เปิดตัว BMW X2 ใหม่อย่างเป็นทางการ ครอสโอเวอร์เล็กแต่แสบใหญ่ เอาใจวัยรุ่น

การจะครองตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมให้ได้สำเร็จนั้น บริษัทรถยนต์ต้องตระหนักถึงการเปิดตัวสินค้าที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของลูกค้าได้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิต ความคิดที่จะปล่อยให้รถยนต์ระดับสูงเป็นได้แค่ของเล่นคนรวย หรือรางวัลชีวิตสำหรับลูกค้าวัยกลางคนนั้นกลายเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว ดังที่เราจะเห็นได้ว่า BMW ซึ่งเคยมีซีรีส์ 3 เป็นรถเล็กที่สุดเมื่อ 20 ปีก่อน ปัจจุบันเรามีทั้งซีรีส์ 1, 2 และ X1 ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กถูกใจวัยรุ่น คล่องตัว และมีราคาที่ First Jobber บางท่านสามารถควักใจซื้อได้ (แต่ไม่ใช่ทุกรุ่น และไม่ใช่ทุกคน)

เป็นที่ชัดเจนว่าตลาดเซกเมนต์ที่มีการแข่งขันรุนแรงมากในทุกวันนี้ หนีไม่พ้นรถยนต์นั่งประเภทครอสโอเวอร์ ที่ไม่ใช่ครอสโอเวอร์ทรงกระเดียดไปทาง SUV อย่างที่ X1 F48 เป็น แต่เป็นครอสโอเวอร์ที่ออกแบบทรวดทรงของรถให้คล้ายรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูท้ายตัด บวกกับช่วงล่างยกสูงเล็กน้อย ที่ผ่านมาเราก็เห็นตัวอย่างจากคู่แข่ง เช่น Mercedes-Benz GLA หรือจากรถยอดนิยมในตลาด Mass เช่น Honda HR-V หรือ Subaru XV เป็นต้น..

แต่ BMW ไม่มีรถที่สามารถตอบความต้องการลูกค้ากลุ่มนี้ได้โดยตรงในช่วงแรก ต้องรอจนโครงสร้างพื้นฐานแบบ UKL2 ถูกพัฒนาออกมาและใช้กับ BMW X1 F48 และ MINI Countryman F60 ทางค่ายใบพัดขาวฟ้าจึงสบโอกาสที่จะสร้างครอสโอเวอร์ทรงกระทัดรัดท้ายสั้น และนี่คือที่มาของ BMW X2 ตั๋วใบใหม่สำหรับลูกค้าหน้าใหม่ที่อยากจะก้าวเข้าสู่การเป็นสาวกบีเอ็มอย่างมีสไตล์ และอาจเป็นอีกทางเลือกแปลกใหม่ของลูกค้ากลุ่มที่เคยชินกับ BMW ขับหลังแบบอนุรักษ์นิยมอีกด้วย

BMW X2 ไจะประกอบที่โรงงาน Regensburg ประเทศเยอรมนี และเริ่มจำหน่ายจริงในเดือนมีนาคม 2018 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้า 2 ประเภท คือ “Young Customer” และ Young-at-heart (วัยลืมแก่) โดยลูกค้าเหล่านี้จะเป็นคนที่อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ แต่ชอบการเดินทางโดยรถยนต์และต้องการยานพาหนะที่สามารถลุยแบบสมัครเล่นได้บ้าง

ดีไซน์ภายนอก-ใต้ท้องสูงแต่หลังคาเตี้ย

BMW ให้คำนิยาม X2 ว่าเป็น SAC-Sports Activity Coupe อันหมายถึงรถครอสโอเวอร์ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่ใช้รูปทรงที่มีแรงบันดาลใจจากรถคูเป้หลังคาเตี้ยเข้ามามีิิอิทธิพลด้วย

