 (G07) รุ่นใหม่ พี่ใหญ่สุดของตระกูล X พร้อมรายละเอียดอย่างเป็นทางการ!

เผยโฉมคันจริงแล้วครับกับครั้งแรกของ BMW X7 ใหม่ที่ BMW หมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมาก ในการสร้างเรือธงพี่ใหญ่รุ่นใหม่ของตระกูล X ซึ่งเป็นรถแบบ SAV (Sports Activity Vehicle) โดยยึดตำแหน่งพี่ใหญ่เดิมในบ้านของ X5 กับ X6 ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในครั้งนี้ BMW ตั้งใจให้ X7 ใหม่เป็นรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หรูหราที่สุดและสบายที่สุดตั้งแต่ BMW เคยทำรถ SAV มาและแน่นอนว่าไม่เพียงแต่ความหรูหรากับความสบายเท่านั้น X7 ยังต้องสามารถพาเจ้าของรถ ลุยไปในทาง Off Road ที่ 7 Series ธรรมดาไม่สามารถไปได้

Exterior Design

ภายนอกของ BMW X7 ใหม่นั้น ได้ถูกเกลาดีไซน์มาจาก Concept X7 iPerformance ที่เคยมาโชว์ตัวในบ้านเราก่อนหน้านี้ (ครั้งแรกในไทย ! Concept X7 iPerformance มาโชว์ตัวที่งาน BMW Xpo 2018) โดยดีไซน์มีความลงตัวมากขึ้น ส่วนตัวผู้เขียนเองชอบดีไซน์รถคันจริงมากกว่าตอนเป็น Concept เส้นสายและภาษาการออกแบบนั้นมาในสไตล์ BMW ยุคใหม่ โดยด้านหน้าตัวรถโดดเด่นสุดด้วยชุดกระจังหน้าไตคู่ขนาดยักษ์ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ BMW เคยออกแบบมา พร้อมด้วยไฟหน้าแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตราฐานและสามารถสั่งออพชันไฟหน้าแบบ Laser ได้หากต้องการ

 

มิติขนาดตัวรถของ BMW X7 ใหม่นั้น มีขนาดตัวถังที่ใหญ่สะใจ ด้วยตัวรถยาวถึง 5,151 มิลลิเมตร,กว้าง 2,000 มิลลิเมตรและสูง 1,805 มิลลิเมตร มีขนาดฐานล้อที่ยาวถึง 3,105 มิลลิเมตร

น้ำหนักตัวถังรถ วัดตามมาตรฐาน EU และรถสเป็คมาตรฐานจากโรงงาน

  • รุ่น xDrive40i – 2,395 กิโลกรัม
  • รุ่น xDrive50i – 2,535 กิโลกรัม
  • รุ่น xDrive30d – 2,445 กิโลกรัม
  • รุ่น M50d – 2,535 กิโลกรัม

ถึงแม้ขนาดตัวของ BMW X7 จะมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก แต่ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศหรือค่า Cd นั้นต่ำเพียง 0.33-0.34 (ขึ้นอยู่กับขนาดของล้อและการตกแต่งตัวรถ)

ดีไซน์ด้านข้างของ BMW X7 นั้นได้รับการออกแบบให้มีบานกระจกที่ใหญ่ เพื่อเพิ่มความโปร่งสบายให้กับผู้โดยสารภายในรถ ตัวรถมาพร้อมกับล้อขนาดมาตราฐาน 20 นิ้ว และยังมีออพชั่นล้อขนาด 21-22 นิ้วให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการ

ส่วนของด้านท้ายนั้นไฟท้าย LED มาในสไตล์ดีไซน์ของ BMW ยุคใหม่ที่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบรูป L Shape ที่บางลง โดยเมื่อเปิดฝาท้ายขึ้นสามารถบรรทุกสัมภาระได้สูงสูดถึง 2,120 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 2,3 ลง และ 750 ลิตร หากพับแค่เบาะแถว 3 หรือ 326 ลิตร หากกางเบาะไว้ทั้งหมด

BMW X7 นั้น มีทางเลือกการตกแต่งให้ลูกค้าได้เลือก 2 แบบด้วยกัน

  • Pure Excellence จะมาในสไตล์หรูหรา ตกแต่งกรอบบานกระจก,หลังคา,กาบประตูและชุดกันกระแทกกันชนหน้า ด้วยสีเงินอลูมิเนี่ยมตัดกับสีภายนอกของรถอย่างลงตัว ภายในพวงมาลัยหน้าตาเหมือนกับที่เราจะพบได้ใน BMW รุ่นการตกแต่ง Luxury ต่างๆ ในปัจจุบัน
  • M Sport package จะมาในสไตล์ที่ดุดันเพิ่มขึ้น ชุดกันชนหน้า,ท้าย,ข้าง สเกิรต์จะใช้สีเดียวกับตัวรถ กรอบกระจกเป็นสีดำ ล้อแบบ M Sport ส่วนของภายในจะได้พวงมาลัยหนังดีไซน์แบบ M Sport พร้อมชุดแป้นเหยียบคันเร่งแบบ M รวมถึงพรมที่พื้น

Interior Design

ในส่วนของภายใน BMW X7 ได้ยกระดับการตกแต่งภายในรถให้หรูหรามากขึ้นไปอีก ด้วยการใช้วัสดุการตกแต่งชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นหนังแบบ Vernasca,แอร์ Auto แบบ 4 Zone,หลังคา Panoramic glass roof แบบ 3 ส่วน,ไฟ Ambient light ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารและไฟส่องต้อนรับผู้โดยสารภายนอกที่ BMW เรียกว่า Welcome Light Carpet ทั้งหมดนี้คือออพชั่นมาตราฐานของ BMW X7 ทุกรุ่นเครื่องยนต์และทุกการตกแต่ง หากทั้งหมดที่กล่าวมายังหรูหราสะใจไม่พอ BMW ก็ยังมีออพชั่นอื่นๆ ให้ลูกค้ากระเป๋าหนักจ่ายเงินเพิ่มอีกได้