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำสายงานดีไซน์ คุณ Adrian van Hooydonk บอกว่า “ดีไซน์ของ X2 เกิดจากความต้องการที่จะทำให้รถดูมีความทันสมัยอย่างเปิดเผยชัดเจน และมีหน้าตาที่สื่อถึงการขับขี่อันคล่องตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ซึ่งการที่เราตั้งใจออกแบบตัวถังภายนอกขึ้นใหม่โดยไม่เอาพาร์ทจากรุ่นอื่นมาใช้ ก็เพราะเราอยากได้ดีไซน์ที่สดใหม่และทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนจากรถที่เรามีให้เลือก”

นอกจากนี้ หัวหน้าแผนกดีไซน์รถขนาด Compact Class คุณ Thomas Sycha ยังเสริมด้วยว่า “วิธีคิดของเราก็คือ เอารูปทรงของรถคูเป้ ซึ่งมีความโฉบเฉี่ยวดูเหมือนรถกำลังวิ่งแม้ยังจอดนิ่ง มาผนวกเข้ากับทรวดทรงที่ดูแข็งแกร่งบึกบึนของรถตระกูล X ที่มีมาก่อนหน้านี้ ส่วนที่ยากก็คือรถทั้งสองประเภทนี้มีลักษณะที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง มันอยู่ที่ว่าเราจะนำสิ่งที่ขัดแย้งสองสิ่งนี้มารวมเข้ากัน เป็นรถแบบที่ BMW ไม่เคยมีมาก่อน และลูกค้าต้องเห็นแว่บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือรถใหม่ของทางค่าย”

ไฮไลท์ทางด้านการออกแบบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากด้านหน้าก็คือทรวดทรงของกระจังหน้าแบบไตคู่ ซึ่งโดยปกติ BMW มักทำส่วนบนของกระจังให้กว้างกว่าด้านล่าง แต่กับ X2 แล้วจะกลับกัน ถือว่าเป็นดีไซน์มาแนวใหม่ และเป็นรถรุ่นแรกของทางค่ายที่ใช้กระจังบานล่างแบบนี้ ซึ่งทางทีมออกแบบกล่าวว่าวิธีนี้ช่วยให้รถดูสปอร์ตขึ้นและดูกว้างกว่าความเป็นจริง ส่วนช่องรับอากาศด้านล่าง ก็ออกแบบให้รับกับกระจังหน้า และมีรูปทรงกับการตกแต่ง ต่างกันไปตามแต่ละ Trim ที่ลูกค้าเลือก

ไฟหน้าของ X2 ในสเป็คมาตรฐานจะใช้หลอดฮาโลเจน กับไฟ Daytime Running Light แบบ LED ทั้งนี้ ในบางรุ่นจะมีไฟหน้าแบบ Full-LED ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (สำหรับคนที่ซื้อรุ่นล่างก็สามารถสั่งเพิ่มเป็นอุปกรณ์พิเศษได้)

ตัวถังถูกออกแบบให้ลู่ลม โดยในสเป็คดีเซล xDrive20d ที่ตกแต่งแบบ Basic และใช้ล้อและยางขนาด 17 นิ้ว จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.28 เท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพื้นที่หน้าตัดของรถที่มีขนาดเล็ก เพราะหลังคานั้นเตี้ยกว่า X1 F48 พอสมควร

นอกจากนี้ส่วนที่เป็นจุดเด่นของ X2 ใหม่ก็คือ การนำเอาโลโก้ BMW ไปติดไว้ที่เสา C-Pillar ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกของ BMW แต่ครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำ มันก็อยู่บนรถคูเป้รุ่นคลาสสิคอย่าง 2000CS และ 3.0CSL นับว่าเป็นการเอาดีไซน์เก่าดั้งเดิมประยุกต์กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างลงตัว