หน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบ Digital พร้อมสวิตซ์ปุ่มควบคุมต่างๆ บนแผงคอนโซลกลาง ที่มีดีไซน์เหมือนกับในรถ Concept ที่โชว์ตัวก่อนหน้านี้ จัดเรียงปุ่มและดีไซน์ได้เรียบหรู สวยงาม ไฮไลท์เด็ดชิ้นใหม่เห็นทีจะอยู่ที่หัวเกียร์แก้วที่ดีไซน์ใหม่เป็นออพชันพิเศษให้ลูกค้าเลือกสั่งเพิ่มได้

BMW X7 นั้น ออกแบบภายในให้รองรับเบาะนั่งแบบ 3 แถว สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 คน แน่นอนครับอานิสงฆ์จากขนาดตัวรถที่ใหญ่มหึมาและมีขนาดฐานล้อที่ยาวขนาดนี้ ส่งผลให้ผู้โดยสารแถว 3 ของ BMW X7 ได้รับความสะดวกสบายและหรูหราไม่แพ้ผู้โดยสารด้านหน้า เบาะแถว 3 เป็นเบาะแบบ Full-size seat ที่มีที่วางแขน,ที่วางแก้วน้ำและช่อง USB มาให้ครบครัน ส่วนเบาะแถว 2 นั้นหากลูกค้ายอมหันที่นั่งออกไป 1 ที่ และยอมจ่ายเงินเพิ่มเข้าไปอีก BMW ก็มีออพชันให้เลือกเปลี่ยนเบาะเป็นแบบคู่ ไม่ติดกันเพื่อเพิ่มความสบายและความเป็นส่วนตัวให้ผู้โดยสารแถวกลาง

Chassis Technology

BMW X7 ใหม่ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน CLAR โดยมีช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ Double-Wishbone ปีกนกอะลูมิเนียม พร้อมชุดโช๊คอัพสปริงถุงลมแบบ Adaptive สามารถปรับควบคุมได้แบบไฟฟ้า ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบอิสระ Five-link ทำจากอะลูมิเนียมผสมกับเหล็กกล้าพร้อมชุดโช๊คอัพสปริงถุงลม ที่สามารถยก-ย่อความสูงของตัวรถทั้งคันให้ขึ้นลงได้สูงสุดถึง 80 มิลลิเมตร เพียงกดสวิตช์ที่ปลายนิ้วจากคอนโซลกลางของรถ ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณมาตราฐานของ BMW X7 ใหม่ ที่มีมาให้ในทุกรุ่นย่อย

สำหรับสาย Off Road BMW เองก็ยังมีของเล่นเอาใจท่านที่อยากพา X7 ไปลุย โดยลูกค้า BMW X7 สามารถเลือก Off Road package เพิ่มเติมได้ โดย package ดั่งกล่าวจะเพิ่มปุ่มเลือกโหมดการขับขี่มาให้ คนขับสามารถเลือกโหมดได้ตั้งแต่โหมด xSand,xGravel,xRocks และxSnow ซึ่งโหมดต่างๆ จะทำงานประสานกับตัวรถทั้งคัน โดยจะปรับตั้งแต่ความสูงความสูงของรถ,ปรับการทำงานของเกียร์,การกระจายแรงขับเคลื่อน รวมถึงปรับจังหวะการทำงานของระบบ DSC ให้เหมาะสมกับโหมดที่เลือก

Engine Variants (at launch)

ขุมพลังของ BMW X7 นั้น ณ วันเปิดตัวมีทางเลือกให้ลูกค้าเลือกด้วยกันทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน แบ่งออกเป็นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล จับคู่เข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic

xDrive40i เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบแถวเรียง เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใช้เทอร์โบเดี่ยวแบบ Twin scroll ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ความจุจริง 2,998 ซี.ซี. ให้กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 340 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500-5,200 รอบต่อนาที สามารถทำอัตตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 205-198 กรัมต่อกิโลเมตร

xDrive50i เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใช้เทอร์โบคู่แบบ Twin scroll ขนาดความจุ 4.4 ลิตร ความจุจริง 4,395 ซี.ซี. ให้กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 462 แรงม้าที่ 5,200-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500-4,750 รอบต่อนาที สามารถทำอัตตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 261 กรัมต่อกิโลเมตร

xDrive30d เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียง เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใช้เทอร์โบเดี่ยว ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ความจุจริง 2,993 ซี.ซี. ให้กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 265 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที สามารถทำอัตตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 178-171 กรัมต่อกิโลเมตร

M50d เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียง M Performance TwinPower Turbo ใช้เทอร์โบ 4 ลูก (2ลูกสำหรับบูสที่รอบเครื่องยนต์สูงและ 2 ลูกสำหรับบูสที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ) ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ความจุจริง 2,993 ซี.ซี. ให้กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 400 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 2,000-3,000 รอบต่อนาที สามารถทำอัตตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปล่อย CO2 193-185 กรัมต่อกิโลเมตร

BMW X7 ใหม่ มีกำหนดจะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศช่วงเดือนมีนาคม 2019 สำหรับตลาดประเทศไทย นั้น คงต้องรอข่าวความคืบหน้าอีกครั้งในช่วงต้นปี 2019 อีกครั้งครับ

The following two tabs change content below.

Thitipat Hiranbavorntip

Eat Sleep Drive // First Jobber ผู้ลุ่มหลงกับเสียงเครื่องยนต์และโค้งบนภูเขา

Comments

comments