ดีไซน์บางอย่างที่เป็นไปตามเทรนด์ของรถสมัยนี้คือการพยายามใช้ล้อขนาดโตเพื่อกดให้ตัวรถดูมีขนาดตัวเล็กปราดเปรียวเมื่อมองจากระยะไกล ในรุ่นมาตรฐานของ X2 จะได้ล้ออัลลอยลาย 560 ขนาด 17 นิ้ว แต่ถ้าหากลูกค้าเลือกการตกแต่งแบบ M Sport หรือ M Sport X แล้ว ก็จะได้ล้อมาตรฐานขนาด 19 นิ้ว และถ้ายังไม่พอ ก็สามารถเลือกล้อสั่งพิเศษซึ่งมีขนาด 20 นิ้วได้เช่นกัน

ด้านท้ายของรถนั้น มีสิ่งที่ยังทำให้นึกถึง BMW รุ่นอื่นๆอยู่ได้บ้างก็คือลักษณะของไฟท้าย ซึ่งในโคมจะมีหลอด LED ทรง L-Shape ตามเอกลักษณ์ของทางค่าย แต่วิธีการจัดเรียงดวงไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังอาจทำให้ดูมีส่วนที่แตกต่างจากรุ่นอื่นอยู่บ้าง ท่อไอเสียแยกออกข้างละท่อ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 90 มิลลิเมตร (สำหรับรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ)

 

ขนาดและมิติตัวรถ

X2 รุ่นใหม่ มีขนาดความยาวลำตัว 4,360 มิลลิเมตร ความกว้าง (ไม่รวมกระจกมองข้าง) 1,824 มิลลิเมตร สูง 1,526 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,670 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดของตัวรถถึงพื้น 182 มิลลิเมตร

ถ้าหากนำไปเทียบกับ X1 F48 แล้วจะพบว่า X2 ใหม่จะมีขนาดเล็กกว่าขึ้นในเกือบทุกด้านยกเว้นความกว้างที่เกือบเท่ากัน บอดี้ของ X2 จะเตี้ยกว่ากันมาก (86 มิลลิเมตร) ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบหลังคาให้เป็นทรงเตี้ยลาดแบบคูเป้ และความสูงใต้ท้องรถที่ลดจาก 205 เหลือ 182 มิลลิเมตร (สูงกว่ารถเก๋งทั่วไปประมาณ 40 มิลลิเมตร) ส่วนระยะฐานล้อนั้นมีขนาดเท่ากันกับ X1 ส่วนน้ำหนักตัวนั้นเมื่อวัดตามมาตรฐาน DIN รุ่น sDrive20i ขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ที่ 1,460 กิโลกรัม ส่วนรุ่น xDrive20d อยู่ที่ 1,600 กิโลกรัม ถังน้ำมันมีความจุ 51 ลิตร

ไฮไลท์ภายใน

ดีไซน์ของแผงแดชบอร์ดมีลักษณะคล้ายกับ BMW X1 ใช้วัสดุแบบผิวนุ่มขึ้นรูป มีการเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีตัดกัน วัสดุตกแต่งในห้องโดยสารจะเป็นไปตามรุ่นต่างๆที่ลูกค้าเลือก เช่นในรุ่น M Sport/M Sport X จะใช้เบาะผ้าลายหกเหลี่ยมกับ Alcantara สลับกัน และเดินตะเข็บด้ายสีน้ำเงินหรือสีเหลือง นอกจากนี้ถ้าลูกค้าชอบเบาะหนัง ก็ยังมีเบาะ Dakota ให้เลือกอีก 5 สี ส่วนวัสดุตกแต่งตามแดชบอร์ดกับประตูนั้นก็เลือกได้เช่นกันว่าจะใช้วัสดุ High-gloss สีดำ, อะลูมิเนียมหรือลายไม้ Oak Grain สีน้ำตาลด้าน

จอ iDrive สเป็คมาตรฐานจะเป็นขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งถ้าหากลูกค้าสั่งระบบนำทางเพิ่ม ก็จะได้อัปเกรดเป็นจอกลางแบบ Touch Control ขนาด 6.5 หรือ 8.8 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีจอ Head-Up Display ซึ่งแสดงข้อมูลความเร็ว และการนำทางขึ้นบนกระจกหน้าได้อีกเช่นกัน

BMW X2 ใหม่จะมาพร้อมกับหน้าปัดแบบ Black Panel เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสำหรับคนที่ชอบแสงสี BMW ยังมีออพชั่น Lighting Package ให้เลือกสั่ง โดยแสงไฟตกแต่งห้องโดยสารชุดนี้จะลากยาวจากบริเวณแดชบอร์ดไปจนถึงแผงประตู เหมือนเป็นวงแหวนเรืองแสงรอบห้องโดยสารยาวไปถึงข้างหลัง และทำให้ชุดควบคุมและจอ iDrive ดูเหมือนลอยออกมา มีมิติมากขึ้นในยามค่ำคืน เมื่อสั่งแพ็คเกจนี้แล้ว ลูกค้าก็ยังสามารถปรับสีภายในได้ 6 สี คือ ส้ม, Lilac, Mint, ทองแดง, น้ำเงิน และขาว

พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 470 ลิตร และสามารถพับเบาะเพื่อขยายเพิ่มเป็น 1,355 ลิตรได้ ตัวเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับแบบ 40:20:40 ได้เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการขนของประเภทต่างๆ เห็นรูปทรงภายนอกแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าห้องเก็บสัมภาระจะแคบ เพราะคู่แข่งหลายคันที่ตัวโตใกล้เคียงกันก็ยังไม่จุมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถเกรดเดียวกัน หรือคู่แข่งสายอ้อมจากตลาด Mass Market ก็ตาม

รูปแบบการตกแต่งที่มีให้เลือก

การตกแต่งแบบ Basic-ใช้กันชนหน้า/หลังแบบมาตรฐาน กาบข้างสีดำ ล้ออัลลอยเริ่มที่ขนาด 17 ไปจนถึง 19 นิ้ว ภายในตกแต่งโทนสีดำ Oxide Silver Dark เบาะผ้าสี Anthracite ใช้วัสดุตกต่างสีเงินสลับกับ High-gloss Black

การตกแต่งแบบ M Sport – ใช้กันชนหน้า/หลังแบบ M Sport กาบข้างสีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยเริ่มที่ขนาด 19 นิ้ว และสั่งพิเศษเป็นขนาด 20 นิ้วได้ เพิ่มสปอยเลอร์หลัง ภายในสีดำ เบาะ M Sport ปรับรองน่องได้ วัสดุตกแต่งสีเงินอะลูมิเนียม Hexagon สลับกับสีน้ำเงิน M

การตกแต่งแบบ M Sport X – ใช้กันชนหน้า/หลังแบบ M Sport กาบข้างสี Frozen Grey ตัดกับตัวรถ ล้ออัลลอยเริ่มที่ขนาด 19 นิ้ว และสั่งพิเศษเป็นขนาด 20 นิ้วได้ เพิ่มสปอยเลอร์หลัง ภายในสีดำ เบาะ M Sport ปรับรองน่องได้ ตัวเบาะหุ้มด้วยผ้าลายหกเหลี่ยมสลับ Alcantara เย็บตะเข็บสีเหลือง วัสดุตกแต่งสีเงินอะลูมิเนียม Hexagon สลับกับสีมุก Chrome Pearl Effect

 

ขุมพลังขับเคลื่อน

ในช่วงเผยโฉมครั้งแรก BMW เผยสเป็คเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังออกมาแค่ 3 รุ่น แต่ก็ได้แจ้งว่าเมื่อถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 ก็จะมีเครื่องยนต์รุ่นอื่นๆตามออกมา ซึ่งรายละเอียดของเครื่องยนต์นั้นจะเกือบเหมือนกับของที่เราพบใน X1 F48

ทว่าจุดเด่นประการหนึ่งของ X2 ที่ X1 ยังไม่มีนั่นก็คือเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะแบบใหม่ ซึ่งจะมีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ถือว่าเป็นของใหม่ล่าสุดสำหรับ BMW ตระกูลขับหน้า เพราะก่อนหน้านี้จะมีแต่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6-8 จังหวะเท่านั้น

BMW X2 sDrive20i

ใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo เบนซิน 4 สูบพร้อมเทอร์โบแปรผัน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด Direct Injection ขนาดความจุเครื่องยนต์ 1,998 ซี.ซี. ขนาดปากกระบอกสูบxช่วงชักเท่ากับ 82.0x 94.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 ให้พลังสูงสุด 192 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตรตั้งแต่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN เท่ากับ 1,460 กิโลกรัม อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่ากับ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุดตามสเป็คโรงงานแจ้งมา อยู่ที่ 227 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปล่อย CO2 126-134 กรัม/กิโลเมตร

X2 xDrive20d

ใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo ดีเซล 4 สูบพร้อมเทอร์โบแปรผัน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดคอมมอนเรล ขนาดความจุเครื่องยนต์ 1,995 ซี.ซี. ขนาดปากกระบอกสูบxช่วงชักเท่ากับ 84.0x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 ให้พลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตรตั้งแต่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN เท่ากับ 1,600 กิโลกรัม อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่ากับ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุดตามสเป็คโรงงานแจ้งมา อยู่ที่ 221 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปล่อย CO2 121-126 กรัม/กิโลเมตร

X2 xDrive25d

ใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo ดีเซล 4 สูบพร้อมเทอร์โบแปรผัน จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดคอมมอนเรล ขนาดความจุเครื่องยนต์ 1,995 ซี.ซี. ขนาดปากกระบอกสูบxช่วงชักเท่ากับ 84.0x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 ให้พลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรตั้งแต่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN เท่ากับ 1,585 กิโลกรัม อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่ากับ 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดตามสเป็คโรงงานแจ้งมา อยู่ที่ 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปล่อย CO2 133-139 กรัม/กิโลเมตร

ต้นปี 2018 จะมีเครื่องยนต์แบบอื่นตามออกมาอีก ได้แก่ X2 sDrive 18i 1.5 ลิตร 3 สูบ 140 แรงม้า เกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ, X2 xDrive20i 192 แรงม้า เบนซิน ขับเคลื่อนสี่ล้อ, X2 sDrive18d กับ X2 xDrive18d 2.0 ลิตรดีเซล 4 สูบ 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Single-joint Strut ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ ในรุ่น X2 M Sport และ M Sport X จะได้ช่วงล่างแบบ M Sport Suspension ซึ่งมาพร้อมกับโช้คอัพที่หนืดขึ้นและสปริงที่เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร และยังสามารถสั่งออพชั่น Dynamic Damper Control ซึ่งปรับความหนืดของช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้า (Comfort/Sport) โดยผ่านปุ่มควบคุม Driving Experience Control Switch

สรุปเบื้องต้น: ทำให้ดีๆจะเป็น GLA-killer แน่ๆ

ที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงรถครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียมขนาดเล็ก Mercedes-Benz สร้างตลาดในไทยได้กลุ่มใหญ่พอสมควรกับรุ่น GLA ซึ่งวางระดับราคาและอุปกรณ์มาได้ดี ส่วน BMW ในประเทศไทยนั้นไม่มีคู่แข่งสายตรง ดังนั้นจึงต้องอาศัย X1 F48 เป็นตัวต่อกร แต่ความที่ X1 ได้ปรับตัวเองไปเน้นด้านความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และพื้นที่ภายใน ทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เลือก มักเป็นกลุ่มที่รักใน BMW อย่างจริงจังแต่ต้องการรถที่เน้นอรรถประโยชน์ใช้สอยบวกกับความสูงใต้ท้องรถเอาไว้ลุยน้ำท่วม

หาก BMW Thailand ตัดสินใจนำ X2 เข้ามาขาย อาจจะดูเหมือนเป็นตลาดทับซ้อนกับ X1 ก็จริงอยู่ แต่ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เลือกซื้อรถโดยมองเรื่องความสนุกในการขับขี่ หรือเรื่องรูปทรงที่แตกต่างจากรถคันอื่น ซึ่ง X2 มีโอกาสที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะดีไซน์ของตัวรถดูสวยกว่าซีีรีส์ 1 โฉมปัจจุบัน ส่วนเรื่องช่วงล่างและการขับขี่นั้น X1 และ MINI ช่วยปูทางแห่งความสำเร็จไว้นานแล้ว รถสองรุ่นนี้พิสูจน์ว่าแม้ BMW ขับหน้าจะดริฟท์แบบพวกขับหลังไม่ได้ แต่ถ้าไม่นับเรื่องการกวาดท้าย อย่างอื่นสนุกและมั่นใจเท่ากันได้หมด แม้แต่ X1 ที่เป็นรถครอบครัวก็มีช่วงล่างที่ไม่ธรรมดา แล้วกับ X2 ที่เตี้ยและเบากว่าล่ะ? คงไม่ต้องอธิบายกันมากนัก

ที่สำคัญคือ ถ้าจะมาไทย ก็ขอให้เลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะสมสักหน่อย ครอบคลุมตลาดที่ต้องการเซฟเงินเซฟงบ และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแรง ยิ่งถ้ามองว่าคู่แข่งสายตรงมีเครื่องยนต์เบนซินเกียร์คลัตช์คู่ ม้าสองร้อยกว่าตัว เครื่องยนต์ที่ BMW ทำมาให้สำหรับ X2 ก็มีเครื่องที่แรงใกล้เคียงกันอยู่มาก จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 190 แรงม้า หรือเบนซิน 192 แรงม้าน่าจะมีความลงตัวกับหน้าตาและบุคลิกของตัวรถมากกว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรดีเซล 150 แรงม้าที่ใช้อยู่ใน X1 สเป็คไทย

ถ้าได้เครื่องยนต์ตามที่ผมบอก ก็นับว่า X2 ใหม่เป็นรถที่น่าจับตามอง อีกทั้งยังเป็นรถที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของ BMW ในการเป็นรถที่ขับสนุกได้ และต้องใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี บวกเสริมด้วยสไตล์ตัวถังที่พอใครเข้าไปนั่งขับก็ดูเหมือนวัยรุ่นมากกว่ารถตระกูล X รุ่นอื่นๆในค่าย คิดดูสิครับว่ามันน่าจะมีศักยภาพในการเปิดตลาดกลุ่มใหม่ให้กับ BMW

ผมเองหลังจากที่รอดู X2 มาสักพัก บอกได้เลยครับ ตอนนี้เก็บเงินรออย่างเดียว

..รอรถทดสอบน่ะครับ อย่าได้คิดเป็นอื่นไกล เงินที่เก็บไว้ก็จะเอาไว้เติมน้ำมันคืน BMW เนี่ยล่ะครับ

 

The following two tabs change content below.

Pan Paitoonpong

Founding Member/Contributing Editor
มนุษย์ปากจัดผู้หลงใหลเสน่ห์ของรถยุค 90s ชื่นชอบรถยนต์ที่ขับสนุกและมีการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับตัวอ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการขับขี่>>รู้จักกันในชื่อ Commander CHENG ก่อนรีแบรนด์ตัวเองโดยใช้ชื่อจริง>>ทดสอบรถยนต์และเขียนบทความให้กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์และสิ่งพิมพ์ Headlightmag.com, GQ Magazine และแน่นอน..bimmer-th.com

Comments

comments